บทนำ
ร่างสูงโปร่งเดินลงจากเมอร์เซเดสเบนซ์ รุ่น350e พร้อมกระเป๋าทำงานสีดำใบโปรด พาดเสื้อคลุมไว้บนบ่าด้วยความเหนื่อยล้าจากงานประจำ อีกทั้งยังเครียดสะสมจากปัญหาชีวิตเมื่ออยู่ ๆ ต้องกลายมาเป็นคุณพ่อลูกหนึ่งเพราะถูกผู้หญิงหน้าด้านรวบหัวรวบหาง
เสียงเด็กร้องอ้อแอ้ดังเล็ดลอดเข้าหูชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวขาเข้ามาในตัวบ้าน เขาวางของทุกอย่างลงบนโต๊ะก่อนเดินไปยังต้นเสียงนั่นก็คือห้องโถงกลางบ้าน ซึ่งเป็นที่ตั้งของเปลไฟฟ้าที่กำลังแกว่งไกวไปมา ชะโงกหน้าดูลูกชายที่นอนส่งเสียงอยู่ด้านในแล้วถลึงตาด้วยความตกใจ
“ออกไปจากตัวลูกกูเลยนะ!”
ธารัณโวยวายเมื่อเห็นเจ้าเหมียวเปอร์เซียสีเทาเข้มกำลังพยายามเลียหน้าบุตรชายวัยหกเดือน และด้วยความโมโหจึงจับมันเหวี่ยงลงพื้นสุดแรง จนหญิงสาวที่กำลังวางขวดนมลงบนเครื่องนึ่งอยู่ในห้องครัว ได้ยินเสียงร้องของแมวตัวโปรด
“พัด! อยู่ไหน? ทำไมปล่อยให้แมวมาเลียหน้าลูก”
พิณพัชวางมือจากงานที่ทำ หันมาเช็ดมือให้สะอาดอีกครั้งก่อนเดินมาหาสามีที่ตะโกนเรียกกันลั่นบ้าน มองซ้ายมองขวาเห็น ‘หมีเทา’ เจ้าเหมียวตัวโปรดซุกตัวอยู่ใต้เก้าอี้ ดวงตาของมันเลิ่กลั่กราวกับกำลังตื่นกลัวบางสิ่งบางอย่าง และเมื่อชายหนุ่มเห็นหน้าภรรยาที่เขาชิงชังหนักหนา ความไม่พอใจก็ก่อตัวขึ้นมาทันทีทันใด
“ไปไหนมา! ทำไมปล่อยให้สัตว์มีขนอยู่กับลูก”
พิณพัชเหลือบตามองลูกชายในเปล ก่อนเบนสายตามองสามีดังเดิม
“พัดไปนึ่งขวดนมมา อีกอย่างหมีเทาก็อยู่อย่างนี้ตลอด มันไม่เคยกัดไม่เคยทำร้ายปันสักหน่อย พี่จะโวยวายทำไม”
ธารัณไม่พอใจที่อีกฝ่ายเถียงคอตั้ง พยักหน้ากัดฟันแน่นพยายามข่มอารมณ์เดือดดาลที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในอก ก่อนเดินไปยังที่ที่เจ้าเหมียวซ่อนตัวอยู่
“ได้! ต้องการอย่างนี้ใช่ไหม?”
เขาโค้งตัวดึงต้นคอหมีเทาด้วยมือเดียว ในขณะที่มันดิ้นไหวไปมาคล้ายกับว่าทรมานเหลือเกิน พิณพัชก้าวขาไปใกล้สามีโดยที่แก้มทั้งสองข้างนองไปด้วยน้ำตา เธอสงสารสัตว์เลี้ยงตัวโปรดจนตัวสั่น
“อย่าเข้ามานะ! บ้านหลังนี้เป็นของฉัน เพราะงั้นฉันจะทำอะไรกับใครก็ได้ แล้วฉันก็จะเอามันไปปล่อย”
“อย่านะพี่ธาม จะบ้าเหรอ? หมีเทายังไม่ทันทำอะไรสักหน่อย พี่จะเอามันไปปล่อยไม่ได้นะ”
หญิงสาวพูดกับเขาหากสายตาจ้องเจ้าเหมียวด้วยความสงสาร ทว่าธารัณเลือดขึ้นหน้าไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใด ๆ ทั้งนั้น เขาตัดสินใจแล้วว่าจะพาเจ้าแมวขนฟูออกไปจากบ้านหลังนี้
“พี่ธาม...”
