หญิงสาวเปรยเสียงเรียบ เธอสูดจมูกฟุตฟิต เมื่อเดินเข้าใกล้โจนาธานแล้วได้กลิ่นแอลกอฮอล์
“ที่สำคัญ ต้องเคร่งครัดกับคำสั่งของหมอด้วยค่ะ...” หญิงสาวย้ำ เธอปรายตามองชายหนุ่มแบบตำหนิเล็กๆ
“หึ!! จุ้น”
คนเดินไม่ได้แสร้งกระแทกเสียงใส่ ปกปิดความผิดที่ตัวเองเพิ่งกระทำไป
หญิงสาวเหลือบมองเวลา...ยังไม่ดึกนัก เธอจึงไม่ว่าเบน ที่นั่งขวางตา ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ตรงนั้น
“วันวาดจะมาดูแลแก แค่ตอนกลางคืนนะโจ...หล่อนทำงานที่โรงพยาบาล ตอนกลางวันแกต้องทนยัยแป้นไปก่อน”
เบนกล่าวเหมือนบอกเล่า
โจนาธานนึกทึ่ง!! ผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่ง ทำงาน 24 ชั่วโมงเลยเหรอ เขาอยากรู้จริงๆ หล่อนจะทนอยู่กับเขาได้สักกี่น้ำ หากต้องเจอฤทธิ์เดช ของเขาทุกวัน
“เปิดทีวีให้หน่อยสิ”
โจนาธานร้องขอ เขามองวันวาดด้วยสายตามีอำนาจ หญิงสาวพยักหน้ารับ เดินไปกดรีโหมตเปิดทีวีจอยักษ์ที่แขวนไว้ข้างพนังให้แบบไม่เกี่ยงงอน
หญิงสาวเดินเอารีโหมตอันนั้นมาส่งให้คนไข้ เขาอยากดูอะไรก็ตามสบาย เธอขอไปจัดการร่างแผนงานไว้ให้แป้น ช่วงกลางวันโจนาธานจะต้องกินข้าว กินยา และปฏิบัติตัวตามหมอสั่ง เพราะหากเขาไม่พยายาม ความฝันที่จะเดินได้ คงไม่มีหวัง...
“ที่บ่อนยุ่งมั้ยพี่?”
“ไม่หรอก...อยู่ตัวแล้ว...ไม่ต้องเป็นห่วงไป ฉันคนเดียวยังไหว...มันไม่เหมือนเมื่อก่อน เราไม่ต้องระแวง เมื่อสิ่งที่น่าหวั่น ฉันกับไทย จัดการล้างบางไปแล้ว”
“แล้วไอ้นั่น!!”
โจนาธานเปรย เบนยิ้มรับ “ไอ้เสี่ยนั่นเหรอ...มันยังเงียบอยู่ คงชะล่าใจคิดว่าแกปางตาย...โจ...แกจะอยู่แบบนี้ ปล่อยให้มันลอยนวลจริงๆ เหรอ?”
โจนาธานถอนใจแรงๆ เขาก้มมองตัวเอง เอ่ยเสียงแผ่วๆ “ผมจะทำอะไรได้ล่ะพี่ ขนาดตัวเองยังนอนแบ็บ”
สองหนุ่มคุยกันเบาๆ เบนลากเก้าอี้เข้าไปนั่งใกล้ๆ โจนาธาน
“แกก็ต้องสู้สิ!! คนอื่นเขายังทำได้เลย อย่างที่วาดบอกไง...แย่กว่าแกยังหาย ทำไมแกไม่ลอง พรุ่งนี้หมอมา แกลองคุยกับหมอดูสิ เปอร์เซ็นหายแกมีต้อง 50% พี่อยากให้แกลอง” เขายินดีมากที่โจนาธานมีโอกาสที่ดีขึ้น หากวันวาดทำได้จริง เขายินดีมอบเงินจำนวนหนึ่งเป็นของกำนัล นอกเหนือจากหนี้ที่ทะนงยืมไป...
5:00 นาฬิกา...
โครม!!
วันวาดสะดุ้ง!! เธอยกมือขยี้เปลือกตาแรงๆ มองหาต้นเหตุของเสียงดังๆ ที่ทำให้ตัวเองตกใจตื่น หลังจากฟุบหลับไปตอนหลังเที่ยงคืน เมื่อโจนาธานหลับไปเพราะฤทธิ์ยา...
