3 ปีต่อมา
การตื่นเช้าแบบนี้เป็นอะไรที่น่าเบื่อสำหรับกรธิดา ซึ่งเพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยหมาดๆ พอจบออกมาแล้วก็ยิ่งเหนื่อยกว่าตอนที่เรียนเสียอีก งานก็หายากมาก เดินเข้าไปสมัครงานหลายแห่งแล้ว ก็ไม่ได้เสียที
นับตั้งแต่วันที่รับปริญญาจนถึงวันนี้ ก็ปาเข้าไปเกือบสองเดือนแล้วที่เธอต้องพยายามดิ้นรนสมัครงานตามบริษัทต่างๆ ก่อนหน้านี้เธอทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง แต่ดันมีปัญหากับเจ้านายใหญ่จอมเจ้าชู้ จึงต้องหางานใหม่ทำ และที่น่าปวดหัวที่สุดคือ เมื่อหลายวันก่อนเธอไปสอบสัมภาษณ์ และได้ฟังหัวหน้าฝ่ายบุคคลเอ่ยออกมาด้วยความขบขันในตำแหน่งที่เธอสมัคร
“คุณแน่ใจเหรอคะที่จะสมัครตำแหน่งเลขาฯ น่ะ”
“ทำไมเหรอคะ”
หญิงสาวถามด้วยความงุนงง ก่อนจะรู้สาเหตุเมื่ออีกฝ่ายอธิบายถึงการแต่งตัวของเธอ การที่เธอแต่งตัวเรียบร้อยมันแปลกตรงไหน การจะไปทำงานเป็นเลขาฯ ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวล่อแหลมยั่วเจ้านายสักหน่อย
คิดแล้วก็พาลจะทำให้อารมณ์ของเธอเสียแต่เช้า หญิงสาวตัดสินใจลุกจากเตียงนอนทั้งที่ยังง่วงงุน
“เฮ้อ...แล้ววันนี้จะไปสมัครงานแถวไหนดีล่ะ”
กรธิดาบ่นออกมาเบาๆ ด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหาวออกมาด้วยความง่วง เพราะเมื่อคืนดูฟุตบอลจนดึก กว่าจะได้นอนก็เกือบตีสามไปแล้ว นึกเบื่อกับสภาพเศรษฐกิจ หางานก็ยาก ที่ทำงานเก่าก็ดีอยู่หรอก แต่เจ้านายนี่สิที่เธอรับไม่ได้ เจ้าชู้ไม่เลือก ใจหนึ่งก็อยากกลับบ้าน แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากกลับไป เพราะที่นั่นไม่มีใครให้เธอต้องกลับไปหาเพราะบิดามารดาเสียชีวิตกันหมดแล้ว
บิดาของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธออายุสิบขวบ แต่เธอกับมารดาก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากนัก เพราะท่านมีเงินเก็บสะสมเอาไว้ให้มากพอที่เธอจะใช้จนเรียนจบมหาวิทยาลัย พอเธออายุได้ยี่สิบปี มารดาก็มาจากไปอีกคน
‘เมื่อไรนะ เราถึงจะมีความสุขและโชคดีเหมือนคนอื่นบ้าง...’
ก่อนที่กรธิดาจะทันได้ทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน หญิงสาวหันกลับไปมองแล้วเดินไปล้มตัวลงบนเตียง ควานหาเจ้ามือถือเครื่องเล็ก ก่อนจะยกขึ้นดูว่าใครโทรมากวนเธอตั้งแต่เช้า พอเห็นว่าเป็นเบอร์ของใครก็ยิ้มออก ก่อนจะกดรับแล้วกรอกเสียงลงไปด้วยน้ำเสียงใส
“ดีจ้ะริสา มีอะไรถึงโทรมาหาพี่แต่เช้า”
กรธิดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ก่อนที่คนทางปลายสายจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงร้อนรนกึ่งออดอ้อนชวนให้สงสาร
“พี่ผึ้งขา ช่วยริสาหน่อยได้ไหมคะ ช่วยริสาหน่อยนะคะ คิดเสียว่าช่วยเหลือลูกแมวตัวน้อยๆ เถอะนะ”
“เราเป็นอะไรหรือเปล่า”คนเสียงหวานเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงรุ่นน้องในคณะ
“ตอนนี้พี่ผึ้งอยู่ที่ห้องหรือเปล่าคะ”
“จ้าๆ พี่ยังอยู่ที่ห้อง ทำไมเหรอ” หญิงสาวถามอย่างงงๆ “เรามีปัญหาอะไรหรือเปล่าริสา”
“เปล่าหรอกค่ะ เดี๋ยวริสาไปหาพี่ผึ้งที่ห้องนะคะ แล้วจะเล่าให้ฟัง” แล้วคู่สนทนาก็ตัดบททันที โดยที่เจ้าของห้องยังไม่ทันได้เอ่ยปากตอบรับ
“ยัยริสาเป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าหนีออกจากบ้านอีกแล้ว”
กว่าหนึ่งชั่วโมง กรธิดาก็จัดการกับตัวเองเสร็จ หญิงสาวนั่งคอยรุ่นน้องบนโชฟาตัวเล็กที่ตั้งอยู่กลางห้องด้วยความกังวลและเป็นห่วง เพียงไม่นานรวิสาก็เข้ามานั่งยิ้มหน้าแป้นอยู่ในห้องของเธอ
“เราหนีออกจากบ้านมาหรือไง ยัยริสา”
กรธิดาถามด้วยความสงสัยและเริ่มหงุดหงิด สงสัยว่าคราวนี้รุ่นน้องต้องหาเรื่องมาให้เธอแก้ไขอีกแล้วอย่างแน่นอน
“เปล่านะคะ แค่ไม่อยากอยู่ที่บ้านแค่นั้นแหละ ก็พี่กฤษน่ะสิคะ บังคับให้ริสาไปช่วยงานที่บริษัทในช่วงปิดเทอม ริสาอุตส่าห์เตรียมแผนจะไปเที่ยวบ้านโออยู่แล้วเชียว” รวิสาบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เมื่อเอ่ยถึงพี่ชายตัวเอง
“แล้วนี่ริสาจะให้พี่ช่วยอะไรก็ว่ามา”
“พี่ผึ้งก็แค่ให้ริสาพักอยู่ที่นี่ก่อนสักสองสามวันได้ไหมคะ รอให้โอมารับ แล้วเราจะไปเที่ยวเกาะสมุยกันน่ะค่ะ นะคะพี่ผึ้ง ช่วยริสาหน่อยนะ...นะ” รวิสาทำเสียงหวานอ้อนรุ่นพี่อีกครั้ง “งั้นเดี๋ยวริสาเอาเสื้อผ้าไปเก็บก่อนนะคะ”
“นี่ริสา ทานอะไรมาหรือยัง” เจ้าของห้องตะโกนถามรุ่นน้อง
“ยังเลยค่ะ”
“งั้นริสารีบเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้เลย เดี๋ยวเราสองคนออกไปหาอะไรทานกันดีกว่า พี่หิวแล้ว”
“ค่ะ”
รวิสาพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงเข้าไปยังห้องนอนของรุ่นพี่สาว ไม่นานทั้งสองสาวก็เดินออกมาจากห้องพัก แล้วเดินตรงไปยังลิฟต์อย่างรวดเร็ว เมื่อเริ่มรู้สึกว่าท้องเริ่มจะร้องขึ้นมาอีกแล้ว
//////////////////
“พี่ผึ้งคะ เราจะกินอะไรกันดีล่ะ”
รวิสาหันมาถามอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหยุดเดินแล้วก้มลงมองอาหารหน้าตาแปลกๆ ที่เธอไม่เคยเห็น หญิงสาวหันไปมองร้านข้าวมันไก่ซึ่งอยู่ตรงข้าม ก่อนจะถามคนข้างๆ เพื่อขอความคิดเห็น
“พี่ผึ้งคะ ริสาว่าเราไปกินข้าวมันไก่กันดีไหม อยู่ตรงด้านโน่นน่ะค่ะ” คนพูดชี้ไปยังเป้าหมาย
“แล้วแต่ริสาก็แล้วกัน พี่ยังไงก็ได้” กรธิดาบอก
“งั้นเราต้องไปลองค่ะพี่ผึ้ง ไปกันเถอะ”
รวิสาจับมืออีกฝ่าย ก่อนจะรับฉุดให้เดินตามเธอไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวหันมามองรุ่นพี่พร้อมกับถอนหายใจออกมา เธอลืมไปว่าอีกฝ่ายเดินช้า
สองสาวเดินจูงมือกันเข้าร้านข้าวมันไก่โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง จึงไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งนั่งมองอยู่ในรถด้วยความแปลกใจ ก่อนจะกดโทรศัพท์มือถือโทรหาเพื่อนรักทันทีด้วยความสงสัย
‘มัวทำอะไรอยู่วะไอ้กฤษ...’
“ทำไมแกไม่รับสายฉันวะไอ้กฤษ ฉันมีเรื่องจะถามแกว่ะ” คนเสียงห้าวบ่นเพื่อนรักทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย
“แล้วแกมีอะไรถึงโทรมาหาฉันแต่เช้าวะไอ้พล วันนี้แกไม่มาทำงานหรือไง ว่าแต่แกมีเรื่องอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญแกโดนเตะแน่” กฤษดาถามกลับเพื่อนอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์สักเท่าไรนัก
“ฉันเจอน้องสาวแกกับคุณผึ้ง”
“อะไรนะ”
“ฉันบอกว่ายัยริสาอยู่กับคุณผึ้ง” อัครพลทวนประโยคเดิมให้เพื่อนฟัง
“กรธิดาอีกแล้วเหรอ” กฤษดาถึงกับหน้าบึ้งแทบจะทันที เมื่อนึกถึงกรธิดา ผู้หญิงที่เขารู้สึกไม่ชอบหน้า เจ้าหล่อนชอบทำให้เขาสติแตกอยู่เสมอยามพบเจอ
“กฤษ ฉันต้องวางสายแล้ว แค่นี้ก่อนนะ” อัครพลตัดสายจากเพื่อนรักทันที ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปจอดในปั๊มน้ำมันที่อยู่ไม่ห่างจากร้านอาหารที่กรธิดาและรวิสาเข้าไป
////////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...