พิณพัชสะอื้นน้ำตาไหลนอง พยายามจะเข้ามาจับแมวของเธอที่ดิ้นเร่าอยู่ในมือของชายหนุ่ม
“พัดขอนะ...ฮึก ๆ พี่ปล่อยมันก่อนนะ มันเจ็บค่ะ”
พยายามพูดดี ๆ กับอีกฝ่าย หากคนใจอำมหิตทำได้เพียงกระตุกยิ้มเท่านั้น
“บ้านนี้ห้ามเลี้ยงสัตว์ ฉันบอกกับเธอตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาเหยียบที่นี่ในฐานะเมียแล้ว แต่เธอก็ยังฝืน...แล้วฉันก็จะไม่ทนได้กลิ่นอาหารแมวรวมถึงขี้เยี่ยวของมันอีกต่อไป”
“มันเจ็บค่ะ พี่ใช้อีกมือประคองตัวมันทีสิคะ มันดิ้นแบบนี้แสดงว่ามันทรมาน”
เจ้าหมีเทาส่งเสียงร้องอันแผ่วเบา กันนั้นสายตาของมันยังจ้องมองมาที่เจ้าของอย่างขอความช่วยเหลือแต่...
“ทรมานก็ช่างมันสิ!”
ธารัณว่าอย่างนั้น ก่อนเดินดุ่ม ๆ หิ้วเจ้าเหมียวออกจากบ้าน ในขณะที่พิณพัชเตรียมก้าวขาเดินตาม ทว่าลูกชายเกิดส่งเสียงร้องเสียก่อน เธอจึงต้องหันมาอุ้มลูกพาดบ่าเดินตามสามีออกมา
“พี่ธามอย่าทำแบบนี้ เดี๋ยวพัดจะเอามันไปฝากเพื่อนเอง วางมันลงนะ”
พิณพัชพูดไล่หลัง โดยที่ฝ่ามือก็พยามตบหลังลูกชายเบา ๆ เพื่อให้แกหยุดร้อง หากเสียงร้องไห้ของลูกทำให้ชายหนุ่มหงุดหงิดใจ กวาดสายตาหากล่องใส่เจ้าเหมียวน่ารังเกียจจนกระทั่งไปเจอลังเบียร์ในลานจอดรถ
“ฮือออ พี่ธาม...พัดขอเถอะนะ อย่าเอาหมีเทาไปไหนเลย มันแก่แล้ว...”
“แก่แล้วก็แปลว่าใกล้ตาย แมวของเธอคงอยู่ได้อีกไม่นานเพราะงั้นให้มันไปตายเอาข้างนอก อย่ามาตายในบ้านของฉัน”
เขาวางเจ้าเหมียวลงในลังก่อนปิดฝา ในขณะที่มันดิ้นเอาเป็นเอาตาย พยายามจะโผล่หัวขึ้นมาหายใจ
“พี่ธาม อย่าทำแบบนี้ พัดบอกให้ปล่อยไง!”
พิณพัชร้องห้ามพลางเดินมาจับแขนเสื้อเป็นการฉุดรั้ง ทว่าไม่สามารถหยุดยั้งฝ่ายชายเอาไว้ได้ สุดท้ายฝากระโปรงท้ายรถก็เด้งเปิด ธารัณจึงวางลังเบียร์ที่มีเจ้าหมีเทาลงไปด้านใน ก่อนปิดมันลงทันทีท่ามกลางความสะเทือนใจของภรรยา
“พาลูกเข้าบ้าน” เขาหันมาสั่งหากเธอส่ายหัวพัลวัน
“พี่ธาม...พัดขอนะคะ ให้ทำอะไรก็ยอมแต่อย่าเอาหมีเทาไปปล่อยเลย”
เธอยกสองมือตั้งพนมทั้งที่ยังอุ้มลูกชายพาดบ่า ทว่าน้ำคำอันสั่นเทาพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลนองไม่สามารถเรียกความสงสารจากธารัณแม้แต่น้อย
“หย่าให้ฉันสิ แล้วออกไปจากบ้านหลังนี้!”
เขากัดฟันพูดพลางชี้นิ้วไล่ไปยังประตูบ้าน หากพิณพัชทำได้แค่นิ่งเหมือนช็อกไปชั่วขณะ ในหัวกำลังประมวลผลสิ่งที่เขาเอ่ยขอ
“ว่าไง? ถ้าอยากรักษาชีวิตมันไว้ ก็ต้องยอมปล่อยฉันไป”
หญิงสาวหลุบตาลงไม่กล้ามองผู้ชายใจอำมหิตตรงหน้า ซึ่งการกระทำของเธอก็ตอบทุกอย่างได้เป็นอย่างดี...
“งั้นก็อย่ามาพล่ามขอชีวิตใครอีก ในเมื่อครั้งหนึ่งเธอก็เคยพรากชีวิตฉันไปเหมือนกัน”
พูดจบก็เดินผ่านร่างภรรยาหน้าตาเฉย ก่อนขึ้นรถแล้วสตาร์ทถอยหลังออกจากบ้านทันที คราวนี้พิณพัชเหมือนตายทั้งเป็น เธอใจจะขาดยามเห็นยานพาหนะของธารัณขับออกจากรั้วบ้าน
“ฮืออออ หมีเทา”
หญิงสาวร้องไห้สะอื้นพลางกอดลูกชายไว้แนบกาย ทอดสายตามองท้ายรถของสามีที่ค่อย ๆ ขับเคลื่อนออกไปจนลับสายตาในเวลาไม่ถึงสองนาที
เมอร์เซเดสเบนซ์คันเดิมขับเคลื่อนเข้าเขตบ้านในเวลาเกือบห้าทุ่ม เท่ากับว่าเขาหายไปเกือบสามชั่วโมง เดินมาเปิดท้ายรถหยิบลังเปล่าขึ้นมา แล้วโยนกลับเข้าไปในโรงจอดรถ ก่อนกดรีโมตปิดรั้วบ้านแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟ ใช้เวลายืนพ่นควันอยู่ในสวนหย่อมหน้าบ้านพลางเงยหน้ามองไปยังหน้าต่างห้องนอนของพิณพัชกับลูกปรากฏว่าไฟปิดสนิทแล้ว
เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น พานให้พิณพัชที่นั่งกอดเข่าอยู่มุมห้องเงยหน้ามอง รีบใช้มือปาดน้ำตาในขณะที่ธารัณถือวิสาสะเปิดไฟดวงน้อย เพื่อต้องการเข้ามาบอกฝันดีลูกชายเหมือนทุกคืน แต่กลับเห็นภรรยาค่อย ๆ ยืนขึ้นแล้วจ้องมองมายังเขาราวกับโกรธเกลียดหนักหนา
“ฮึ! ป่านนี้โดนหมาวัดกัดตายห่าไปแล้วมั้ง”
ปากพูดออกมาหากสายตาจดจ้องไปยังเตียงนอน มองลูกชายตัวน้อยหลับใหลนัยน์ตาเป็นประกาย
“ระวังบาปกรรมจะตามทัน”
พิณพัชโต้กลับด้วยน้ำเสียงเครือสั่น กระทั่งน้ำตาค่อย ๆ รินไหลลงมาอีกครั้ง
“บอกตัวเองเถอะ ทำชั่วอะไรเอาไว้เคยสำนึกบ้างหรือเปล่า”
พิณพัชชาทุกความรู้สึก ยกมือปาดน้ำตาอีกครั้งก่อนเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างเตียงนอน
“เอาไปปล่อยวัดไหน”
“แถวนี้แหละ” เขาตอบก่อนโค้งตัวจูบแก้ม จูบกระหม่อมบุตรชาย
“ก็บอกมาสิว่าวัดไหน แถวนี้มีเป็นสิบวัด”
เธอขึ้นเสียงเล็กน้อยสร้างความไม่พอใจให้ชายหนุ่ม จนหันมาค้อนใส่แทบจะทันที
“ไม่บอก ถ้าอยากหาให้เจอต่อให้แถวนี้มีเป็นสิบวัดเธอก็ต้องไป แต่เอ...ไม่รู้จะได้เจอหรือเปล่านะ อาจถูกรถทับไม่ก็ถูกหมาวัดขย้ำคอขาดไปแล้ว”
“สารเลว” หญิงสาวกัดฟันต่อว่า ขณะที่ปลายสายตาอาฆาตเขา
“เลวเหมือนเธอไง ใช้ยาปลุกเซ็กซ์ทำลายชีวิตฉันเป็นคนดีตรงไหน? แถมยังหน้าด้านปล่อยให้ท้องอีก นี่บุญหัวแล้วที่ฉันยังรักเด็กคนนี้” เขาเถียงทันที
“ก็ไม่ได้รักมาตั้งแต่แรกสักหน่อย ถ้ามีความเป็นพ่อจริงคงไม่จับลูกตรวจดีเอ็นเอ”
“ก็อยากให้แน่ใจไปเลยไง เธอชั่วทำลายชีวิตฉันกับครอบครัวได้ แล้วทำไมเธอจะเอาลูกใครก็ไม่รู้มาให้ฉันรับเป็นพ่อไม่ได้ เพราะงั้นกันไว้ดีกว่าต้องมานั่งแก้ทีหลัง”
แต่ละคำที่เปล่งออกมาแทงใจดำพิณพัชจนข้างในร้อนเป็นไฟ และยิ่งมองสายตายียวนกวนประสาทของธารัณเธอยิ่งจะอกแตกตาย แต่ก็ยังเชิดหน้ามองไปยังลูกชายก่อนพูดเปรย ๆ ขึ้นมาว่า
“ระวังเถอะ! ทำลายชีวิตคนอื่น สักวันตัวเองจะโดนเอาคืนบ้าง”
เห็นสายตาที่เธอมองลูกเขาจึงหันไปมองบ้าง ก่อนหลุดขำแล้วถามง่าย ๆ ว่า
“ทำไม? จะพาลูกหนีเหรอ?”
“...” ไม่มีคำตอบใด ๆ เล็ดลอดออกมา นอกจากกิริยาอันสงบนิ่ง
“เธอไม่มีวันพาปันออกไปจากชีวิตฉันหรอก ลูกต้องอยู่กับฉันเท่านั้น...คนที่จะไปจากชีวิตพวกเราคือเธอต่างหาก”
พิณพัชน้ำตาไหลพราก หากไร้เรี่ยวแรงจะเถียงหรือต่อกรกับสามี ตัดสินใจเดินผ่านหน้าอีกฝ่ายหมายจะเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แต่...
“จะไปไหน!”
ธารัณกระชากแขนเล็กจนพิณพัชหันหน้ากลับ จดจ้องกันอยู่ครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกเกลียดระคนปวดปลาบไปทั้งใจ
“ถอดเสื้อผ้าสิ” เขาว่าก่อนปรายตามองเรือนร่างภรรยาตั้งแต่หัวจดเท้า
“เกลียดไม่ใช่เหรอ แล้วจะเอาทำไม?” เชิดหน้าถามทั้งน้ำตา
“ให้คุ้มกับค่าสินสอดที่เสียไปไง ชีวิตฉันพังยังไง ร่างกายเธอต้องพังมากกว่าชีวิตฉันร้อยเท่า จริง ๆ ฉันก็ไม่ได้พิศวาสอะไรเธอหรอกนะ”
พิณพัชกลืนน้ำลายไม่ลงคอ ฝืนจ้องตาธารัณในขณะที่น้ำตาเกลือกกลั้วอยู่ในหน่วยตาทั้งสองข้าง อยู่ ๆ ก็นึกถึงภาพเมื่อหลายเดือนก่อนตอนตั้งครรภ์ ‘น้องปัน’ ลูกชายที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียง จำได้ว่าธารัณย่ำยีเธอเกือบทุกคืน เขาไม่สนด้วยซ้ำว่าเด็กจะปลอดภัยหรือไม่จากการกระทำของเขา
“ร่างกายเธอก็ไม่ได้สวยงามอะไรแล้ว แต่ที่ฉันทำเพราะอยากทำ ทำเพราะสะใจ ทำเพราะแค่อยากระบาย เพราะฉะนั้นอย่าขัดใจผัวของเธอ”