ตอนที่ 3 บังคับหรือเต็มใจ

1665 คำ
ที่มหาวิทยาลัย “แก ไปซื้อของเป็นเพื่อนฉันหน่อย พรุ่งนี้วันเกิดคุณแม่ ท่านบอกว่าปีนี้ไม่จัดงาน ฉันเลยอยากหาของขวัญให้ท่านสักหน่อย” ฟางข้าวคล้องแขนลลัลนาพลางเอ่ยเสียงอ้อนๆระหว่างกำลังเดินออกมาหน้าอาคารเรียน “ลัล” “คะ” ขณะที่กำลังพากันเดินไปที่ลานจอดรถของมหาวิทยาลัย ได้มีเสียงคุ้นเคยดังขึ้น สองสาวชะงัก แล้วหันกลับไปมองตามที่มาของเสียง ก่อนจะเห็นว่านัทธียืนพิงรถมองพวกเธออยู่ “…..” นัทธียืนสบตาลลัลนาเงียบๆ “มีอะไรหรือเปล่าคะ” “เรียกชื่อฉัน” ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามเธอ แต่เอ่ยบอกในสิ่งที่เขาต้องการด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “มีอะไรหรือเปล่าคะ…พี่นัท” ลลัลนาทำตามที่เขาต้องการอย่างว่าง่ายพลางถอนหายใจเบาๆ สรรพนามที่ลลัลนาใช้เรียกชายหนุ่มตรงหน้าทำให้ฟางข้าวแปลกใจ “ไปธุระด้วยกันหน่อย พาเพื่อนเธอไปด้วยก็ได้นะ” “แต่ลัลจะไปทำธุระกับข้าวค่ะ” “ไปด้วยกัน แล้วเดี๋ยวฉันพาไปทำธุระ” “แต่ลัลขับรถมาค่ะ” “จะแคร์อะไร ในเมื่อเธอก็มามหาลัยพร้อมฉันได้” เขาพูดดักคอหญิงสาว จนเธอเงียบลงไปในที่สุด “ขอโทษนะข้าว แกไปกับฉันก่อนได้มั้ย แล้วเดี๋ยวฉันไปซื้อของเป็นเพื่อน” ลลัลนาหันไปบอกเพื่อนสนิทน้ำเสียงเซ็งๆ “ไม่มีปัญหา” ฟางข้าวตอบพลางสบตากับลลัลนา ก่อนทั้งคู่จะเปิดประตูขึ้นรถของชายหนุ่มไปด้วยกัน ‘แกรู้จักดอกเตอร์นัทธีด้วยเหรอ’ ‘อือ ไม่ได้อยากรู้จักหรอก แต่ก็ต้องบอกว่าเขาเป็นว่าที่คู่หมั้นฉัน’ ‘หมายความว่าไง’ ‘รายละเอียดไว้จะเล่าให้ฟัง แต่เอาง่ายๆคือฉันหมั้นกับเขาตั้งแต่ฉันเกิด’ ลลัลนากับฟางข้าวคุยกันผ่านแชท นัทธีเหลืองมองกระจกมองหลัง เขาพอจะเดาออกจากการที่ทั้งสองคนก้มหน้ากดโทรศัพท์ แต่เขาก็ไม่ได้ทักหรือขัดอะไรพวกเธอ ที่บ้านของลลัลนา กำลังวุ่นวายกับการจัดสถานที่ให้พร้อม หลังกานดาไปดูฤกษ์มา ได้ฤกษ์วันนี้พอดี ทำให้ทุกอย่างฉุกเฉินวุ่นวาย “คุณคิดว่ายัยลัลจะยอมมั้ย” ศรัญ คุณผู้ชายของบ้านเอ่ยปากถามภรรยา หลังจากรีบวุ่นวายจัดของกัน จนเพิ่งมีเวลาได้หันหน้ามาคุยกัน “ไม่ยอมก็ต้องยอมค่ะ ผู้ใหญ่ทุกคนตัดสินใจร่วมกันแล้ว” กานดาตอบสามีพลางทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา หลังจากวุ่นวายกันตั้งแต่เช้า “ผมก็หวังว่าอย่างนั้นนะ” “เชิญเลยครับ ทางนี้พร้อมแล้ว” ชลิตเดินเช้ามาพร้อมใครบางคน ที่เขาเชื้อเชิญมาด้วยความยินดี จนเก็บสีหน้าดีใจเอาไว้ไม่ไหว “พร้อมหมดแล้ว เหลือแค่รอตานัทพายัยลัลมาถึง” ศรัญ คุณผู้ชายของบ้านบอกกล่าวกับเพื่อนสนิทรุ่นพี่ ระหว่างที่กำลังพูดคุยกันอยู่ เสียงรถของนัทธีก็มาถึงพอดี “พาลัลมาบ้านทำไมคะ” หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร พลางก้มลงมองนาฬิกาข้อมือหลังจอดรถเสร็จ “เข้าไปเถอะ ทุกคนรออยู่” เขาพูด