หญิงสาวผุดลุกขึ้นยืนแบบกระฉับกระเฉง ยกมือตบหน้าเบาๆ ไล่ความสะลึมละลือ แล้วจึงเดินไปหยิบถาดที่หล่นบนพื้น สาเหตุคงเป็นเพราะคนไข้เจ้าอารมณ์ที่นั่งหน้ายับอยู่กลางเตียง
“คุณตื่นแล้ว...ทำไมไม่เรียกวาดล่ะคะ”
หญิงสาวเปรย “หิวน้ำ หรือต้องการทำธุระส่วนตัวคะ?” เธอถามต่อ
โจนาธานหน้ายับ เขาหิวน้ำ และไม่อยากปลุกหล่อน เรื่องเล็กน้อยที่เขาน่าจะทำได้ แต่...ไม่สามารถทำได้อย่างใจนึก มันน่าโมโหที่ช่วยเหลือตัวเองยังไม่ได้ แม้แต่เรื่องเล็กๆ
“ไม่!!” เขาตอบเสียงสะบัด หลุบเปลือกตาลง เพื่อปิดการสนทนา
แต่...แก้วน้ำสะอาดที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว ถูกยื่นให้ พร้อมกับหลอดสั้นๆ ที่ใส่ไว้ในแก้ว
“คุณหิวน้ำวาดรู้”
คนที่ตื่นนอนใหม่ๆ มักจะกระหายน้ำเหมือนกันทุกคน วันวาดจึงจัดแจงให้ โดยที่โจนาธานไม่ต้องเอ่ยปาก
เพล้ง!! ความหวังดีถูกปัดจนหล่นบนพื้น น้ำหกกระจายเกลื่อนพื้น แก้วใบสวยแตกละเอียด...
วันวาดก้มลงเก็บเศษแก้ว เธอไม่ได้ต่อว่า จนกระทั่งแน่ใจว่าเศษแก้วหมดไปจากพื้น จึงเดินไปล้างมือ และกลับมารินน้ำให้โจนาธานอีกแก้วหนึ่ง...ด้วยสีหน้าเรียบสนิท
มือผอมบางยกขึ้น ทำเหมือนจะปัดซ้ำ
วันวาดเบี่ยงแก้วหนี... “อย่าทำตัวเป็นเด็กค่ะ คุณโตเกินกว่าจะงอแง” เสียงเย็นเฉียบ กับแววตาจริงจังที่วันวาดใช้มอง ทำให้อารมณ์กรุ่นๆ ของโจนาธานเปลี่ยนเป็นความโกรธ
เขาเอื้อมมือมาข้างหน้า เหมือนจะยินยอมรับแก้วน้ำ เปล่าเลยเขาไม่ได้คิดทำแบบนั้น ทันทีที่ก้นแก้วแตะถูกปลายนิ้ว โจนาธานสะบัดมือ แก้วน้ำลอยหวือ!! กระแทกหางคิ้วของวันวาด ก่อนจะตกลงบนพื้น
เพล้ง!!
ชายหนุ่มยิ้มหยัน!! เขามองหยดเลือดที่ซึมออกมาจากบาดแผลบริเวณหางคิ้วของหล่อน ด้วยสายตาเฉยชา
วันวาดเม้มเรียวปากจนเป็นเส้นตรง เธอไม่ได้กรีดร้องหรือแม้แต่จะโวย เมื่อถูกคนป่วยทำกริยาไม่ดีใส่ เขาทำให้เธอเจ็บตัว หญิงสาวทำแค่... ก้มลงเก็บเศษแก้วจนหมด แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ ล้างคราบเลือดที่หางคิ้ว แปะพาสเตอร์ปิดทับรอยแผลนั่น แล้วก็เดินออกมา พร้อมกับแก้วน้ำสะอาดอีกหนึ่งแก้ว
“คุณแค่กำลังหงุดหงิด ที่ทำอะไรไม่ได้อย่างที่คิดไว้ วาดจะไม่โกรธ เพราะวาดคิดว่าวาดเข้าใจคุณ”
วันวาดพูดเสียงเรียบ เธอวางแก้วน้ำไว้ และภาวนาให้โจนาธานยอมรับน้ำใจครั้งนี้ของเธอ
“หากคุณจะอาละวาดอีก อยากขว้างอะไรก็ได้...คุณต้องมีแรงมากกว่านี้ เริ่มต้นด้วยการกินข้าวและยา ให้ตรงเวลาก่อน”
หญิงสาวพูดต่อ เธอไม่ได้สอน แค่แนะนำ หากโจนาธานอยากทำอย่างที่เขาคิด เขาต้องฟื้นฟูตัวเองก่อน ไม่อย่างนั้น ที่เขาหวังไว้ ไม่มีทางทำได้สำเร็จ
“คนไข้ของวาดทุกคน มักจะเป็นแบบนี้ค่ะ ใครก็ตามที่เคยแข็งแรง...พออ่อนแอลง ก็มักจะรับตัวเองไม่ได้”
เธอหยิบแก้วเปล่า หลังโจนาธานยอมกินน้ำในแก้วนั่น หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องน้ำ เธอเตรียมของบางอย่าง...
