ตอนที่4 ลิลลี่น้องพี่นนท์
สามวันต่อมา
ตืดด ตืดด
เสียงสมาร์ทโฟนในกระเป๋าดังขึ้นทำให้ลลิลที่เพิ่งจอดรถต้องรื้อหามันออกมา
แม่
“คิดถึงลูกสาวเหรอคะ”
“แม่ติดต่อพี่ชายเราไม่ได้ แม่เห็นคลิปนั่นแล้วแต่ตอนนี้แม่อยู่อินเดีย”
“เขาไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ”
“ถ้าแม่อยู่ไทยนะจะบิดหูให้หลุดเลย”
“กลับมาบิดก็ได้นี่คะ” ลลิลพูดถึงพี่ชายเสียงเบาหวิว เธอยังโกรธเขาอยู่ ตั้งแต่วันนั้นก็สามวันมาแล้วที่เธอหลบหน้าพี่ชาย เรียกว่าหลบได้หรือเปล่าไม่รู้เพราะบางทีเขาอาจจะไม่ได้แคร์เธอเลยด้วยซ้ำ
“ลิลลี่บอกให้พี่เขาโทรกลับมาหาแม่หน่อยสิ”
“ถ้าเจอจะบอกให้นะคะ”
“ไม่ใช่ถ้าเจอสิ ลิลลี่ต้องไปหาพี่เขาให้แม่เลย แม่จะด่าผ่านมือถือของลิลลี่นี่แหละวันนี้มีเรียนเช้าเหมือนกันมั้ย”
“ลี่คงหาเขาไม่เจอหรอกค่ะ”
“มีอะไร หรือว่าทะเลาะกัน หื้อ?” หญิงสาวกลั้นหายใจไปชั่วขณะ เธอไม่อยากทำให้คนแสวงบุญไม่สบายใจเพราะท่านเคยขอแล้วว่าเธอกับพี่ชายห้ามทะเลาะกันเด็ดขาด
“เปล่าค่ะไม่ได้ทะเลาะกัน”
“งั้นไปหาพี่นนท์ให้แม่หน่อย”
“ลี่วางก่อนนะคะถ้าเจอแล้วจะโทรกลับ”
ลลิลคว้ากระเป๋าสะพายของเธอลงจากรถด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง ก่อนจะมุ่งหน้าเดินไปที่ตึกวิศวะอย่างจำใจ
ใต้ตึกเรียนนี้เต็มไปด้วยผู้ชายสารพัดรูปลักษณ์ คนที่หล่อก็หล่อเสียจนนึกว่าไอดอลเกาหลี แต่ก็มีบางพวกที่ดูน่ากลัวอยู่ไม่น้อย พวกเขารู้จักเธอดีในฐานะลิลลี่เน็ตไอดอลคนดัง เสียงเอ่ยแซวดังขึ้นจากทิศทางไหนก็ไม่รู้เพราะว่าเธอรีบเดินไปให้ถึงชายกลุ่มหนึ่งที่น่าจะเป็นกลุ่มของพี่ชายเธอ ‘แต่ไม่ใช่’
“น้องมาหาใคร?”
“ลี่มาหาพี่ชายค่ะ แต่ไม่เจอ” เธอรีบตอบชายที่ยืนพิงเสาร์อยู่ มองไกล ๆ หาว่าเป็นพี่ชายตัวเองเสียได้ ‘แว่นสายตาต้องเข้าแล้ว’
“พี่ชายชื่ออะไร”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลี่จะกลับแล้ว”
“ลิลลี่!” เสียงเรียกคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เธออุ่นใจขึ้นมาเป็นกอง แต่ยังมีทิฐิอยู่ทำให้เธอไม่หันไปหาพี่ชายแต่กดโทรหามารดาแทน
“น้องพี่นนท์เหรอ”
“เออ จำหน้าไว้เลยนี่น้องกู” ลลิลลอบเบะปากระหว่างที่รอมารดารับสาย ก่อนจะยื่นมือถือของเธอให้เขา
“อะไร”
“แม่จะคุยด้วย” นนท์นภัทรอ้าปากค้างไม่คิดว่าน้องสาวจะมาหาเขาด้วยเหตุผลนี้ เขาดันมือน้องสาวออกห่างจากตัวก่อนเสียงมารดาที่เล็ดรอดออกมาจะทำให้เขารีบรับมือถือของลลิลมา
“ถ้านนท์ไม่รับแม่จะลงรูปนนท์กับช้างน้อย”
“แม่!” ชายหนุ่มรีบปิดลำโพงแล้วเดินไปให้ห่างจากผู้คนกลัวแม่จะพูดเรื่องน่าอายออกมาอีก
