อีกด้าน
เอี๊ยด!
เสียงรถสปอร์ตหรูสีดำด้านทะเบียนสวยถูกขับเข้ามาจอดยังบริเวณโรงจอดรถบ้านหลังใหญ่โดยมีสีหน้าเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกของร่างสูงเจ้าของรถที่เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา ซึ่งมาร์เองที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ลอบมองคนด้านข้างด้วยแววตาบอกไม่ถูก
"อะ เอ่อ...ทำไมอยู่ ๆ ท่านถึงได้เรียกพวกเรามากินข้าวที่บ้านล่ะ" สุดท้ายเรียวปากสวยก็ต้องเอ่ยถามร่างสูงออกไป
"ไม่รู้เหมือนกัน" คามิลตอบกลับด้วยใบหน้าที่ยังคงฉายออกมาถึงความเย็นชาไร้ความรู้สึกเช่นเคย มือหนาเลื่อนไปเปิดประตูรถราคาแพงเดินลงจากรถ มาร์ที่นั่งอยู่ก็เดินลงตามอีกคนไปพร้อมกับลอบหายใจเข้าเต็มปอดสาวเท้าตรงเข้าไปยังภายในบ้านหลังใหญ่ตามปกติ
ตึก
ตึก
ไม่นานคามิลกับมาร์ก็เดินไปจนถึงบริเวณโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ของบ้านที่มีชายวัยกลางคนและหญิงวัยกลางคนนั่งอยู่
"นั่งสิ" เสียงเรียบของชายวัยกลางคนเอ่ยบอกสองคนที่เข้ามาใหม่ โดยมาร์ก็รีบยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองที่นั่งอยู่ด้วยท่าทีนอบน้อมอย่างทุกครั้งก่อนจะนั่งลงตามที่ชายวัยกลางคนบอก ต่างจากคามิลที่เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดหรือแม้กระทั่งยกมือไหว้ทักทายใคร ซึ่งสาธิตกับเปมิกาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะรู้จักนิสัยของคนตัวสูงเป็นอย่างดี ทว่าในตอนนั้นเองก็มีเสียงเท้าหนักของร่างสูงอีกคนเดินตรงเข้ามานั่งลงยังโต๊ะอาหารด้วยสีหน้าท่าทียิ้มแย้มอารมณ์ดี ใครคนนั้นก็คือ เจได ลูกชายของสาธิตกับเปมิกาที่อายุน้อยกว่าคามิลอยู่เกือบห้าปี
"ไง พี่ชาย" เสียงทุ้มของคนที่เข้ามาใหม่หันไปเอ่ยทักทายชายที่นั่งทำหน้านิ่งอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าท่าทีตั้งใจทักกวน คามิลก็นั่งเงียบไม่ตอบ
"ไม่ตอบด้วยแฮะ จะเป็นหมอแล้วนี่ หยิ่งหรือไง" เจ้าของใบหน้าหล่อเย็นชายังคงนิ่งไม่ตอบเลื่อนสายตาคมจ้องมองไปยังใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแววตาเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก
"แม่ว่าเรากินข้าวกันเถอะนะลูก" เปมิการีบพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มไม่ค่อยดีสักเท่าไร แต่แล้วหญิงวัยกลางคนก็ต้องชะงักไปเมื่อได้ยินคำพูดของคนเป็นสามี
"ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันน่าอึดอัด ก็ไม่รู้ว่าจะชวนมันมาทำไม" สิ้นเสียงสาธิตเอ่ย ภายในโต๊ะก็ตกอยู่ในความเงียบงันทันที โดยทุกคนที่นั่งอยู่ก็ต่างรู้ในความหมายของประโยคที่ออกมาจากปากหนาของชายวัยกลางคน
"หึ นั่นสิ" เจไดแสยะยิ้มพร้อมกับหันไปมองยังคามิลที่นั่งอยู่แววตาฉายออกมาถึงความเกลียดชังไม่ปกปิด มาร์ที่รับรู้ได้ถึงทุกอย่างก็ได้แต่นั่งนิ่งก้มหน้างุดทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ตรงหน้า แม้ว่าตัวเธอเองนั้น...จะเจอกับมันมาโดยตลอดหกปีกว่าที่รู้จักคามิลมา
"..." ร่างสูงที่ถูกทุกสายตาจ้องมองอยู่ก็เอาแต่นั่งเงียบไม่มีคำพูดหรือสีหน้าใด ๆ แสดงออกมาเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าหล่อเย็นชายังคงเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งราวกับว่าไม่ได้รู้สึกอะไรและเคยชินกับไปความเกลียดชังที่สองพ่อลูกภายในโต๊ะอาหารแสดงออกมาใส่เขา
"อิ่มหรือยัง" เสียงทุ้มนิ่งหันถามร่างสวยหุ่นดีที่นั่งอยู่ด้านข้าง
"อ อื้ม" มาร์ก็รีบพยักหน้าตอบกลับไปในทันที
"งั้นกลับกัน" พูดจบ เจ้าของความสูงร้อยเก้าสิบเซนนัยน์ตาสีเทาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้โต๊ะอาหารทำท่าจะเดินออกไป ทว่า...
"รถที่จอดอยู่หน้าบ้าน รถแกเหรอ" เสียงเจไดเอ่ยถามคามิลขึ้นทำให้ใบหน้าหล่อนิ่งหันกลับไปมองยังชายวัยยี่สิบที่กำลังนั่งยิ้มร้ายมองหน้าเขาอยู่ คามิลก็เงียบไม่ตอบเอาแต่ใช้สายตาคมจ้องมองไปยังเจไดที่นั่งอยู่
"รถสวยดีนี่...ฉันขอได้ปะ" เจไดยิ้มมุมปากมองหน้าถามคนตัวสูงก่อนจะหันไปทางพ่อตัวเอง
"รถคามิลสวยดีครับพ่อ ผมอยากได้" สิ้นเสียงเจไดเอ่ย สาธิตที่นั่งอยู่ก็หันไปมองหน้าคามิลทันที
"เอารถแกให้เจได"
"สะ สาธิต..." เปมิกาเอ่ยเรียกชื่อคนเป็นสามีขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย
"ถ้าลูกฉันอยากได้ ลูกเธอ...ก็ต้องให้" สาธิตหันมองหน้าเอ่ยบอกเปมิกาเสียงนิ่งพร้อมกับเลื่อนสายตาไปมองยังคามิลที่ยืนเงียบอยู่
"เอารถให้เจได"
"..." คนตัวสูงก็นิ่ง
"คามิล แกไม่ได้ยินที่ฉันบอกหรือไง" ใบหน้าหล่อเย็นชายังคงนิ่ง มาร์ก็ได้แต่ยืนเม้มปากแน่นกดดันไปหมดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ซึ่งสาธิตก็เริ่มมีอารมณ์โมโหเมื่อเห็นว่าร่างสูงที่เขาพูดด้วยนั้นเอาแต่เงียบไม่ตอบไม่ยอมทำตามที่เขาบอก
"คามิล!..."
"ถ้าอยากได้ ก็ไปหาเงินมาซื้อเอง" เรียวปากหนาเอ่ยออกมาเสียงเรียบไร้ซึ่งความรู้สึกเกรงกลัวใด ๆ ก่อนที่สองเท้าหนักจะสาวเท้าเดินออกไปด้วยความไม่สนใจแม้ว่าจะมีเสียงตะคอกจากชายวัยกลางคนตะโกนตามหลังแกร่งของเขาไปก็ตาม
"ไอ้คามิล!!"