ยาสีฟัน ผ้าเช็ดตัว ตามด้วยภาชนะขนาดพอเหมาะ สำหรับให้เขาล้างหน้าแปรงฟัน
“วาดดูแลคุณแค่ตอนกลางคืน...นี่เหลือเวลาอีกประมาณ2 ชั่วโมง วาดจะต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน เพื่อไปทำงานที่โรงพยาบาล...ช่วงกลางวัน แป้นจะดูแลคุณ อย่าทำให้พวกเขาตกใจนักนะคะ เพราะเท่าที่วาดเห็น ไม่ว่าแป้น หรือพี่เอก ดูจะหวาดๆ คุณน่าดู”
หล่อนทำงานมือเป็นระวิง ในขณะที่ปากก็พูดไปเรื่อยๆ
แปรงสีฟันถูกยื่นมาให้โจนาธาน เขามองมันก่อนจะเมินหนี ไม่ได้รับมาเหมือนที่วันวาดต้องการ
“ให้วาดช่วยไหมคะ?”
หล่อนถามแบบไม่คิดอะไรเลย แต่โจนาธานคิด...เขาอายหล่อน แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี่ เขายังช่วยตัวเองไม่ได้
“ไม่ต้องอายวาดหรอกค่ะ ที่คุณรอดมานี่วาดก็นับถือคุณแล้วล่ะค่ะ เพราะจากประวัติการรักษาของคุณ วาดไม่คิดว่าคุณจะรอด อุบัติเหตุนั่น สาหัสมาก...แค่ตอนนี้คุณยังไม่ฟื้น...แต่อีกไม่นานหรอกค่ะ คุณน่าจะกลับเป็นเหมือนเดิม...หากคุณอยากลบคำสบประมาทของคนอื่นที่เคยดูถูก คุณก็ต้องทำให้สำเร็จสิคะ...อย่าทรมานตัวเอง เพราะความกลัว!!”
หญิงสาวพูดเหมือนนั่งอยู่กลางใจโจนาธาน หลายสิ่งที่หล่อนพูดมา มีส่วนจริง เขาเคยพยายามแล้ว แต่เมื่อไม่มีอะไรดีขึ้น เขาก็เลยท้อ... เขาไม่อยากให้ใครมองเขาแบบเวทนา แต่ทำไมเขาไม่ทำให้ตัวเองดีขึ้นล่ะ สายตาเหล่านั้นจะได้ไม่ย้อนกลับมามองที่เขาอีก
วันวาดช่วยโจนาธานแปรงฟัน เธอเพิ่งเห็น...ฟันเขาสวย ตาเขาสวย โครงหน้าเขา รวมๆ แล้วดูดีไม่ใช่เล่น หากสามารถกำจัดหนวด เครา รกๆ บนใบหน้านี่ได้ เขาคงดูดีขึ้นจม…สายตาของเขา ทำให้จังหวะหัวใจของเธอรวนผิดปกติ
“วาดจะหาอุปกรณ์เบาๆ สำหรับออกำลังกายให้คุณใช้ฝึกมือ...มันจะช่วยให้คุณมีแรงขึ้น วันหน้าคุณอาจจะทำได้มากกว่าปาแก้ว” หญิงสาวไม่ได้ประชดประชัน เธอหวังให้เขา..แข็งแรงขึ้นและทำอะไรได้อย่างใจคิด...จะได้ไม่ลมขึ้น...เวลาทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ...
ชายหนุ่มเม้มปากแน่น เขาไม่ได้ตอบโต้ มีแค่ลูกนัยน์ตาเรืองรองที่บ่งบอกความไม่พอใจ...
6:00 นาฬิกา...
“วาดคงต้องขอตัว ถ้าคุณอยากอาบน้ำ คุณสามารถเรียกพี่เอกมาช่วยได้...เพราะถ้าวาดมาถึงที่นี่ตอนเย็นแล้วคุณยังไม่อาบน้ำเลย วาดจะลงมืออาบน้ำให้คุณเองค่ะ”
หญิงสาวกล่าว เธอฉวยกระเป๋าสะพายขึ้นมาคล้องไหล่ ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยนัก เพราะโจนาธานไม่ได้ฤทธิ์มากเหมือนที่กลัว แต่...มันอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยา เธอจึงมีเวลาพักตาได้นานๆ มาผจญฤทธิ์อารมณ์ของเขาอีกครั้ง ตอนใกล้รุ่ง แต่ก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไร