ตอนที่ 1 บทนำ 1.1

1607 คำ
คริสต์ศักราช 2018 เที่ยวบินปักกิ่ง-ตุนหวง เมืองตุนหวงตั้งอยู่ในเขตมณฑลกานซู่ ซึ่งอยู่แถบทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน บริเวณนี้มีการตั้งหลักปักฐานมาตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์ฮั่น และมีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาประมาณ 2,000 ปี เดิมถูกเรียกว่าเมืองสีทอง เป็นทางผ่านที่สำคัญของเส้นทางสายไหมในยุคโบราณ และถูกป้องกันการรุกรานจากชนเผ่านอกด่านด้วยกำแพงเมืองจีน เขตตุนหวงอยู่ใกล้กับทะเลทรายดังนั้นสภาพอากาศในเวลากลางวันจึงร้อนระอุ หากแต่ในเวลากลางคืนจะหนาวจัดและจะมีหิมะตกในทะเลทรายเมื่อถึงฤดูหนาว ภายในบริเวณแผ่นดินสีทองเหลืองอร่าม กินเนื้อที่เป็นอาณาบริเวณอย่างกว้างขวาง มองไปแห่งหนใดเห็นแต่เม็ดทรายร้อนระอุไกลจนสุดฟากฟ้าและสุดเอื้อมสายตาเลยทีเดียว แผ่นดินแห้งแล้ง ร้อนระอุเต็มไปด้วยความร้อนที่แผดเผากลางทะเลทราย และภายใต้ความแห้งแล้งของแผ่นดินสีทองดังกล่าว ใจกลางทะเลทรายมีทะเลสาบพระจันทร์ซึ่งมีรูปร่างคล้ายพระจันทร์เสี้ยวปรากฏอยู่ และอยู่มานานนับหลายพันปี ในอดีตกาลทะเลสาบดังกล่าวถูกผู้คนในยุคสมัยโบราณเรียกว่าบึงพระจันทร์ ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวมีชื่อภาษจีนว่า เย่ว์หยาเฉวียน ตั้งอยู่ณ.เมืองตุนหวง มณฑลกานซู บริเวณทางภาคตะวันตกของจีน ลักษณะของทะเลสาบมีรูปร่างคล้ายพระจันทร์เสี้ยว ถูกล้อมรอบด้วยเนินทราย และอีกหนึ่งความน่าสนใจของสถานที่แห่งนี้นั่นก็คือ ปรากฎการณ์พิเศษของทิศทางกระแสลม ซึ่งจะไม่พัดลงล่าง กลับพัดขึ้นบนเสมอ ทรายจึงไม่ทับถมแหล่งน้ำ ตามหลักทฤษฎีกลศาสตร์อากาศ ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวจึงไม่ถูกกลืนหายไป ท่ามกลางเนินทรายสูงประหนึ่งขุนเขาสูง เมืองตุนหวง ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลกานซู ทางภาคตะวันตกของจีน เป็นเมืองวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของจีน ตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหมและยังเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญจากจีนไปยังเขตซีอวี้ เอเชียกลางและยุโรป และเคยเป็นชุมทางการค้าที่เจริญรุ่งเรืองในอดีต ตุนหวง ในฐานะเป็นมรดกวัฒนธรรมที่ล้ำค่าแห่งหนึ่งในโลกของจีน ไม่เพียงแต่เป็นจุดแวะพักสำคัญแห่งหนึ่งบนเส้นทางสายไหม ยังเป็นแหล่งบรรจบที่มีความสำคัญของอารยธรรมจีนกับอารยธรรมตะวันตก ตุนหวงลือชื่อในด้านถ้ำหินตุนหวงกับงานจิตรกรรมผนังถ้ำตุนหวง ซึ่งเป็นที่ตั้งของมรดกโลก เช่น ถ้ำมั่วเกาคู ด่านอวี้เหมินกวน และด่านหยังกวนของกำแพงเมืองจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่น แม้ว่าจะมีดินแดนที่ติดทะเลทรายก็ตามแต่ท่ามกลางเนินทรายสูงและอากาศที่ร้อนระอุ กลับมีสถานที่ท่องเที่ยวเกิดขึ้นมากมายอยู่ภายในเขตเมืองตุนหวง นอกจากทะเลสาบพระจันทร์แล้วยังมี ถ้ำมั่วเกา ซึ่งได้ถูกสร้างขึ้นในสมัย “เฉียนฉินแห่งสิบหกประเทศ” ราวๆ ค.