ภาพในอดีตไหลวนกลับมาในห้วงความนึกคิด เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนางยามเมื่อเป็นฉินเซี่ยหรู จิตใจที่ถูกเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้นางมิกล้ามีใจให้แก่ผู้ใดอีก สกุลฉินก็มิต่างจากสกุลหวงที่รักหน้าตาเช่นกัน หลังจากที่ฉินเซี่ยหรงไปแจ้งข่าวแก่บิดามารดาให้พวกท่านทราบ พวกท่านก็มิได้ทำสิ่งใดเพื่อปกป้องฉินเซี่ยหรูที่เป็นบุตรีของพวกเขา ทั้งใต้เท้าฉินและฉินฮูหยินต่างก็พากันละเลยเพิกเฉยความรู้สึกที่เกิดขึ้นของบุตรสาว เมื่อฉินเซี่ยหรูกลับมาเยี่ยมเยือนที่จวนสกุลฉิน พวกท่านก็ได้แต่บอกให้นางอดทน เพราะอย่างน้อยที่นั่นนางก็ยังคงเป็นภรรยาเอก แต่ถ้าหากนางหย่ากลับมานางก็เป็นเพียงสตรีไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้น
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ฮูหยินผู้เฒ่าให้มาตามไปกินมื้อเช้าด้วยเจ้าค่ะ” เสียงบ่าวรับใช้คนสนิทของฮูหยินผู้เฒ่าดังขึ้นจากทางด้านหลัง ร่างเล็กของโจวเจินเจินหันกลับไปมองก่อนที่จะส่งยิ้มให้
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละจ้ะ” พอเอ่ยจบนางก็เดินนำบ่าวรับใช้ของฮูหยินผู้เฒ่าและสาวรับใช้ของตนไป
ร่างเล็กในชุดฮั่นฝูสีชมพูเยื้องย่างนำหน้าบ่าวรับใช้ตรงไปยังเรือนของท่านย่า ฉินเซี่ยหรูรู้สึกดีใจที่โจวเจินเจินนั้นเป็นที่รักของฮูหยินผู้เฒ่า เพราะตั้งแต่นางฟื้นมาฮูหยินผู้เฒ่ามักจะเรียกหานางอยู่บ่อยครั้ง มื้อเช้าที่เคยไปกินร่วมกับบิดามารดาก็ไปกินกับท่านย่าบ้าง
“เจินเอ๋อร์คารวะท่านย่าเจ้าค่ะ” ร่างเล็กไปหยุดอยู่ที่โต๊ะอาหารกลางเรือนพักผ่อนของฮูหยินผู้เฒ่าก่อนที่จะคำนับสตรีสูงวัยที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“มาแล้วหรือเจินเอ๋อร์… มา… มานั่งข้างๆ ย่ามา” ฮูหยินผู้เฒ่ากวักมือเรียกหลานสาว ฉินเซี่ยหรูในร่างโจวเจินเจินส่งยิ้มให้แล้วจึงเดินไปนั่งข้างๆ ท่าน ตามที่ท่านต้องการ
“โอ้โห… อาหารนี่เรากินกันแค่สองคนหรือเจ้าคะ” อาหารมากมายวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ มีทั้งอาหารคาวและขนม ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าขึ้นลงพร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ย่าอยากให้เจ้าบำรุงร่างกาย เพราะเจ้าน่ะอยู่ในวัยกำลังโต”
“ขอบพระคุณท่านย่าที่ใส่ใจและห่วงใยสุขภาพของหลานเจ้าค่ะ”
ริมฝีปากเล็กฉีกยิ้มออกมาก่อนที่จะลงมือคีบอาหารใส่ปากของตน ฮูหยินผู้เฒ่ามองหลานสาวคนโตของสกุลโจวด้วยแววตาเอ็นดู ในบรรดาหลานชายหญิงทั้งห้าหกคนโจวเจินเจินน่าจะเป็นหลานที่ย่าคนนี้ใส่ใจที่สุด เพราะนางเกิดมาก็มีร่างกายอ่อนแอ มิได้เหมือนหลานคนอื่นๆ ที่มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง
“ท่านย่าเจ้าคะ หลานอยากไปสำนักศึกษาเจ้าค่ะ” คนเป็นย่าถึงกับเลิกคิ้วมองหลานสาวด้วยแววตาฉงน
“เหตุใดเจ้าถึงอยากไปสำนักศึกษากันล่ะเจินเอ๋อร์…”
“หลานอยากมีวิชาความรู้ติดตัวเผื่อไว้ภายภาคหน้าเจ้าค่ะ”
น้อยนักในเมืองฮวาหลานที่จะมีบุตรีจากสกุลต่างๆ ไปสำนักศึกษา แต่การมีวิชาความรู้ติดตัวก็น่าจะเป็นการดีอยู่ไม่น้อย เพราะหลานของนางจะได้มิมีผู้ใดมาดูถูกและถูกกลั่นแกล้งรังแกได้
“อืม… เดี๋ยวย่าจะคุยกับท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าให้ แต่ถ้าหากเจ้าออกไปศึกษาวิชาความรู้ข้างนอก งานข้างในจวนที่เป็นของสตรีเจ้าก็ยังคงต้องศึกษาเอาไว้นะ เจ้าไหวหรือไม่เจินเอ๋อร์”
คนฟังรู้ดีว่าท่านย่าหมายถึงงานอันใด ก็งานของภรรยาที่ต้องกระทำยามเมื่อแต่งออกไป เช่นเดียวกับที่นางได้กระทำหน้าที่ของนางในชาติก่อน หน้าที่ที่เขามอบให้หาใช่ภรรยาที่เขาจะมีทายาทสืบสกุลด้วย หน้าที่ของนางที่เขาผู้นั้นมอบให้คือภรรยาประดับจวนและแม่ครัวที่ทำอาหารให้ท่านแม่กับพวกภรรยารอง อนุของเขาเท่านั้น แค่คิดหัวใจก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
“ว่าอย่างไรล่ะเจินเอ๋อร์… เจ้าไหวหรือไม่” เห็นหลานสาวนิ่งไปนานจึงเอ่ยถามนางอีกทีเพื่อย้ำว่าสิ่งที่นางต้องทำนั้นหนักหนานัก
“ไหวสิเจ้าคะท่านย่า ยามนี้หลานแข็งแรงมากขึ้นแล้วเจ้าค่ะ อีกทั้งท่านย่ายังเมตตาหลานด้วยการให้หลานกินอาหารบำรุงกำลังเหล่านี้อีก” คนที่กำลังเหม่อลอยเรียกสติให้กลับมาแล้วจึงตอบฮูหยินผู้เฒ่าออกไป
“อืม…. ถ้าเช่นนั้นเย็นนี้ย่าจะคุยกับท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าให้ อีกไม่กี่วันสำนักศึกษาหลุนซีก็จะเปิดแล้ว แต่การจะเข้าเรียนได้ เจ้าจะต้องทำข้อสอบเพื่อทดสอบความรู้ที่เจ้ามีก่อน หากผ่านตามที่สำนักศึกษาต้องการ เขาถึงจะรับเจ้าเข้าไป เจ้าจะทำได้หรือเจินเอ๋อร์”
ฮูหยินผู้เฒ่ารับปาก แต่ก็มิวายแสดงความกังวลออกมาเมื่อนึกถึงว่าสำนักศึกษาทุกแห่งจะต้องทำการทดสอบก่อนเข้าศึกษา แล้วหลานสาวของนางก็ยังมิได้เคยศึกษาในเรื่องใดมาก่อน
“หลานทำได้เจ้าค่ะท่านย่า ท่านมิต้องกังวลนะเจ้าคะ ขอเพียงท่านย่าขอให้ท่านพ่อกับท่านแม่ของหลานคล้อยตามท่านย่าได้ หลานยืนยันว่าหลานสอบผ่านแน่นอนเจ้าค่ะ”
คนตัวเล็กตอบสตรีสูงวัยตรงหน้าออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า สิ่งใดที่หลานสาวต้องการนางก็มิอยากจะขัดข้อง เพราะหากนางได้ทำสิ่งที่นางชอบ อาจจะช่วยให้นางมีสุขภาพดีขึ้นเรื่อยๆ
สตรีต่างวัยนั่งคุยกันหลังมื้ออาหารอยู่เพียงครู่เดียว โจวเจินเจินก็ขอตัวลาเพื่อไปคำนับบิดามารดา ฮูหยินผู้เฒ่ามิได้รั้งหลานสาวเอาไว้ แต่บอกให้โจวเจินเจินไปบอกบิดาและมารดาว่าเย็นนี้ท่านย่าเรียกให้ทั้งสองไปพบที่เรือนนอนของท่าน เด็กหญิงรับปากแล้วจึงเดินไปยังเรือนใหญ่