ลลิลที่ไม่ยอมมองหน้าพี่ชายเงยหน้าขึ้นเมื่อคิดว่าตรงนี้ไม่มีใครแล้วแต่กลับมีคนยืนอยู่ตรงหน้าและเขาก็มองเธออยู่ ‘คนที่เธอเคยโคตรปลื้มเขาจากรอยสัก แต่ปากเสียไปหน่อย’
“คิดยังไงเดินมาที่นี่คนเดียว”
“ตึกวิศวะเด็กนิเทศเดินมาไม่ได้เหรอคะ”
“...” คริสไม่พูดอะไรออกมาอีกแต่มองน้องสาวของเพื่อนราวกับจะกลืนกินเธอ ส่วนคนถูกมองหาได้รู้ว่าสายตาแบบนี้ของเขามันคืออะไร
“ไอ้คริส มึงมาคุยอะไรกับลิลลี่วะ” คริสไม่ตอบแต่เดินผ่านหน้าสองพี่น้องไปเสียเฉย ๆ
“เป็นไร งอนเหรอ”
“เปล่า มือถือลี่ล่ะ” คนพี่เอามือถือคืนให้คนหน้าบูดที่ไม่ยอมมองหน้าเขาแม้แต่นิดเดียว เขาจึงประคองแก้มทั้งสองข้างขอลลิลบังคับให้เธอมองหน้าเขา
“ขอโทษ”
“เรื่อง?”
“วันนั้นที่พูดไม่ดีใส่”
“...” ลลิลเม้มปากแน่นกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลทั้งที่มันคลอเม็ดใหญ่เต็มทีแล้ว และเมื่อพี่ชายใช้นิ้วแตะที่ใต้ตาเธอก็ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น
“ฮืออออ”
“ขอโทษ ๆ ทีหลังจะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว” นนท์นภัทรปลอบใจหลังจากดึงน้องสาวเข้ามากอด
“ฮือออ แต่พี่นนท์พูดออกมาแล้ว ลี่เสียใจไปแล้ว”
“เดี๋ยวเย็นนี้พาไปดูหนัง”
“ไม่ ไม่ต้องมาสนใจลี่หรอก” น้องสาวผละออกจากวงแขนของพี่ชายแล้วเดินหนีไปทันที โชคดีที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ของเด็กวิศวะจึงไม่ค่อยมีพวกนิสัยถ่ายทุกสิ่งอย่างลงโซเชียล
.....
“นี่ชุดที่น้องลี่ต้องใส่ถ่ายรูปลงให้พี่นะจ้ะ” จีรณารื้อเสื้อผ้าออกมาจากถุงกระดาษให้ลลิล และเธอก็อึ้งกับสิ่งที่อยู่ในมือของรุ่นพี่สาวอยู่ไม่น้อย
“น้องลี่โอเคมั้ยจ้ะ”
“อะ..โอเคค่ะ
“หรือกลัวพี่ชายไม่โอเคอีกหรือเปล่าเอ่ย“ จีรณาถามด้วยความลำบากใจ เพาะทุกครั้งที่จ้างไม่เคยให้ชุดที่โชว์ขนาดนี้กับลลิลเลย แต่นี่ก็เป็นคอลเล็กชั่นล่าสุดของแบรนด์เธอที่อยากให้หญิงสาวโปรโมตให้
“เขาไม่มีสิทธิ์ไม่โอเคหรอกค่ะ”
“โอเคจ้ะ ขอบคุณมากนะคะน้องลี่” หญิงสาวรุ่นพี่เดินจากไปหลังจากที่ส่งชุดให้ถึงมือลลิลเรียบร้อย จ้างเธอโปรโมตอะไรก็เพิ่มยอดให้ขายดีได้หมด ‘อยากเป็นที่รู้จักก็ต้องจ้างคนดัง’
“โป๊อยู่นะ เราว่าลี่ไม่ต้องรับงานนี้หรอก”
“ไม่เท่าไรนะ คนอื่น ๆ เขาใส่กันมานานแล้วนะแว่น”
“...”
“อีกอย่างนะ พี่จีจ้างงานเราตั้งแต่เรามีคนฟอลแค่หลักหมื่นเอง เราไม่อยากทิ้งพี่จีอะ” กวินได้แต่พยักหน้ารับ เมื่อเพื่อนมีจุดมุ่งหมายแน่วแน่เขาก็ทำได้แค่อยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆแหละ