ตอนที่ 8 รับผิดชอบ
“วันนี้ยังมีงานอะไรอีกไหม?” กฤตยชญ์ถามธันวาเลขาหนุ่ม ทันทีที่ทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องพักสุดหรูของโรงแรมระดับห้าดาวประจำจังหวัดภูเก็ตแห่งนี้
“ไม่มีแล้วครับนาย เรื่องสัญญาว่าจ้างที่คุยกับคุณแมทริกวันนี้ก็เรียบร้อยดีแล้วเหลือแค่เพียงส่งเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อเตรียมงานเท่านั้นครับ”
กฤตยชญ์พยักหน้ารับเบาๆพลางดึงเนคไทที่คอออกก่อนจะนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่อย่างผ่อนคลาย
“ก็ดี...นายมีอะไรก็ไปทำเถอะฉันอนุญาตให้พักผ่อนได้หนึ่งวัน ค่อยเดินทางกลับพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
“ขอบคุณครับนาย งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ธันวาโค้งให้เจ้านายหนุ่มของเขาเล็กน้อยก่อนจะเดินหายลับออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
กฤตยชญ์ถือโอกาสนี้หลับลงเอนศีรษะพิงพนักโซฟาอย่างคนเมื่อยล้า ที่บอกให้ธันวาไปพักเพราะว่าเขาเองก็อยากจะพักบ้างเหมือนกันเผื่อบางทีความคิดอะไรๆที่มันตีกันอยู่ในหัวจะได้ดูเป็นที่เป็นทางขึ้นมาบ้าง
“เธอเป็นใครกันแน่...อัญญาดา”
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมองเพดานห้องสีขาวสะอาด ภาพของหญิงสาวที่ถูกเขาระกำย่ำยีฉายชัดขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับต้องการจะตรอกย้ำถึงความอำมหิตดิบเถื่อนของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นกฤตยชญ์ก็ยังคงคิดเสมอว่าสิ่งที่เขาทำลงไปนั้นถูกต้องที่สุดแล้ว มันไม่ได้หนักหนาเกินไปและมันคือสิ่งที่เธอควรได้รับ...แต่ความสัมพันธ์ระหว่างหญิงสาวกับอัฐพลว่าที่เจ้าบ่าวของพี่สาวคือสิ่งที่ทำให้เขาคลางแคลงใจอยู่ไม่น้อย เป็นไปได้ด้วยหรือที่ชายหญิงจะอยู่ด้วยกันโดยไม่มีความสัมพันธ์ทางกายใดๆเกิดขึ้น ทั้งที่อัญญาดาก็จัดได้ว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งหรืออัฐพลจะให้เกียรติเธอมากมายขนาดนั้น? เขาหวังจริงจังกับเธออย่างนั้นหรือ? แล้วพี่สาวของเขาล่ะ?
แต่ไม่ว่าหญิงสาวจะเป็นใครโทษของเธอที่เข้ามาแทรกกลางเป็นมือที่สามสร้างความร้าวฉานให้กับคนที่เขารักและเทิดทูนสุดหัวใจก็ไม่อาจลดหย่อนได้จนกว่าเธอจะสำนึกและเลิกยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาเท่านั้น
ชายหนุ่มสะบัดหัวไปมาสองสามที่เพื่อไล่ความคิดที่เริ่มตีกันยุ่งอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายให้คลายความเหนื่อยเมื่อยล้าทั้งจากการทำงานและการเดินทาง มาภูเก็ตทั้งทีเขาจะปล่อยให้ค่ำคืนนี้ต้องเหี่ยวเฉาได้อย่างไร เมืองแห่งแสงสีขนาดนี้นักท่องราตรีสาวๆเขาต้องได้พวกเธอมานอนอยู่ใต้ร่างสักคน...
บ้านเด็กเมตตา
“แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ อัญจะหาทางช่วยน้องๆเอง ยังไงซะทุกๆคนก็คือครอบครัวของอัญ”
“ขอบใจมากนะลูก แม่ดีใจจริงๆที่อัญไม่ลืมพวกเรา”
“ที่นี้ให้ชีวิตใหม่กับอัญ... อัญจะลืมได้ยังไงกันคะ”
“ว่าแต่ อัญเป็นอะไรรึเปล่าลูกทำไมหน้าตาดูไม่สดใสเอาซะเลย” คุณจิต เมตตา หรือคุณแม่ที่รักของเด็กๆกำพร้าที่บ้านเด็กเมตตาแห่งนี้ถามขึ้นเมื่อสั่งเกตุสีหน้าของลูกสาวที่ตนเคยเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กและรักมากเหมือนลูกในไส้คนหนึ่ง
“อัญแค่ไม่สบายนิดหน่อยค่ะ ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วขอบคุณแม่มากนะคะที่เป็นห่วงอัญเสมอ” หญิงสาวยกมือขึ้นกราบลงบนบ่าของคุณป้าวัยชราที่เธอเรียกจนติดปากว่า ”แม่” อย่างนอบน้อมและก็ได้รับอ้อมกอดอบอุ่นตอบกลับมา
น่าแปลกที่วันนี้เธอมีใจอยากจะมาเยี่ยมแม่และน้องๆที่บ้านเด็กเมตตาแห่งนี้ ถึงได้รู้ว่าสถานที่ดีดีแบบนี้กำลังจะถูกยึดเนื่องจากความใจดีของแม่จิตที่ไปค้ำประกันให้กับรุ่นพี่ของเธอคนหนึ่งที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่เหมือนกันแต่สุดท้ายความดีก็ถูกบดบังเมื่อหนี้สินทั้งหมดตกอยู่ที่แม่จิตเพียงคนเดียว กับภาระมากมายในการดูแลน้องๆของเธออีกหลายชีวิต จำนวนเงินมากกว่าห้าล้านบาทที่จะสามารถไถ่บ้านคืนมาได้ก็มากโขอยู่ลำพังแม่จิตเองก็ไม่ได้มีรายได้มากมายเพียงแค่ทำขนมขายและมีเงินจากผู้ใจบุญอีกเล็กน้อยเท่านั้นที่จะช่วยปะทังชีวิตหลายๆชีวิตเหล่านี้
เธอจึงรับปากว่าจะช่วยไถ่บ้านคืนมาให้เองแม้ว่าแม่จะพยายามปฏิเสธตลอดก็ตาม แต่เธอจะไม่มีวันยอมให้สถานที่ที่เป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างของเธอต้องถูกยึดไปง่ายๆแบบนี้แน่ หากไม่มีที่นี้ก็คงไม่มีผู้หญิงที่ชื่อ อัญญาดา ในวันนี้ เธอได้รับชีวิตใหม่ ได้มีครอบครัว ได้เรียนตามที่ฝัน เมื่อเธอเคยได้รับโอกาสที่ดีเหล่านั้นก็ควรจะแบ่งปันมันให้กับคนที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันกับเธอบ้าง เด็กๆเหล่านี้น่าสงสารพวกเขาไม่ได้ทำผิดอะไรแต่กลับถูกบุคคลผู้ที่ให้กำเนิดทอดทิ้งอย่างไม่ใยดี ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม หากได้รับโอกาสเธอเชื่อว่าเด็กๆต้องเติบโตมาเป็นคนดีของสังคมได้อย่างแน่นอน
หญิงสาวยืนมองบ้านหลังขนาดกลางที่เคยอาศัยอยู่มาตั้งแต่เด็ก จับมือบุคคลที่เธอเคารพเหมือนแม่แท้ๆเอาไว้แน่น ตั้งมั่นกับตัวเองในใจว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือทุกคนที่นี่อย่างเต็มกำลังความสามารถ...
‘ที่ที่สร้างชีวิต...ต่อให้ต้องแลกมาด้วยชีวิตก็ไม่เสียดาย...’