เช้าวันนี้ก็เหมือนดังเช่นทุกวัน กิจวัตรประจำวันของลลัลนา คือการเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัย เธอมีเรียน 5 วันต่อสัปดาห์ ทำให้เธอจัดตารางเวลาของตัวเองได้ง่าย เพราะตัวเธออาศัยอยู่ที่คอนโดเป็นหลักในช่วงวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี และกลับบ้านในทุกเย็นวันศุกร์ มีบ้างบางสัปดาห์ที่เธอไม่ได้กลับ แต่เธอก็ไม่เคยขาดการติดต่อหรือห่างจากครอบครัวของเธอนาน
‘รอหน้าลิฟต์’ เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น ระหว่างที่ลลัลนาเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัย เธอหยิบขึ้นมาดู ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ไม่ต้องเดาเลยว่าใคร เอาเบอร์มาจากไหนอีกเนี่ย” เธอบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆพร้อมกับเอื้อมมือหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นบ่า สำรวจความเรียบร้อยว่าไม่ได้เปิดอะไรทิ้งเอาไว้ก็เดินออกจากห้องเพื่อจะไปที่ลิฟต์ตามที่ใครบางคนส่งข้อความมาบอก แต่เมื่อออกจากห้องมาก็เห็นว่าเขามายืนรออยู่แล้ว
ลลัลนาก้าวเข้าไปในลิฟต์ก่อนตามความเคยชิน จนกระทั่งลงมาถึงที่รถ หญิงสาวรอให้เขาปลดล็อกก็ก้าวเข้าไปนั่งในรถโดยไม่รอให้เขาออกคำสั่ง
“วันนี้ฉันเข้าบริษัท เธอมีเรียนถึงกี่โมง”
“มีแค่วิชาเดียวค่ะ แต่เดี๋ยวไปซื้อของขวัญกับยัยข้าวค่ะ”
“อืม” ชายหนุ่มส่งเสียงรับรู้ในลำคอ แล้วขับรถมาส่งหญิงสาวที่หน้าคณะ ก่อนจะขับรถออกไป ท่ามกลางสายตาของนักศึกษาหลายคนที่มองว่าทำไมหญิงสาวถึงมากับนัทธี ร่างบางรีบไปที่โต๊ะประจำที่มีฟางข้าวนั่งรออยู่และพากันขึ้นคลาสไป
หลังเลิกเรียน ทั้งสองสาวพากันไปห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใกล้กับมหาวิทยาลัย เพื่อซื้อของขวัญให้มารดาของฟางข้าว หลังจากซื้อของเสร็จสองสาวก็พากันมานั่งทานข้าว
“ขอโทษนะครับ นั่งด้วยได้มั้ยครับ”
“อ้าว ดล มาคนเดียวเหรอ มานั่งเลย” ลลัลนากับฟางข้าวเงยหน้าหลังจากมีเสียงทักขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นณดล เพื่อนร่วมคณะที่เป็นเดือนมหาวิทยาลัยก็เอ่ยชวนให้นั่งด้วยกัน
“เราแซวเล่น แต่ไหนๆก็ชวน งั้นนั่งด้วยนะ” ณดลพูดพร้อมกับขยับเก้าอี้หย่อนตัวนั่งลงข้างๆลลัลนา
“ดาวกับเดือนมหาลัย ในที่สุดก็ได้มาเจอกันอีก หลังจากแทบไม่ได้เจอกันเลยในเวลาเรียน” ฟางข้าวแซวณดลกับลลัลนาพร้อมกับยิ้มกว้าง
“แล้วใครล่ะ ที่ไม่มาวันประกวดน่ะ ฉันถึงต้องขึ้นประกวดแทน” ลลัลนามองฟางข้าวค้อนๆ
สามคนนั่งทานข้าวไปพร้อมกับคุยกันไปเรื่อยๆจนกระทั่งเห็นว่าเย็นมากแล้ว จึงเตรียมแยกย้ายกันกลับบ้าน ในขณะที่กำลังจะลุกออกจากโต๊ะ ได้มีใครบางคนมายืนขวางลลัลนาไว้
“พี่นัท” ลลัลนาที่หันมามองคนที่ยืนขวางเธอไว้ ก็ต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“กลับบ้าน ฟางข้าว เธอขับรถของลัลกลับไปทีนะ วันจันทร์ค่อยขับมา” นัทธีมีสีหน้าไม่พอใจหันไปบอกเพื่อนสนิทของลลัลนา พร้อมกับดึงกระเป๋าของลลัลนาไปเปิด หยิบกุญแจรถส่งให้ฟางข้าว ข้อมือเล็กของลลัลนาถูกจับพร้อมกับออกแรงดึงเธอให้เดินตามเขาไป
“นั่นอาจารย์ไม่ใช่หรอข้าว” ณดลหันมาถามฟางข้าว หลังจากที่ลลัลนาหายลับตาไปแล้ว
“อือ อาจารย์นั่นแหละ” ฟางข้าวตอบ พร้อมกับแอบมองณดลที่มองตามลลัลนาไปจนลับสายตา
“งั้นเรากลับแล้วนะ ดลกลับเลยไหม” ฟางข้าวถามณดลระหว่างที่กำลังเดินออกจากร้านอาหาร
“อือ เดี๋ยวเรากลับเลย ข้าวไปส่งเราหน่อยได้ไหม เราไม่ได้เอารถมา วันนี้ออกมากับเพื่อน”
“โอเคจ้ะ” ฟางข้าวตอบรับพร้อมกับแอบยิ้มดีใจ
“พี่นัท ลัลเจ็บ” ลลัลนาบอกเขาเบาๆ
ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยข้อมือของเธอแม้จะเดินมาถึงรถแล้วก็ตาม แถมยังบีบข้อมือหญิงสาวแน่นขึ้น นัทธีก้มลงมองไปที่ข้อมือเล็กที่เขาจับอยู่ มีรอยแดงเพราะฝีมือเขา เขาจึงยอมปล่อยมือ ก่อนจะขับรถออกไป
ลลัลนานั่งตัวเกร็งมาตลอดทาง เมื่อมาถึงที่คอนโดหญิงสาวรีบลงจากรถแต่ก็ช้ากว่านัทธี ชายหนุ่มรีบลงจากรถแล้วคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ ก่อนจะดึงเธอขึ้นลิฟต์ไปด้วยกัน
ทันทีที่ลิฟต์เปิด นัทธีดึงข้อมือลลัลนาไปที่ห้องของเขา หลังจากที่กดรหัสเข้าห้องก็ก้าวยาวๆไปยังโซฟาตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง มือใหญ่ออกแรงดึงข้อมือหญิงสาวให้นั่งลงบนตักเขา และกอดเอวเธอเอาไว้
“พี่นัทคะ…”
“อยู่เงียบๆ” ชายหนุ่มพูดขัดขึ้น เพราะเขารู้ดีว่าลลัลนาจะพูดอะไร แต่เขาจำเป็นต้องสงบสติอารมณ์ของตัวเขาเอง
ลลัลนาเห็นอาการเขาก็ถอนหายใจแล้วนั่งเงียบปล่อยให้เขากอดเธอ มือเล็กเอื้อมไปลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ
“เป็นอะไรคะ โมโหอะไร” ลลัลนาถามชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“เปล่า” นัทธีปฏิเสธหญิงสาวในอ้อมกอดแต่กลับโอบรัดเอวคอดเล็กแน่นขึ้น
“พี่นัทไม่เปลี่ยนเลยนะคะ ปากแข็ง อารมณ์ร้อน” เธอพูดพลางลูบหลังปลอบเขา
“จำได้ด้วยเหรอ” เจ้าของตักแกร่งเอ่ยออกมาด้วยความแปลกใจ
“ก็นิดหน่อยค่ะ นานแล้วนี่คะ เป็น 10 ปีแล้วนะคะ”
“อืม นานพอสมควร” เขาตอบพลางคลายมือออกและจับให้หญิงสาวเบี่ยงกายหันหน้ามามองเขา
“อารมณ์ดีขึ้นแล้วใช่มั้ยคะ” หญิงสาวไม่ได้ว่าอะไรแต่กลับถามเขาออกไปน้ำเสียงอบอุ่น
“อืม…..กลับห้องเถอะ ไม่งั้นไม่รับประกันว่าจะรอครบเดือนไหว” เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ลลัลนารีบกระเด้งตัวลุกออกจากตักกว้าง แล้วเดินเร็วๆออกจากห้องเขาไปทันที
ทางด้านฟางข้าวกับณดลที่เดินมาที่รถของลลัลนา หญิงสาวเปิดรถและวางกระเป๋าของเธอไว้ที่เบาะหลังรถ
“เราขับให้มั้ย” ณดลเอ่ยถามฟางข้าว
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราขับเองดีกว่า ขี้เกียจเปลี่ยนที่นั่งด้วย ตอนส่งดลเสร็จน่ะ”
“โอเค” ณดลพยักหน้าก่อนจะเปิดประตูขึ้นไปนั่งเบาะหน้าคู่กับฟางข้าว ก่อนที่ฟางข้าวจะขับออกไป
“ลืมถามเลย ให้เราไปส่งที่ไหน” ฟางข้าวที่ขับรถมาสักพักเพิ่งนึกขึ้นได้ เอ่ยถามณดลขึ้น
“ที่คอนโดเลย วันนี้เราไม่ไปเฝ้าผับ วันนี้ขี้เกียจ” ณดลบอกหญิงสาวขำๆ
ฟางข้าวส่งเสียงในลำคอเป็นการตอบรับ ก่อนจะเหยียบคันเร่งไปยังสถานที่ปลายทาง
“ข้าวขึ้นไปหาขนมทานก่อนมั้ย” ณดลเอ่ยปากชวนฟางข้าวที่มาส่งเขาที่หน้าคอนโด
“ไม่เป็นไร วันนี้วันเกิดคุณแม่ เราจะเอาของขวัญไปให้คุณแม่น่ะ”
“อ้าว แล้วไม่บอกเราแต่แรก ไม่งั้นเราจะได้ซื้อของขวัญให้คุณแม่ของข้าวด้วย”
“ไม่เป็นไร งั้นเราไปนะ เดี๋ยวคุณแม่รอ”
“โอเค ไว้เจอกันที่มหาลัยนะ”
“จ้า”
หลังจากลงจากรถเรียบร้อยณดลมองหญิงสาวที่ขับออกไปจนลับสายตาก็หมุนตัวเดินกลับเข้าคอนโดไป
ฟางข้าวที่ขับรถออกมาได้สักพักแอบอมยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะตั้งสมาธิกับการขับรถ เพราะเธอออกมาในช่วงเวลาการจราจรแสนจะหนาแน่นพอดี