พลางเดินนำเข้าบ้าน ในขณะที่ทั้งสองสาวยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น “มาแล้วๆๆ ยัยลัล มานี่เร็ว” “สวัสดีค่ะ มีอะไรกันเหรอคะ” สองสาวพนมมือไหว้ผู้ใหญ่เมื่อเห็นว่าเหมือนมีงานในบ้าน เพราะทุกคนดูวุ่นวายกันอยู่ “อ้าว หนูข้าวมาด้วยเหรอลูก ดีๆๆ ลัลไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ แม่เตรียมไว้ให้แล้ว อยู่บนห้อง หนูข้าวไปช่วยยัยลัลเลยลูก จะได้เสร็จเร็วๆ” กานดาพูดพร้อมกับดันหลังบุตรสาวกับเพื่อนสนิทให้เดินขึ้นบันได “มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!!” “แก ฉันว่าฉันรู้ว่ะ” ฟางข้าวมองสถานการณ์รอบตัวแล้วก็พอเดาออก “อะไรวะ” ลลัลนาถามฟางข้าวระหว่างเดินไปห้องของเธอ “เดี๋ยวแกก็รู้เองแหละ ฉันเดาว่าในห้องแกน่าจะมีช่างแต่งหน้ารออยู่” ฟางข้าวพูดจบ ก็เปิดประตูห้อง และมีช่างแต่งหน้าตามที่เธอพูดรออยู่จริงๆ ช่างแต่งหน้าจับ สองสาวแยกกันแต่งหน้าแต่งตัว ลลัลนา โดนจับแต่งหน้าแต่งตัวเต็มที่ ใบหน้ารูปไข่สวยหวาน ดวงตากลมโต จมูกโด่งปลายเชิดนิดๆ บ่งบอกความรั้นของเจ้าของใบหน้า ริมฝีปากบางเป็นกระจับ ถูกแต่งแต้มให้ดูหวานละมุนจับใจ ชุดเดรสเกาะอกกระโปรงยาวสีขาว ถูกนำมาสวมใส่ ความสวยหวานลงตัว น่ามองจนไม่อาจละสายตาได้ “โห แกสวยมากเลยว่ะลัล สวยหวานเลย” ฟางข้าวที่เพิ่งเปลี่ยนชุดเป็นชุดเดรสสีฟ้าอ่อนเดินออกมาพอดี ได้พูดขึ้น “แก ฉันรู้สึกแปลกๆว่ะ” ลลัลนาพูดกับเพื่อนสนิท หลังรู้สึกว่าการแต่งหน้าแต่งตัวของเธอ มันมากกว่าปกติ “แกเพิ่งรู้สึกเหรอ เสร็จแล้วก็ไปเถอะ” ฟางข้าวพูดพลางดึงข้อมือลลัลนาออกจากห้อง สองสาวลงมาข้างล่าง ก็พบว่าทุกคนกำลังรออยู่แล้ว “มาเลยลูก ใกล้ได้เวลาแล้ว” กานดาลุกขึ้นไปจูงมือลลัลนา มานั่งที่ตรงหน้าของนัทธี วินาทีนี้ ลลัลนารู้ทันทีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น ลลัลนามองหน้าเขาเคืองๆที่ไม่ยอมบอกอะไรเธอ ทั้งที่เขารู้ว่าวันนี้เขาพาเธอมาที่บ้านทำไม “ได้เวลาสวมแหวนแล้ว” ชลิตบอกกับทุกคน นัทธีจึงหยิบแหวนขึ้นมาสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายให้กับลลัลนา หลังสวมแหวนเสร็จ ลลัลนาพนมมือไหว้เขาตามพิธี เขารับไหว้พร้อมกับมองสบตาเธอ ก่อนที่นายทะเบียนจะยื่นสมุดทะเบียนสมรสมาให้ทั้งสองคนเซ็น ในตอนนี้เอง ที่ลลัลนาได้รู้ว่า ทุกอย่างได้ถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว หลังเสร็จพิธีทุกคนมานั่งคุยกันที่โต๊ะอาหาร ลลัลนาไม่ยอมคุยกับใครนั่งทานอาหารเงียบๆพลางสบตากับฟางข้าวด้วยความเซ็ง “งานเลี้ยง เอาไว้ลัลเรียนจบแล้วค่อยจัดละกันนะ” กานดาเป็นฝ่ายเอ่ยปากบอกทุกคน “ลัลขออยู่แบบเดิมนะคะ ขออยู่ที่คอนโดเหมือนเดิม อยู่ที่บ้านเหมือนเดิมค่ะ” “เอาไว้ให้ทั้งคู่ได้สนิทกัน ได้ปรับตัวกันก่อนละกันเนอะ เราข้ามขั้นกันมากไปหน่อย” ชลิตบอกด้วยความเข้าใจ “ขอบคุณค่ะ” ลลัลนายิ้มบางๆเป็นการขอบคุณ หลังรับประทานอาหารเสร็จทุกคนแยกย้ายกันกลับ นัทธีขับรถไปส่งฟางข้าวที่บ้านแล้วพาลลัลนากลับคอนโด ลลัลนานั่งเงียบมาตลอดทางที่กลับคอนโด เธอยังตั้งตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ทัน เพราะตอนนี้เรียกว่าเธอเป็นภรรยาของเขาทางนิตินัยไปแล้ว เหลือแค่จัดงานเลี้ยงฉลองสมรสเท่านั้นเอง “ไม่ขึ้นห้องเหรอ” นัทธีทักหญิงสาวทำลายความเงียบ หลังจากเห็นเธอนั่งเหม่ออยู่เงียบๆมานานกว่า 10 นาที “ถึงนานแล้วเหรอคะ” เธอสะดุ้ง หันมองซ้ายมองขวาถึงได้รู้ว่าเขาจอดรถอยู่ที่จอดของคอนโด และเขาก็ดับเครื่องรถเรียบร้อยแล้ว “ประมาณ 10 นาที” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ ลลัลนาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายข้างใบโปรดของเธอที่วางอยู่บนหน้าตักขึ้นมาสะพายและเปิดประตูลงจากรถ นัทธีเดินตามหญิงสาวลงมาเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูลิฟต์เปิด ทั้งคู่ก้าวเข้าไปยืนเคียงข้างกัน ลลัลนายืนคิดอะไรเงียบๆ พอประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้งเมื่อถึงชั้นบนหญิงสาวก้าวขาออกมาเตรียมตัวที่จะเดินไปเปิดประตูห้องของเธอ “ลัล” “คะ” ลลัลนาชะงักฝีเท้า หันมาสบตากับเขา “ฉันให้เวลาเธอแค่ 1 เดือนนะ” นัทธีพูดจบก็เดินไปเปิดประตูเข้าห้อง ลลัลนายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นจนชายหนุ่มลับตา เธอรู้ดีว่าเขาหมายความว่ายังไง ถึงแม้เขาจะไม่ได้พูดออกมาก็ตาม ‘ถึงห้องแล้ว’ ลลัลนาพิมพ์แชทหาฟางข้าวหลังจากเคลียร์อะไรเรียบร้อยแล้ว ‘อะไรยังไง ไหนเล่ามา’ ‘ไม่รู้อะไรเลย ฉันก็รู้พร้อมแกนั่นแหละ’ ‘สรุปคือตอนนี้แกมีสามี จดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว แถมคนคนนั้นยังเป็นอาจารย์พิเศษ ที่มาบรรยายเลคเชอร์ที่มหาวิทยาลัยเรา’ ‘ก็ประมาณนั้น’ ‘โห แกเอ๊ย อย่างกับนิยายแน่ะ’ ‘ฉัน…ยังตั้งตัวไม่ทัน’ ‘เออ ฉันเข้าใจแก แกไปพักเถอะ พรุ่งนี้อย่าสายล่ะ อย่าลืมว่ารถแกยังอยู่ที่มหาลัยนะ’ ‘เค ขอโทษนะ วันนี้เลยไม่ได้ไปซื้อของกันเลย ค่อยไปพรุ่งนี้นะ ทันมั้ย’ ‘ทันๆ พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าวิชาเดียว ทันอยู่ละ แกพักผ่อนเถอะ’ ‘อือ พรุ่งนี้เจอกันแก’ หลังการสนทนาจบลง ลลัลนานอนมองเพดานห้อง เธอคิดไม่ตกกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอ ก่อนที่ดวงโตกลมโตจะปิดลงสู่นิทราไปโดยไม่รู้ตัว ทางด้านนัทธี เขาออกมายืนสูบบุหรี่ที่ริมระเบียงห้องนั่งเล่น เพราะเขาไม่ชอบให้มีกลิ่นบุหรี่ติดในห้องนอน ชายหนุ่มยืนคิดอะไรเงียบๆก่อนที่จะมีรอยยิ้มพึงพอใจผุดขึ้นที่ริมฝีปาก ก่อนจะรำพึงออกมาเบาๆ “ในที่สุด การรอคอยก็สิ้นสุดสักทีนะ หนูลัล”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม