ตอนที่7 พี่ไม่ง้อ น้องก็ไม่ท้อ
02.00น.
ลูกค้ากระเป๋าหนักทยอยออกจากผับที่เปิดเลยเวลาอย่างไม่กลัวกฎหมาย หลาย ๆ คนได้คู่นอนกลับบ้านซึ่งดูจะเป็นเรื่องปกติ ยกเว้นคนที่มาตามแฟนสาวกลับอย่างเอริค
“ผับปิดแล้วครับ” การ์ดชุดดำสองคนกันเอริคที่ทำท่าจะเดินสวนลูกค้าคนสุดท้ายเข้าไปข้างใน ดวงตาของเขาแสดงความเจ็บปวดออกมาตลอดเวลา ‘ไม่น่าแพ้มันเลย’
“กูมาตามเมียกูกลับ”
“ข้างในไม่มีคนอยู่แล้ว ไปตามหาที่อื่น”
“เมียกูมากับไอ้คริส”
“เมียมึงมากับเฮียคริสเหรอ” รอยยิ้มเย้ยหยันของการ์ดตรงหน้าทั้งสองคนยิ่งทำให้เอริคเจ็บช้ำ เขายิ่งโกรธคริส และโกรธตัวเองเข้าไปใหญ่
“ถ้าไม่ให้กูเข้าก็ไปตามไอ้คริสมา”
“เดี๋ยวให้คนไปตามให้” การ์ดคนหนึ่งหายเข้าไปด้านในไม่กี่นาทีก็เดินออกมา
“รอแปป เฮียคริสกำลังใส่เสื้อผ้าอยู่” คำพูดที่ได้ยินทำเอาเอริคกำมือแน่นอยากต่อยใครก็ได้เพื่อระบายอารมณ์ แต่ติดที่วันนี้เขาดันมาตัวคนเดียวเพราะไม่อยากให้ใครเห็นความย่อยยับของตัวเองไปมากกว่านี้
คนที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วสวมเสื้อโดยไม่ติดกระดุมสักเม็ด มันเกี่ยวแขนโอบไหล่ของแพตตี้เดินลงมาด้วยสภาพที่คอของเธอแดงจนแทบไม่มีพื้นที่ว่าง แต่ที่ทำให้เขาชาไปทั้งใจเพราะคิดว่าเธอจะเสียน้ำตาสักหน่อยแต่ไม่เลย เธอแค่ดูอ่อนเพลียเท่านั้นเอง
“บี๋ เค้ามารับเธอกลับ” แฟนสาวของเขาพยักหน้ารับและเดินมาหาเขาจนแขนของคริสหลุดออกจากตัวเธอ
“กูว่าจะให้คนเอาไปคืนอยู่พอดี มึงไม่น่ารีบมาถึงที่ให้เจ็บใจเล่น ๆ เลย”
“ไปเถอะบี๋” แพตตี้ดึงแขนเอริคให้รีบไปจากตรงนี้กลัวสองคนนี้จะมีเรื่องกันนอกรอบซึ่งเธอเข้าใจดีว่าเอริคเจ็บใจแค่ไหน
“ไอ้นนท์กับไอ้อิทธิ์ล่ะ”
“คืนนี้เฮียนนท์กับเฮียอิทธิ์ไม่ได้มานะเฮีย” คริสนิ่งไปเมื่อคิดอะไรบางอย่างได้ ก่อนจะหันไปพูดกับลูกน้องอย่างไม่จริงจัง
“มึงคอยดูนะ มันสองตัวต้องมีตัวนึงใส่ปลอกคอหมา”
“ฮะ!” ลูกน้องร่างสูงใหญ่สองคนร้องขึ้นอย่างตกใจ คนขึ้เก๊กอย่างนั้นเนี่ยนะจะใสปลอกคอหมา
“มึงคอยดู”
.....
เพียงคืนเดียวรูปที่ลลิลอัปลงอินสตาแกรมมีคนกดไลค์หลายหมื่นคน และเสื้อที่เธอใส่โปรโมตก็เอ้าท์อ็อฟสต็อกเป็นที่เรียบร้อย
“พี่นนท์เขาไม่ว่าเหรอลี่”
“ไม่เห็นมั้ง เราบล็อกเขาไปแล้ว” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นตอบเพื่อนด้วยรอยยิ้มเมื่อผลตอบรับดีเกินค่าจ้างที่เธอได้รับไปมาก
“เราว่าลี่ไม่จำเป็นต้องรับงานอะไรแบบนี้เลย บ้านก็รวย”
“บ้านรวยไม่ใช่เรารวยหนิแว่น อีกอย่างนะเราก็ชอบด้วยที่มีเงินโอนเข้าบัญชีรัว ๆ”
“งานนี้ได้เท่าไหร่ล่ะ”
“หกหมื่นเหมือนเดิม ไม่กล้าขึ้นค่าตัวกลัวไม่มีคนจ้าง” กวินส่ายหัวให้เพื่อนจอมงก ครอบครัวของลลิลมีฐานะ แต่ก็ไม่แปลกที่เธอจะชอบงานแบบนี้เพราะมันไม่ได้ลำบากต้องใช้แรงงาน
หญิงสาวก้มหน้าสนใจข้อความในหน้าจอสมาร์ทโฟนครู่ใหญ่ เหมือนคุยกับใครจนกระทั่งชายหนุ่มสังเกตได้ว่าเธอเริ่มมีสีหน้าหนักใจเข้าไปทุกที
“มีอะไรหรือเปล่า”
“พี่จีชวนไปฉลองยอดขายน่ะ”
“ไม่ไปก็ปฏิเสธสิ”
“จะน่าเกลียดมั้ยอะ” หญิงสาวเงยหน้ารอความเห็นของเพื่อนด้วยสีหน้าวิตก เธอปฏิเสธใครไม่เป็นเสียด้วยสิ
“บอกว่าป่วย”
“รอบที่แล้วใช้มุกนี้ไปแล้วนะ และเราก็ปัดพี่จีไปหลายครั้งแล้วด้วย”
“งั้นครั้งนี้ลี่ก็ไปจะได้ไม่น่าเกลียด”
“แว่นไปด้วยกันมั้ย”
“วันไหน”
“คืนนี้สามทุ่ม”
“...” ลลิลรู้คำตอบของเพื่อนอัตโนมัติถ้ากวินลังเลแปลว่าเขามีธุระ
“ไปทำธุระเถอะ ไม่ต้องห่วงเราหรอกน่า”
“เดี๋ยวเราลองเลื่อน...”
“เราบอกว่าไม่ต้องไงแว่น” กวินชะงักมือที่กำลังหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าและมองหน้าคนที่ดุเขานิ่ง
“ขอโทษ ก็แว่นมากับลี่จนเสียงานมาหลายครั้งแล้วไง ลี่ไม่อยากรบกวนแว่นมากเกินไป”
“เราเต็มใจ”
“อย่าดีกว่าเราไม่สบายใจ” กวินพยักหน้ารับ ในเมื่อเธอไม่สบายใจเขาก็ไม่ทำ
“ไปที่ไหนบอกเราหรือพี่นนท์ไว้หน่อยก็ดี”
“ลืมถามพี่จีเลยเดี๋ยวถามก่อน” ลลิลก้มหน้าพิมพิ์มือถือยิก ๆ และรอนานหลายนาทีแต่อีกฝ่ายยังไม่ได้ตอบเธอ
“พี่จีไม่ได้ออนแล้วอะ เดี๋ยวถ้าเขาบอกแล้วเราจะบอกแว่นไว้นะ”
“บอกพี่นนท์ด้วย”
“ไม่” หญิงสาวตอกกลับเสียงหนักแน่น เธอบล็อกเขาก็คิดไม่หาทางง้อน้องสาวอย่างเธอเลย เธอจะไม่ยอมติดต่อเขาไปก่อนหรอก
.....
กวินอยู่ชั้นที่20 ส่วนเธออยู่ชั้นที่19 เขาเป็นเพื่อนผู้ชายที่นนท์นภัทรไว้ใจมากที่สุดเพราะทั้งสองเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ยังไม่เข้าเรียนเตรียมอนุบาลด้วยซ้ำ ถึงแม้กวินจะดูลึกลับในบางครั้งก็เถอะ
“อย่าลืมไลน์มาบอก”
“จ้า” ลลิลตอบกลับก่อนจะเดินออกจากลิฟต์เมื่อถึงปลายทางก่อนเพื่อน เมื่อมาถึงห้องเธอก็หยิบมือถือขึ้นมาดูว่ารุ่นพี่ของเธอบอกสถานที่หรือยังแต่ทางนั้นก็ส่งมาเป็นโลเคชั่นแทน
“ว้าว ช่างบังเอิญเสียจริง” หญิงสาวพูดกับหน้าจอสมาร์ทโฟนก่อนจะวางมันไว้บนเตียงนอนแล้วไปจัดการแต่งตัวสำหรับการไปเยือนผับของพี่ชาย ‘ครั้งแรก’
.....
หญิงสาวสวมชุดเดรสสายเดี่ยวสั้นสีขาวที่แทบจะกลืนกับผิว ดีไซน์เว้าแหว่งตรงเอวคอดทำให้วันนี้เธอดูเซ็กซี่ผิดตาไปมาก ชุดนี้ก็ได้มาจากรุ่นพี่สาวของเธออีกเช่นเคย ซึ่งมันดูเข้ากับผู้หญิงที่ชื่อลลิลเหมือนมันถูกดีไซน์มาเพื่อเธอโดยเฉพาะ
ลลิลแต่งแต้มเครื่องสำอางบนใบหน้าอย่างจัดเต็มผิดกับวันไปเรียนที่ปัดเพียงแป้งฝุ่นเท่านั้น ดวงตาที่กลมโตอยู่แล้วยิ่งดูน่าจ้องมองมากขึ้นไปอีกด้วยอายแชร์โดวบาง ๆ สีชมพูประกายวิ้งตามด้วยอายไลน์เนอร์เส้นคมเฉี่ยวและปัดเสริมมาสคาร่าจนขนตาดูหนาเป็นแพ เธอปัดแก้มสีชมพูบางเบาจนเหมือนมันเป็นสีจากธรรมชาติ และปิดท้ายด้วยลิปสติกสีชมพูหวานราคาเกือบสองพันเคลือบบนริมฝีปากบางน่าจูบของเธอ
“เป็นผู้หญิงนี่เหนื่อยจังเล่า” ลลิลบ่นให้ตัวเองเพราะเสียเวลาประณีตใบหน้ามาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ‘เวลาเจอแสงจะได้สวย ๆ’
มือนุ่มนิ่มหยิบขวดน้ำหอมหลากหลายยี่ห้อที่มีกว่าสามสิบขวดแล้ววางลงครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะลังเลว่าจะเลือกใช้ขวดไหน ก่อนจะตัดสินใจเลือกเจ้าฝาดำในตำนวนขึ้นมาเปิดแล้วฉีดจนทั่วตัว ‘น้ำหอมยั่ว...อะไรนั่นแหละ’
แค่ก ๆ
“โอ้ยฉุนนนน”