ศ.300-400 และได้ผ่านมาหลายยุคหลายสมัยตั้งแต่ยุค 16 ประเทศ (ช่วงสามก๊กตอนปลาย) , เป่ยเฉา, สุ่ย, ถัง, ห้าราชวงศ์, ซีเซี่ย, หยวน (มองโกล) ได้มีการก่อสร้าง และทำนุบำรุง มาไม่อย่างหยุดหย่อนทำให้ขนาดของสถานที่นี้มีขนาดใหญ่มาก ปัจจุบันมีถ้ำอยู่ถึง 492 แห่งและมีภาพฝาผนัง 45000 ตารางเมตร รูปปั้นดินลงสี 2415 องค์ ถือเป็นสถานที่เก็บวัตถุโบราณล้ำค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีเนินทรายหมิงซาซาน เทือกเขาทะเลทรายที่มีความยาวจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก 40 กิโลเมตร จากทิศเหนือไปทิศใต้ 20 กิโลเมตร ยอดเขามีความสูงประมาณ 100 เมตร ทรายมีสีสันต่างกัน 5 สี คือ สีแดง เหลือง เขียว ขาว ดำ ที่มาของภูเขาหมิงซาซานแปลว่าภูเขาทรายร้องไห้ ตามตำนานเล่าว่าเคยมีกองทัพ 2 กองทัพกำลังสู้รบกันอยู่และในขณะนั้นได้เกิดพายุทรายพัดกระหน่ำ จึงทำให้ทั้ง 2 กองทัพถูกฝังทั้งเป็นภายใต้กองทราย ปัจจุบันภูเขาหมิงซาซานเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองตุนหวง สามารถขี่อูฐชมทะเลทรายที่กว้างใหญ่ เดินตามกันเป็นทิวแถวไปตามสันทรายที่โค้งไปมา ภูเขาทรายดูเป็นประกายเมื่อต้องแสงอาทิตย์ตัดกับฟ้าสวยสีครามใสจนทำให้ประทับใจไม่รู้ลืมเลยทีเดียว ว้าว! เสียงอุทานดังออกมาจากร่างของหญิงสาวใบหน้าสวยคม ดวงตาหวานซึ้งเมื่อเธออ่านรายละเอียดผ่านทางหน้าจอมือถือเกี่ยวกับความเป็นมาของเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางของการเดินทางมาในครั้งนี้ของเธอ “ไม่น่าเชื่อเลยว่าตุนหวงจะมีสถานที่เที่ยวไม่แพ้เมืองอื่นๆ เลย ถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองที่อยู่ติดกับทะเลทรายแต่กลับมีสถานที่เที่ยวแปลกตาและไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ในสถานที่ทั้งแห้งและร้อนแทบบ้าแบบนั้น ว่าแต่พี่สามอยู่ในเมืองนี้ได้มาตั้งนานสองนาน มันก็จะต้องมีอะไรพิเศษอย่างแน่นอนเพราะคนอย่างพี่สามไม่มีทางลงที่จะทุนอะไรและต้องพบกับการขาดทุนเป็นแน่”หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ภายในใจ มือเรียวทัชหน้าจอปิดการทำงานของมือถือ ก่อนจะเริ่มสังเกตเห็นว่าเบาะนั่งที่อยู่ติดกับเธอฝั่งทางเดินนั้นกลับว่างเปล่า ไม่มีผู้โดยสารมานั่งประจำแต่อย่างใด “ที่นั่งติดกับเราว่างอย่างนั้นเหรอ แต่ตอนเรากำลังซื้อตั๋วเครื่องบินเจ้าหน้าที่บอกว่าที่นั่งเบาะนี้มีคนซื้อที่นั่งตรงนี้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ”หญิงสาวพึมพำอย่างสงสัย ก่อนจะเหลือบสายตาเห็นร่างอรชรอ้อนแอ่นของพนักงานต้อนรับบนเที่ยวบินกำลังเดินตรงมาที่หญิงสาว ราวกับล่วงรู้ว่าลี่ย่ากำลังขอความช่วยเหลือ “คุณผู้หญิงมีอะไรให้ช่วยไหมคะ”พนักงานคนดังกล่าวเอ่ยถามทันทีที่เดินมาถึง “แหม...เหมือนมีญาณวิเศษเลยว่าเรากำลังจะถามอะไรพอดีเลย”หญิงสาวรำพึงในใจก่อนจะเอ่ยขึ้น “ที่นั่งตรงเบาะนี้คนที่ซื้อตั๋วตกลงไม่มานั่งแล้วเหรอคะ”หญิงสาวถามด้วยความอยากรู้ พนักงานต้อนรับคนดังกล่าวระบายยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเอ่ยตอบกลับมา “ที่นั่งตรงนี้ไม่มีคนนั่งแล้วค่ะ เลื่อนตั๋วการเดินทางไปเป็นพรุ่งนี้แทน ก็เลยทำให้ที่นั่งตรงนี้ว่างลง” อ่อ...เสียงที่บ่งบอกว่าเข้าใจถึงสาเหตุดังกล่าวนั้นยาวออกมาในลักษณะยานคางก่อนจะเอ่ยขึ้น “ขอบคุณมากนะคะ ถ้าเช่นนั้นเบาะนั่งว่างแบบนี้จะได้วางของใช้ส่วนตัวที่นำติดตัวมาได้ ไม่ต้องเอาไปเก็บไว้ด้านบน”หญิงสาวบอกกลับไป “ตามสบายเลยค่ะ คุณผู้หญิงต้องการให้นำสัมภาระจากช่องเก็บด้านบนมาวางไว้บนเบาะเลยไหมคะ”พนักงานคนดังกล่าวพูดพลางส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “ต้องการอย่างมากเลยค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ”หญิงสาวกล่าวขอบคุณด้วยความดีใจพร้อมยกสองมือรับสัมภาระของเธอจากพนักงานต้อนรับ นำมาวางไว้บนเบาะนั่งก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ขอบคุณนะคะที่ช่วย”เธอกล่าวขอบคุณกลับไปพร้อมร่างสูงโปร่งของพนักงานต้อนรับก้าวเดินต่อไปเพื่อคอยดูแลผู้โดยสารคนอื่นๆ หลังจากช่วยเหลือหญิงสาวเป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางรอยยิ้มแย้มเยือนของหญิงสาว เริ่มทยอยนำกระเป๋าเป้และกระเป๋าใส่โน๊ตบุ้คนำมาจัดเรียงวางไว้บนเบาะนั่งให้เรียบร้อยก่อนจะเหลือบสายตาไปเห็นสร้อยหยกสีขาวที่ห้อยคล้องติดอยู่กับตะขอซิปกระเป๋าใส่โน๊ตบุ้คปรากฏอยู่ตรงหน้าหญิงสาวอยู่ในเวลานี้ “เฮ้ย! สร้อยหยกสีขาวของใครกันเนี่ย...ทำไมมาห้อยอยู่ในกระเป๋าใส่โน๊ตบุ้คของเราได้อย่างไง”เธอพูดพลางยกมือเกาศีรษะของตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือปลดสร้อยหยกที่ห้อยอยู่กับกระเป๋าใส่โน๊ตบุ้คพร้อมนำขึ้นมาสำรวจตรวจตราอย่างละเอียดถี่ถ้วน “ตัวสร้อยก็เป็นหยกสีขาวแผ่นหยกก็สีขาว รูปร่างแบบนี้น่าจะเป็นเพราะหยกถูกแบ่งออกเป็นสองชิ้นเสียมากกว่าแตกหักเอง เพราะว่าส่วนที่ถูกแบ่งออกไปนั้นเรียบเนียนเสมอกันทักส่วนเลย น่าจะถูกแบ่งออกจากกันด้วยความตั้งใจให้เป็นสองชิ้นเสียมากกว่า ว่าแต่ตัวอักษรที่แกะอยู่บนหยกอ่านไม่ออกเลยแฮะ ดูคล้ายตัวอักษรโบราณ”หญิงสาวพูดพลางจับจ้องแผ่นหยกที่มีเพียงครึ่งซีกอยู่บนมือพร้อมกับภาพบางอย่างจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็น พรึบ! ภาพเบื้องหน้าคือท้องทะเลทรายอันเวิ้งว้างจนสุดลูกหูลูกตาปรากฏออกมาให้เห็น ก่อนจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นเมืองโบราณที่ไหนสักแห่ง ซึ่งลี่ย่าเองก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ภาพที่เห็นอยู่ในเวลานี้เต็มไปด้วยกลุ่มควันขาวและเปลวเพลิงสีส้มแสด และบริเวณพื้นดินปรากฏศพมากมายทั้งชาย หญิง คนชราและไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กทารกนอนตายเกลื่อนเมือง พรึบ! ภาพดังกล่าวดับวูบลงไปโดยพลันพร้อมเสียงบ่นพึมพำดังลอดออกมาเบาๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม