แสงแดดจ้าในช่วงสายของวันใหม่ ปลุกหญิงสาวที่นอนเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ให้ขยับตัวตื่นก่อนจะเบ้หน้าเมื่อความปวดร้าวตามร่างกายเริ่มเล่นงาน ดวงตาสวยหนักอึ้งค่อยๆเปิดออกพลางกระพริบถี่ๆก่อนจะนิ่งมองเพดานห้องเนิ่นนานอยู่อย่างนั้น ในหัวเริ่มประมวลภาพเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นอีกครั้งอย่างเศร้าใจ ปล่อยน้ำตาให้รินไหลโดยไม่คิดที่จะเช็ดออก ความเงียบที่ปกคลุมทำให้รู้ว่าในห้องนี้มีแค่เธอเพียงคนเดียวเท่านั้น ไร้เงาชายโฉดที่กระทำระยำกับเธอเมื่อคืน
อัญญาดาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก แต่ความเจ็บปวดรวดร้าวตามร่างกายทำให้ต้องหยุดนิ่งพร้อมทั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างช่วยไม่ได้ ชั่วครู่หนึ่งหญิงสาวกัดฟัดข่มความเจ็บม้วนผ้าห่มผืนใหญ่พันร่างตัวเองก่อนก่อนจะค่อยๆเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อหวังชำระล้างความสกปรกน่ารังเกียจที่พึ่งได้รับมา
ร่างบางเปลือยเปล่ายืนนิ่งงันหน้ากระจกบานใหญ่ ใจแทบแตกสลายรับไม่ได้กับสภาพน่าสมเพชของหญิงสาวที่อยู่ในนั้นและนั่นคือตัวของเธอ...น้ำตาไหลรินลงมาอีกอย่างไม่อาจอดกลั้นได้แต่ค่อยพยุงร่างที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเดินไปหาฝักบัวเปิดน้ำแรงๆสาดใส่ตัวเองไม่ได้เพียงแค่หวังให้ชะล้างร่องรอยน่าชังแต่หวังให้ช่วยบดบังน้ำตาแห่งความอ่อนแอ ในเวลานี้เธอไม่อาจฝืนยิ้มหรือปั้นหน้าเป็นสาวแกร่งและมั่นใจอย่างที่ใครๆบอกได้อีก เธออยากขอเวลาให้กับตัวเองหากแม้ไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขในสิ่งใดได้แต่อย่างน้อยขอพระเจ้าได้โปรดประทานความเข้มแข็งแก่เธออีกครั้งให้ครั้งนี้เป็นความเจ็บปวดสุดท้ายที่เธอมี...
สายน้ำที่ควรจะใสสะอาดแต่กลับแปดเปื้อนสีแดงที่มาพร้อมกับกลิ่นคาว อัญญาดาก้มมองหว่างขาของตัวเองซึ่งเป็นที่มาของเลือดแห้งเกอะกังตรอกย้ำตราบาปที่กฤตยชญ์สร้างไว้ให้กับเธอ เสียงสะอื้นที่เหือดหายไปได้เพียงครู่กลับดังขึ้นมาอีกครั้งพร้อมทั้งหยาดน้ำตาที่ปะปนกับสายน้ำไหล หญิงสาวปล่อยโฮเสียงดังพลางให้มือขัดถูไปทั่วทั้งตัวอย่างแรงหวังลบรอยอุจาตออกไปให้พ้นตา แต่ยิ่งลบก็ยิ่งเจ็บยิ่งลบก็ยิ่งติดแน่นไปจางหาย
“กรี๊ดดดดดดดดดดด!!”
หญิงสาวดึงทึ่งผมสลวยของตัวเองพร้อมทั้งกรีดร้องเสียงดังระบายความอัดอั้นภายใน ก่อนจะทรุดฮวบนั่งลงกับพื้นห้องน้ำ ปล่อยตัวปล่อยใจร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยนท่ามกลางสายน้ำไหลแรงๆแทบบาดเนื้ออยู่แบบนั้นเนิ่นนานแต่ก็ยังไม่อาจทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้
เมื่อจำใจอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเสร็จสิ่งแรกที่คิดได้ก็คือ เธอไม่อาจไปทำงานได้ในสภาพแบบนี้แน่และที่สำคัญเธอใจไม่ด้านพอที่จะกลับไปเหยียบถิ่นของผู้ชายเลือดเย็นนั่น แวปหนึ่งในหัวบอกให้เธอลาออกจากงานแต่นั่นยิ่งเป็นเรื่องยากสำหรับเธอเพราะนี่คืองานที่เธอรักและใฝ่ฝันมาตลอดหากต้องเสียมันไปก็ขอให้เสียเพราะความสามารถหรืออ่อนประสบการณ์ในเรื่องงานไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแบบนี้เพราะฉะนั้นเธอควรแยกแยะระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวและหวังว่ากฤตยชญ์เองก็คงจะคิดเช่นนั้นถ้าเขายังเป็นลูกผู้ชายมากพอ...
คิดได้ดังนั้นก็เดินตรงไปคว้าโทรศัพท์เครื่องสวยที่พึ่งซื้อมาแทนเครื่องเก่าที่พังไป แต่ข้อความเข้าจากเบอร์แปลกทำให้เธอชะงักก่อนจะตัดสินใจเปิดอ่าน มือบางกำแน่นกับข้อความทุเรศนั่น ก่อนที่โทรศัพท์จะส่งเสียงร้องเตือนว่ามีข้อความใหม่เข้ามาอีก
ติ๊ด ติ๊ด...
ไม่รอช้าอัญญาดากดเปิดดูข้อความทันทีนึกเอะใจไม่น้อยที่ในคราวนี้เป็นข้อความวิดีโอ ด้วยรางสังหรณ์บางอย่างทำให้หญิงสาวใจสั่นอย่างบอกไม่ถูกก่อนจะตัดสินใจเปิดดูวิดีโอที่กฤตยชญ์ส่งมาอย่างภาวนาขออย่าให้เป็นเรื่องไม่ดีอีกเลยทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควรหวังอะไรกับผู้ชายคนนี้อีกแล้วก็ตาม ทันทีที่กดเปิดวิดีโอร่างบางแทบทรุดลงกับพื้นขาทั้งสองข้างเหมือนไร้เรี่ยวแรงเอาเสียดื้อๆ เธอไม่คิดเลยว่าความระยำต่ำช้าที่กฤตยชญ์ทำกับเธอจะยังถูกเขาบันทึกเอาไว้ด้วย หมดสิ้นแล้วศักด์ศรีและความภาคภูมิใจที่เธอเฝ้ารักษา เขาทำแบบนี้กับเธอได้อย่างไร? นี่เป็นคำถามที่นึกอยากจะถามเขาเหลือเกิน เขาไม่รู้สึกผิดกับเธอบ้างเลยหรือ?
ความเจ็บช้ำบวกกับความน้อยเนื้อต่ำใจทำให้หญิงสาวร้องไห้อย่างหนักจนเผลอหลับไป เป็นแบบนี้อยู่ตลอดสองวันและในเวลานี้ความอ่อนเพลียเมื่อยล้าเริ่มเข้าเกาะกุมทำให้ตัวร้อนและมีไข้ขึ้นสูงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำได้แค่เพียงนอนซมอยู่บนเตียงภายใต้ผ้านวมผืนหนา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยให้ร่างกายของเธออบอุ่นขึ้นมาได้เลยแม้แต่น้อย ถ้าเธอต้องตายก็คงตายอย่างเดียวดายโดยที่ไม่มีใครรับรู้ เมื่อหญิงสาวเลือกที่จะปิดกั้นตัวเองจากทุกสิ่งเธอปิดมือถือและไม่เปิดรับข่าวสารใดๆและไม่คิดที่จะโทรหาใครด้วยเหตุผลเดียวคือ ไม่อยากให้ใครต้องมาเห็นสภาพอันน่าสมเพชของเธอในตอนนี้...
อัญญาดาครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่บนเตียงกว้างภายในห้องอันมืดมิด แต่ความเคลื่อนไหวบางอย่างทำให้เธอรับรู้ถึงการมาของใครสักคน ได้แต่ภาวนาในใจขออย่าให้เขาคนนั้นเข้ามาเจอเธอในสภาพนี้เลยเพราะแม้แต่เรี่ยวแรงจะลุกหนีไปหลบซ้อนตัวในตอนนี้เธอก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว ใครกันที่อุกอาจเข้ามาในห้องของเธอในเวลานี้แล้วเข้ามาได้อย่างไร?
ความสงสัยพลันหายไปเมื่อได้ยินเสียงหวานร้องเรียกอยู่ไม่ไกล ความรู้สึกอุ่นใจปรากฏขึ้นให้คลายความหวาดกลัว อยากจะขานรับเหลือเกินแต่เสียงพูดก็แทบจะไม่มี ดวงตาก็หนักอึ้งราวกับมีอะไรมากดทับไว้ ในใจแอบกังวลไม่น้อยเมื่อคิดได้ว่าจะพูดแก้ตัวกับเพื่อนสาวอย่างไร เพื่อให้อริสราสบายใจที่สุด...
อัญญาดารับรู้ถึงเสียงเปิดประตูห้องนอนของเธอพร้อมกับไฟที่สว่างขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหวานๆของเพื่อนสาวที่ร้อวเรียกชื่อของเธออย่างตกใจพลางเข้ามาเขย่าตัวเธอแต่ความเหนื่อยล้าทำให้ยากยิ่งที่จะตอบรับและเปิดดวงตาขึ้นมาในเวลานี้
“อัญ!! ...ได้ยินริษาไหม อัญตื่นสิ” อริสราร้องเรียกเพื่อนพลางอังมือไว้ที่หน้าฝากและก็พบว่าเพื่อนรักตัวร้อนจี๋
“อัญตัวร้อนมากเลยค่ะ...ทำยังไงดีคะคุณภู?”
“พาไปโรงพยาบาลไหม”
“ก็ดีเหมือนกันนะคะ”
เสียงสองสามีภรรยาหมาดปรึกษากันทำให้อัญญาดาที่นอนฟังอยู่รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา เธอไม่อยากไปโรงพยาบาลเพราะนั่นจะยิ่งทำให้เธอยิ่งรู้สึกสมเพชตัวเองอีกอย่างอริสราคงเป็นห่วงเธอมากขึ้นไปอีกแน่ๆ
“...ไม่ไป” เสียงแผ่วเบาขาดห้วงจากคนไข้ที่นอนซมอยู่พูดแทรกขึ้นทำให้ผู้มาเยือนทั้งสองต้องรีบหันไปมอง
“อัญตื่นแล้วเหรอ...” อริสราถามเพื่อนด้วยความดีใจที่เห็นเพื่อนสาวรู้สึกตัว
“ริษามาได้ยังไง...ไปฮันนิมูนไม่ใช่เหรอ” อัญญาดาถามออกไปอย่างสงสัยถึงการมาของเพื่อนสาวที่ตอนนี้น่าจะอยู่ในช่วงของการฮันนิมูนพักผ่อน
“พี่เก๋โทรไปหาริษา บอกว่าอัญหายหน้าไปไม่ไปทำงานด้วย ริษาเป็นห่วงก็เลยรีบมาหา”
“โธ่!! ริษา...ไม่เห็นต้องลำบากเลย อัญไม่ได้เป็นอะไรมาก” อัญญาดาตอบเสียงแผ่วอย่างรู้สึกผิด อริสรามักให้ความสำคัญกับเธอก่อนเสมอตั้งแต่ไหนแต่ไรมา
“ไม่เป็นอะไรมากอะไรกัน...อัญต้องไปโรงพยาบาลนะ อัญไข้ขึ้นสูงมากเลยนะรู้ไหม”
“อัญไม่ไปริษา อัญขอร้องอย่าพาอัญไปเลยนะ” อัญญาดาเอ่ยขอร้องพลางเอื้อมมือมาเขย่ามือของอริสราเหมือนเด็กน้อยอ้อนแม่ไม่อยากไปหาหมอแต่ลึกๆแล้วหญิงสาวเองก็มีเหตุผลในใจเหมือนกัน
“นี่ข้อมืออัญเป็นอะไร ทำไมถึงมีรอยช้ำน่ากลัวแบบนี้” อริสราเอ่ยถามออกไปอย่างตกใจเมื่อเห็นรอยช้ำห้อเลือดที่อยู่รอบๆข้อมือของเพื่อนสาว
“เอ่อ...เปล่านิ รอยนาฬิกาน่ะ” อัญญาดาปฏิเสธรีบดึงมือกลับไปใต้ผ้าห่มตามเดิม พลางหลุบตาลงต่ำเพื่อหลบสายตาคาดคั้นของเพื่อนสาวที่มองมาอย่างมีคำถาม
อริสรามองดูท่าทางลุกลี้ลุกล้นของเพื่อนอย่างแปลกใจก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือไปกระชากผ้าห่มออกโดยที่อัญญาดาไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ภาพของเพื่อนสาวตรงหน้าทำให้เธอถึงกับตกตะลึง รอยฟกช้ำเป็นจ้ำๆตั้งแต่เนินอกที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อซับในตัวบางที่เพื่อนสาวสวมใส่รวมไปถึงรำคอระหง แขนขาวเนียนทั้งสองข้าง และที่สำคัญข้อมือทั้งสองข้างก็มีรอยช้ำห้อเลือดรอบๆไม่ต่างกัน หญิงสาวจับแขนของเพื่อนขึ้นมาทั้งสองข้างพลางเอ่ยถาม รู้สึกปวดใจไม่น้อยที่เห็นสภาพแบบนี้ของเพื่อนรัก
“อัญใส่นาฬิกาข้อมือทั้งสองข้างเลยเหรอ...ทำไมต้องโกหก...อัญเป็นอะไรใครทำแบบนี้กับอัญ ...บอกริษาซิ เราเป็นเพื่อนรักกันไม่ใช่เหรออัญ ฮือ ฮือ...” อริสราปล่อยโฮออกมาด้วยความสงสารเพื่อนจับใจโดยมีอัญญาดาร่วมด้วยช่วยกันหลั่งน้ำตาออกมาราวกับเขื่อนแตก จนภูบดินทร์ต้องเข้าไปจับไหล่บางของภรรยาที่กำลังสั่นไหวจนตัวโยนเอาไว้อย่างปลอบประโลม
“อัญขอโทษริษา...อัญขอโทษ ...ฮือ ฮือ...”
อัญญาดากล่าวขอโทษขอโพยเพื่อนอย่างรู้สึกผิดที่ไม่สามารถบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนให้เพื่อนรักได้รับรู้ “อัญยังไม่พร้อมริษา...แต่อัญสัญญาว่าจะเล่าให้ริษาฟังแน่นอน ริษาอย่าคาดคั้นอัญเลยนะ ฮือ ฮือ...”
“โธ่ !! อัญ...ถึงริษาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอัญ...แต่ริษาจะไม่ยกโทษให้คนที่ทำกับอัญแบบนี้แน่ ฮือ ฮือ...”
“อัญก็จะไม่มีวันยกโทษให้เขาง่ายๆเหมือนกัน ฮือ ฮือ...” อัญญาดากล่าวอย่างมาดมั่นพลางนึกถึงใบหน้าของผู้ชายที่ทำระยำกับเธอ...เธอจะไม่มีวันยกโทษให้กับเขาเด็ดขาด!! เขาจะต้องเจ็บมากกว่าที่เธอเจ็บร้อยเท่าพันเท่า!!
ขอเวลาให้เธออีกสักหน่อยแล้วเธอจะกลับไปเข้มแข็งอย่างเดิมแน่นอน ความเลวร้ายที่กฤตยชญ์ทำกับเธอในวันนี้ เธอจะทำให้เขาเจ็บปวดและเสียใจอย่างที่สุดที่ตัดสินเธอด้วยอารมณ์แค้นแบบนี้!!
‘ผู้ชายอย่างเขา ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!!...’