ตอนที่ 4 น้องคนนี้แฟนเจ๋ง
เจ๋งพาซ้อนมอเตอร์ไซค์จากคอนโดมายังย่านมหาวิทยาลัย เป็นฝั่งด้านหลังที่อยู่ติดกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ โชคดีที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ทำให้คนไม่หนาตาอย่างที่เคยเห็น ซึ่งปกติหลังจากเรียนจบฉันก็ไม่ได้มาทานข้าวแถวนี้อีกเพราะคนเยอะ
เจ๋งเอี้ยวหน้ามาถามอะไรสักอย่าง เสียงของเขาที่แทรกผ่านลมแรงๆ นั้นทำให้ฟังไม่ได้ศัพท์จนต้องเลื่อนหน้าเข้าไปถามใกล้ๆ แล้วรอฟัง
“ว่าไงนะ”
“อยากกินไร”
“อะไรก็ได้ แล้วแต่นาย”
พูดจบฉันก็ต้องขยับใบหน้ากลับมาที่เดิม นั่งหลบอยู่หลังเขาที่ตัวใหญ่กว่ากันจนเกือบจะบังลมจนมิด นี่คงเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ได้กลิ่นหอมๆ จากตัวเขาเพราะความใกล้ชิดกัน ถ้าไม่นับครั้งแรกที่ตื่นมาเจอกันวันนั้น
คนอะไร ตัวหอมทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ พระเจ้าก็ช่างลำเอียงเหลือเกิน
เจ๋งเป็นผู้ชายในแบบฉบับที่สาวหลายคนต้องตกหลุมรัก แต่นั่นไม่รวมฉันที่ไม่ชอบผู้ชายปากหมาแบบเขา เรื่องอื่นเขาใช่ทั้งนั้น ตั้งแต่คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่งเป็นสันแบบลูกครึ่ง สูงร้อยแปดสิบอัพ เล่นกีฬา ร้องเพลงเพราะ มีซิกแพก ตอนถอดเสื้อก็ดูดีตอนใส่ช็อปก็ดูเท่
ติดอยู่ที่ปากอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าพูดอะไรดีๆ กับฉันบ้างล่ะก็...
“ร้านนี้อร่อย”
“...”
“มีนา”
“หา”
ฉันสะบัดหน้าเพื่อเรียกสติของตัวเองที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยให้กลับคืนมา เห็นไอ้หน้าหล่อนั่นทำคิ้วขมวดใส่แถมยังมองมาด้วยความสงสัยก็เพิ่งรู้ตัวว่าทำตัวประหลาดต่อหน้าเขาอยู่ ถ้าเจ๋งมันรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่ในหัวคงหัวเราะเยาะตายแน่
ยายป้านี่คิดว่ากูจะเอา?
นั่นแหละคือความคิดไอ้เจ๋งคนปากเสีย ฉันเดาไม่ผิดหรอก
“เหม่ออะไร”
“เปล่า สงสัยนอนเยอะไป” ฉันหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะตวัดขาลงจากรถ ส่วนเจ๋งไปยืนอยู่บนฟุตพาทรอแล้ว
“เตี๋ยวเหรอ”
“อืม น่าจะเคยมากินนะ”
“ก็เคย สมัยเรียน” ฉันบอกแล้วก็ยิ้มบางๆ เพราะคิดถึงสมัยเรียน มันเป็นช่วงเวลาที่สนุกและมีความสุขกับชีวิตที่สุดแล้ว
พอย่างเข้าสู่ชีวิตวัยทำงานความกดดัน ความเครียดมันก็เริ่มมีมากขึ้น สิ่งที่ลดลงก็คงเป็นเวลาเที่ยว เวลานอน เวลาพักผ่อน เชื่อเถอะว่าใครก็อยากย้อนเวลากลับมาช่วงอยู่มหาวิทยาลัยกันทั้งนั้น
“จะกินไร”
ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ชี้ไปที่เมนูประจำสมัยเรียน ซึ่งคนอย่างมีนาเวลาชอบอะไรก็จะทานอันนั้นไปตลอด ไม่มีทางเปลี่ยน ไม่มีเบื่อเลย
“แฟนพี่เจ๋งเหรอแก”
“ใช่เหรอแก แต่ก็สวยอยู่นะ”
“ตรงไหน”
ตอนแรกเสียงนินทานั้นก็ไม่ได้ดังอะไรมาก แต่ก็พอให้ฉันได้ยินบ้าง ฉันไม่ได้อยากสนใจจนกระทั่งคนสุดท้ายที่พูดแบบนั้นมันทำให้อยากรู้ว่าเป็นใคร
ฉันเบือนหน้าไปมองก็รู้เลยว่าเป็นคนไหน เพราะสายตาของผู้หญิงสามคนนั้นมันมีแค่แม่นั่นคนเดียวที่มองฉันอย่างกับไม่ชอบหน้ากันมาก่อน หล่อนดูเป็นคนแรงๆ ไม่กลัว ไม่เกรงใจใครทั้งนั้น
“มีอะไร”
เสียงของเจ๋งดังขึ้นตอนที่เขาเดินกลับมา หลังจากเดินไปสั่งก๋วยเตี๋ยวกับคนขาย เขาคงเห็นว่าฉันมองไปหาสาวโต๊ะนั้นนานแล้วก็เลยสงสัย
“เปล่า”
ฉันมองไปยายนั่นก็มองตอบ ชักสีหน้าใส่ฉันแบบนั้น
“โต๊ะนั้นเหรอ”
“อืม เด็กนายหรือเปล่า”
“เด็กอะไร ไม่มี”
ฉันเบะปากมองบน วันนี้ฉันเจอคนพวกนี้ไปเท่าไรแล้ว สองคนแล้วนะในเวลาแค่วันเดียวที่ได้อยู่กับเจ๋ง ออกมาข้างนอกด้วยกันแค่แป๊บเดียวก็เจอสายตาประหลาดจากพวกสาวๆ ทำให้รู้ว่าเขามันฮอตขนาดไหน
ไม่ใช่ไอ้เจ๋งที่ปากหมาและไม่มีใครคบแบบที่ฉันคิด
“ไม่ใช่ว่าฉันจะโดนใครตบเพราะนายนะ” ฉันพูดอย่างมีน้ำโห เกลียดพวกที่มันไร้เหตุผล ชอบผู้ชายแต่มาหาเรื่องผู้หญิงคนอื่นอย่างฉันแบบแม่นั่น
บอกเลยว่ายายมีนามันไม่ให้ใครมาหาเรื่องฝ่ายเดียวหรอกนะ ตบมาตบกลับไม่โกงหรอกแม่คุณ!
“ใครตบพี่ ผมจะต่อยมันกลับ โอเคไหม”
สบายใจฉิบหายเลยเจ๋งเอ๊ย โคตรสบายใจ
ฉันพ่นลมหายใจเพราะคำพูดทีเล่นทีจริงของเขา ไม่กี่นาทีเมนูที่สั่งก็มาเสิร์ฟ เราต่างคนต่างทานของตัวเองไปจนกระทั่งมีผู้ชายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาทัก
“ไอ้เจ๋ง ไงมึง”
เจ๋งเงยหน้าขึ้นมองปากก็เคี้ยวลูกชิ้นเนื้อที่ขึ้นชื่อของร้านไป นิสัยของเขาต่างกับฉันเรื่องนี้ตรงที่ ฉันจะกินลูกชิ้นก่อนอันดับแรกขณะที่เจ๋งเก็บมันไว้กินเป็นอันสุดท้าย แล้วตอนนี้เขาก็มีลูกชิ้นอยู่ในถ้วยอีกสามลูก ส่วนอย่างอื่นหมดเกลี้ยงไปแล้ว
ไวอะไรขนาดนั้น หิวมากหรือไง
“ไรมึง”
“ใครเนี่ย เพื่อนลืมเล่าอะไรหรือเปล่า”
เพื่อนของเจ๋งแซว แล้วยังนั่งลงข้างเขาซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับฉัน หันมายิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร เพื่อนคนอื่นก็พากันนั่งโต๊ะข้างๆ แล้วแซวมาไม่หยุด
โอเค ตอนนี้ฉันรับบทคนรักใหม่ของเจ๋งไปแล้ว
“กูต้องเล่า? มึงเป็นพ่อกูหรือไง”
“เนี่ย ปากหมาแบบนี้เธอคบกับมันได้ไง”
“เอ่อ” ฉันยิ้มแห้ง ไม่รู้จะบอกยังไงก็เพื่อนเขาเอาแต่พูดไม่หยุด เจ๋งก็ไม่ได้ปฏิเสธเสียทีเดียว อยากจะเอามือข่วนหน้าด้วยความหมั่นไส้
“เสือก”
“พี่ชื่อปริ้นซ์นะครับ น้องชื่ออะไร”
ฉันที่อ้าปากจะตอบแล้วบอกว่า ไม่ใช่รุ่นน้อง ก็ถูกเจ๋งพูดแทรกจนต้องอ้าปากพะงาบ งับอากาศลงท้องไป
“เรื่องของเขา มึงไม่ต้องอยากรู้ ไปนั่งที่ของมึงไป”
“ไอ้เหี้ย ขี้หวงสัส ๆ แค่ถามชื่อมึงต้องหวงด้วยเหรอไอ้เจ๋ง กูก็เห็นเป็นแฟนเพื่อนถึงอยากทำความรู้จัก” ปริ๊นซ์แกล้งทำสีหน้าจริงจัง แต่ก็ดูออกว่าเขาเล่นกันแบบเพื่อน
“ชื่อมีนา มึงรู้แล้วก็ไป”
เจ๋งเป็นคนบอกทั้งหมด แต่ไม่ได้บอกว่าฉันไม่ใช่น้องแล้ว และที่แปลกใจคือเขาไม่บอกล่ะ ว่าฉันไม่ใช่แฟนเขา จะปล่อยให้เพื่อนเข้าใจผิดไปทำไม
“ไม่เคยเห็นหน้า ซุ่มเหรอ”
“ซุ่มพ่อมึง”
“คำก็พ่อ สองคำก็พ่อ ถามจริง น้องคบกับมันได้ไงอะ”
“เขาพี่มึง” เจ๋งเฉลยไปหนึ่งเรื่อง ทำเอาเพื่อนเขาตาโต
“เอาจริงดิ หน้าเด็กมากพี่ ขอโทษครับ” ปริ๊นซ์ยกมือไหว้กันยกใหญ่จนฉันต้องยกมือห้ามปรามว่ามันไม่เป็นไร
โดนทักว่าหน้าเด็กใครมันจะไม่ชอบเล่า ทีอย่างนี้มาเฉลย แล้วอีกเรื่องเมื่อไรจะเฉลยล่ะพ่อ