ตอนที่ 10 - 1 กลายเป็นที่รู้จัก

1202 คำ
“ท่านแม่เจ้าคะ ศิษย์พี่เจินเจินนางใจดีกับน้องๆ ทุกคนเลยเจ้าค่ะ หากพวกเรามิเข้าใจสิ่งใดนางก็มักจะบรรยายออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล” บุตรีคนเดียวของนางกับใต้เท้าหวงกล่าวออกมาขณะที่ตักขนมหวานเข้าปาก “เจ้าก็หัดเอาเยี่ยงอย่างนางมาบ้าง เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าท่านพ่อของเจ้านั้นเอ็นดูเด็กที่มีความสามารถ หากเจ้ามิอยากถูกมองข้ามเพียงเพราะเป็นสตรีมิใช่บุรุษเช่นน้องต่างแม่ของเจ้าก็อย่าทำตนให้อ่อนด้อยไปกว่าผู้ใดในจวนนี้เด็ดขาด” นางสั่งสอนบุตรสาวเช่นนี้อยู่เสมอ นางมิอยากให้พวกลูกอนุทั้งหลายมาเกินหน้าบุตรของภรรยาเอกเช่นนาง ดีที่ว่าอดีตภรรยาเอกของสามีนั้นมิได้มีทายาท มิเช่นนั้นยามนี้นางคงจะเหมือนมีหนามยอกอกที่จะต้องเลี้ยงดูบุตรของผู้อื่น และนางนั้นมีจิตใจอิจฉาริษยามาตั้งแต่สมัยที่อดีตนายหญิงใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ แม้นว่าอีกฝ่ายจะมิได้รับความโปรดปรานจากสามีเช่นเดียวกับนางเลยก็ตาม หวงซินอีรับฟังมารดาสั่งสอนจนนางรู้สึกเหนื่อยหน่าย นางเพิ่งจะวัยแปดปี ยังมิทันได้เล่นสนุกตามวัยเลยเสียด้่วยซ้ำ กลับต้องมาแบกรับความคาดหวังของมารดาเอาไว้จนแน่นอก เด็กหญิงพยักหน้าขึ้นลงแต่จะทำหรือไม่นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง นางชื่นชมศิษย์พี่โจวเจินเจิน แต่ทว่านางกลับมิได้อยากจะเป็นสตรีที่โดดเด่นเช่นนั้นเลย จวนสกุลโจว คุณหนูใหญ่สกุลโจวกลับมาถึงจวนในยามโหย่ว หลังจากการไปเดินตลาดที่ครานี้มิได้เสียเงินเลยแม้แต่เหวินเดียว ทว่ากลับได้ของติดไม้ติดมือมาด้วย เป็นเพราะเหล่าพ่อค้าและแม่ค้าต่างหยิบยื่นน้ำใจให้แก่นาง คุณหนูผู้ถูกกล่าวขานว่าเป็นเด็กที่มีจิตใจดีมีเมตตาต่อผู้ยากไร้ การที่นางได้กระทำความดีเมื่อสองปีก่อนเอาไว้นั้น โจวเจินเจินเองก็ไม่ได้หวังสิ่งใดเป็นผลตอบแทน แต่บัดนี้นางกลับกลายมาเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวบ้านชนชั้นกลางและชนชั้นล่างอย่างทั่วถึง หรือแม้แต่ตระกูลขุนนางเองก็อยากจะไปมาหาสู่สกุลโจวเพื่อที่จะขอทาบทามเด็กหญิงเอาไว้เพื่อเป็นภรรยาเอกของบุตรชายในภายภาคหน้า แต่ก็ยังคงได้รับคำตอบเดิมคือโจวเจินเจินยังเด็ก และอยากให้นางได้ใช้ชีวิตวัยเยาว์ของนางให้เต็มที่ เรื่องคู่ครองจะปล่อยให้นางได้เป็นผู้ที่ตัดสินใจเอง “ท่านพี่….” โจวเจินหลงรีบวิ่งเข้ามาหาแล้วคำนับผู้เป็นพี่สาว วันนี้เขาศึกษาตำรากับอาจารย์อยู่ที่จวนจึงมิได้ออกไปรับนางเพราะอาทิตย์หน้าเขาจะต้องไปสอบเข้าสำนักศึกษาที่เดียวกับผู้เป็นพี่สาวแล้ว เขาจะต้องสอบผ่านและทำให้นางรู้สึกภูมิใจในตัวเขาให้จงได้ “มาหาพี่นี่อยากจะได้ขนมหรืออยากจะเล่าเรื่องอันใดให้ฟังกันหรือหลงเอ๋อร์” มือเล็กยื่นไปลูบศีรษะน้องชายอย่างเอ็นดู เด็กชายตัวน้อยฉีกยิ้มออกมา “ข้ามีเรื่องจะเล่าให้ท่านพี่ฟังขอรับ แต่แน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องที่น่าเบื่อสำหรับท่าน” น้องชายวัยเจ็ดขวบที่ตัวเริ่มสูงขึ้นจากปีก่อนตอบออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขารอคอยพี่สาวกลับจวนมาตั้งนานแล้ว “หืม… เรื่องน่าเบื่อสำหรับพี่เช่นนั้นหรือ ชักจะอยากฟังเสียแล้วสิว่ามันคือเรื่องอันใดกัน” โจวเจินเจินจับมือเล็กมากุมไว้แล้วชักนำกันไปทางเรือนนอนของนาง เด็กชายตัวน้อยติดตามพี่สาวของเขาไปอย่างว่าง่าย โจวเจินหลงนั้นทั้งรักและหวงแหนพี่สาวคนนี้ที่สุด แม้แต่น้องๆ คนอื่นในจวนก็เช่นกัน เมื่อจูงน้องชายเดินมาถึงเรือนนอนของนาง โจวเจินเจินจึงพาน้องชายออกไปเดินเล่นที่ลำธารหลังเรือนของนาง เสียงน้ำที่ไหลผ่านไปพร้อมกับเสียงร้องของหมู่มวลวิหคทำให้เด็กหญิงรู้สึกผ่อนคลาย ทั้งบิดามารดารวมไปถึงท่านย่านั้นใส่ใจเลือกที่ตั้งของเรือนนอนของโจวเจินเจินได้อย่างเหมาะสมกับสุขภาพของนางเมื่อเยาว์วัย ทำให้นางในยามนี้ได้อาศัยอยู่เรือนที่ใกล้กับลำธารไปด้วย “อะ…ทีนี้ก็เล่าให้พี่ฟังได้แล้วหลงเอ๋อร์ เจ้าไปได้ยินเรื่องน่าเบื่ออันใดมาเล่าให้กับพี่ฟังเช่นนั้นหรือ” เสียงหวานเอ่ยถามน้องชายออกมาอย่างนุ่มนวล “ก็วันนี้ที่จวนของเราน่ะ มีพวกผู้ใหญ่หลายคนพากันมาที่จวนของพวกเรา เพื่อทาบทามขอหมั้นหมายท่านพี่เอาไว้ให้เป็นภรรยาเอกลูกชายของพวกเขาน่ะสิขอรับ ดีที่ท่านพ่อกับท่านแม่อีกทั้งท่านย่านั้นเห็นแก่ความสุขของท่าน มิเช่นนั้นท่านพี่คงจะได้ออกเรือนไปก่อนที่ข้าโตเป็นหนุ่มแน่ๆ” สิ่งที่น้องชายเล่าออกมาเรียกเสียงหัวเราะจากพี่สาวได้เป็นอย่างดี แม้นคราแรกที่ฟังจะรู้สึกเครียดที่มีคนมากมายมาให้ความสนใจในตัวเอง แต่พอได้ฟังน้องชายกล่าวว่ากลัวว่านางจะออกเรือนก่อนที่น้องชายจะโตเป็นหนุ่มทำให้นางขำออกมา “คิกๆๆ โถ่หลงเอ๋อร์ของพี่…. เรื่องแต่งงานสำหรับพี่ยังอีกยาวไกลนัก พี่ขอสัญญากับเจ้าเลยว่าพี่จะอยู่ดูน้องชายของพี่เข้าพิธีสวมหมวก*ก่อนอย่างแน่นอน เจ้าก็รู้นี่ว่าพี่มิได้มีความคิดหรือสนใจในเรื่องคู่ครอง” และนางก็ยังคงยึดมั่นอยู่เช่นนั้น แม้หนทางข้างหน้าจะอีกยาวไกล แต่นางก็คิดว่าคงจะมิมีผู้ใดสามารถมาเปลี่ยนความตั้งใจของนางได้ เพราะความเจ็บช้ำในอดีตเป็นบทเรียนให้นางได้ใช้ชีวิตในชาติภพนี้อย่างมีสติและซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตน โจวเจินหลงฉีกยิ้มออกมาก่อนที่โจวเจินเจินจะบอกให้อี้ถงนำขนมที่ได้มาจากตลาดมาให้น้องชายได้กิน สองพี่น้องนั่งกินขนมกันอยู่ที่เก้าอี้ตัวยาวพลางนั่งมองไปที่สายน้ำที่ไหลผ่านตรงหน้า รอยยิ้มของน้องชายตัวน้อยทำให้ผู้เป็นพี่สาวรู้สึกมีความสุข ทั้งอี้ถงและบ่าวรับใช้ของคุณชายรองต่างพากันยืนยิ้มให้กับภาพตรงหน้า จะมีพี่น้องสกุลใดที่จะรักใคร่กันเช่นนี้อีกหนอ ภาพในยามนี้ช่างให้ความรู้สึกอบอุ่นและงดงามยิ่งนัก **พิธีสวมหมวก จะทำเมื่อบุตรชายบรรลุนิติภาวะคือวัย16-18ปี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม