บทที่ 1

1650 คำ
ประเทศไทย หญิงสาวร่างอรชรในชุดสีดำทมิฬทั้วตัวยืนรอคนของแม่อยู่หน้าสนามบิน ไม่นานก็มีรถลิมูซีนสีขาวขับมาจอดตรงหน้าเธอ ชายชุดสูทเดินตรงเข้ามาแล้วส่งโทรศัพท์ให้เธอวิดีโอคลอคุยกับผู้เป็นแม่ [แต่งตัวอะไรของแก?] "ชุดนินมีให้แต่งสวยได้เท่านี้แหละค่ะ" [แกสวยได้มากกว่านี้ ส่งโทรศัพท์คืนซะ] มุนินทร์ทำตามคำสั่ง ก่อนที่ชายในชุดสูทจะคุยกับแม่ แล้วพาเธอไปยังร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์หรู "ชุดนี้ครับคุณหนู" เดรสสั้นสีแดงสดถูกส่งให้หญิงสาว ดวงตาคู่สวยจ้องมองชุดตรง หน้าด้วยความลังเล เพราะส่วนโค้งส่วนเว้ามันโป๊เปลือยมาก ยิ่งรูปร่างของเธอดูโตกว่าวัย ถ้าใส่ชุดนี้กลับไป มีหวังต้องดูเป็นอีตัวแน่เลย "มีชุดที่เรียบร้อยกว่านี้ไหมคะ? " "คุณหญิงกำชับให้คุณหนูแต่งตัวน้อยชิ้นที่สุด ผมทำตามคำสั่งทุกอย่าง คุณหนูยอมใส่เถอะนะครับ" "แม่คิดอะไรอยู่นะ..." คิ้วเรียงสวยขมวดติดกันเป็นปม แต่ก็ต้องยอมใส่เพราะเป็นคำสั่งของเเม่เธอ "โป๊ชะมัด" มุนินทร์ไม่เคยสวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นมาก่อน เพราะรู้ว่าถ้าตัวเองแต่งตัวเซ็กซี่ มันจะดูล่อแหลมกว่าผู้หญิงคนอื่น ด้วยสัดส่วนที่เกินมาตรฐาน โดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจที่อวบอั๋นมากกว่าปกติ เธออึดอัดกับสายตาที่ผู้ชายจ้องมองมา เลยตัดปัญหาโดยการสวมใส่เสื้อผ้าตัวโคร่ง เพื่อปิดบังหุ่นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ "ไปเถอะครับคุณหนู" ชายชุดสูทเร่งให้หญิงสาวกลับไปที่รถ แล้วพาไปยังคฤหาสน์ของ ‘ตระกูลเกียรติศิณี’ เมื่อไปถึงเธอก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากด้านใน เป็นเสียงทุ้มเข้มที่กำลังตะโกนด่าลูกชายตัวเองอยู่ "กูเป็นพ่อพวกมึงนะ! " "พ่อที่ไหนเขาทำตัวเลวแบบนี้ ที่แม่ต้องตายก็เป็นเพราะมึง มึงสำส่อนกับอีคนชั้นต่ำจนแม่หัวใจวาย เพราะมึงคนเดียวเลย ไอ้พ่อเฮงซวย!" มุนินทร์ชะงักฝีเท้า แล้วเลือกที่จะไม่เดินเข้าไปตอนนี้ เธอรู้ดีว่าเสียงที่โต้ตอบกลับไปคือเสียงของแดนไท ซึ่งเขารักแม่มาก และฝั่งใจเรื่องนี้ที่สุด "พอแล้วไอ้เเดน" แทนคุณห้ามน้องชายไม่ให้ปะทะกับผู้เป็นพ่อ แต่ก่อนที่พวกเขาจะแยกกัน แม่เธอก็รีบเดินออกมาแล้วดึงแขนเล็กให้เข้าไปร่วมวงเดือด "อ้าว หนูนินกลับมาแล้วเหรอ?" ท่านแดนทัพเปลี่ยนสีหน้าทันทีที่เห็นเธอ แต่สายตาคมกริบของสองหนุ่มกลับจ้องเขม่งด้วยความโกรธเคืองที่เห็นเธอกลับมา ใบหน้าหวานรีบหลบสายตาสองคู่นั้นแล้วหันไปยกมือไหว้เจ้าของคฤหาสน์ "สวัสดีค่ะ ท่านแดนทัพ" "เรียกพ่อก็ได้" "อย่าเลยดีกว่าค่ะ" พอปฏิเสธ แม่ก็หยิกแขนเล็กจนหญิงสาวต้องเปลี่ยนคำพูดใหม่ "ค่ะ คุณพ่อ" คำพูดของมุนินทร์สร้างความไม่พอใจให้สองหนุ่มมากยิ่งขึ้น จากที่พวกเขาเกลียดขี้หน้าเธออยู่แล้ว คราวนี้คงจะเกลียดเข้ากระดูกดำ "กลับมาเหนื่อย ๆ ขึ้นไปพักผ่อนก่อนไหม แล้วค่อยลงมาทานมื้อเย็นพร้อมกัน" "ก็ดีเหมือนกันค่ะ งั้นฉันขอตัวพาลูกสาวขึ้นไปบนห้องก่อนนะคะ"แม่ยิ้มรับก่อนจะพาเธอขึ้นไปบนห้อง ระหว่างที่กำลังเดินผ่านสองคนนั้นไป รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่ส่งผ่านมาถึงตัวเธอ ถึงหน้าตาพวกเขาจะหล่อเหลากว่าตอนเด็ก แต่ความร้ายกาจก็มีไม่น้อยเลยเช่นกัน พูดได้เลยว่าพวกเขาน่ากลัวมาก "ทำไมแม่ต้องให้นินแต่งตัวแบบนี้? " "ถามโง่ ๆ ที่ฉันให้แกแต่งตัวยั่วยวนก็เพื่อให้ไอ้หมาบ้าสองตัวนั้นมันหลงใหลในเรือนร่างของแกไง" "ทำไมต้องให้เขาหลงใหลนินด้วย? " "นี่ไปเรียนมาจริงหรือเปล่าเนี่ย โง่ชะมัด ที่ฉันให้พวกมันหลง ก็เพื่อที่แกจะได้จับพวกมันทำผัวได้ไง" "ที่แม่ให้นินกลับมา เพราะเรื่องนี้เหรอ" "ก็ใช่นะสิ ฉันต้องการทรัพย์สมบัติของตระกูลนี้ แต่มันดันให้ได้แค่สายเลือดเดียวกันเท่านั้น ฉันเลยต้องให้แกกลับมา แกต้องทำให้พวกมันหันมารักแก เอาให้โง่หัวไม่ขึ้นได้เลยยิ่งดี สุดท้ายแกจะเลือกแต่งงานกับใครก็ได้ แต่ขอให้เป็นสองคนนี้พอ" "พวกเขาเกลียดนินจะตาย ทำไม่ได้หรอก" "แกต้องทำให้ได้ จะยั่วยวนหรือจะทำตัวร่านใส่ยังไงฉันก็ไม่ขัด แต่ถ้าจะให้ดี ทำให้ติดลูกด้วยเลย" "นินไม่ใช่แม่นะ..." "แต่แกคือลูกฉัน ถ้าแกไม่ทำ ฉันจะเป็นคนพังชีวิตของแกเอง ในเมื่อพึ่งไม่ได้ ก็ไม่ต้องมีความสุข" "แม่..." เธอทำน้ำเสียงบั่นทอน "ตกลงตามนี้ ฉันให้เวลาแกสามเดือน" "นินทำไม่ได้" "ต้องทำได้ ต้องได้เท่านั้น!" แม่ย้อนกลับเสียงแข็งก่อนจะส่งกระเป๋าสะพายคืน แล้วเดินหนีออกไปจากห้อง หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างอ่อนแรง แล้วยกมือเล็กกุมขมับตัวเองอย่างหมดหวัง นี่เธอกลับมาเพื่ออะไรกันแน่... "คุณหญิงให้ผมมาตามคุณหนูลงไปทานมื้อเย็นครับ" พ่อบ้านขึ้นมาตามมุนินทร์ให้ลงไปข้างล่าง ซึ่งเธอไม่อยากจะก้าวขาออกจากห้องนี้เลย รู้สึกอึดอัดชะมัด "ฉันไม่ลงไปได้ไหม?" "ไม่ได้ครับ นี่คือคำสั่งของคุณหญิง" ชัดเจน เธอต้องทำตามคำสั่งทุกอย่างเลยสินะ มันไม่ใช่คำเชิญ แต่มันเป็นคำสั่ง ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ต้องทำตาม หญิงสาวเดินลงมาข้างล่าง โต๊ะอาหารตอนนี้มีแค่แม่ของเธอกับท่านแดนทัพสองคน ส่วนลูกชายทั้งสองก็ยังไม่ลงมาเพราะเพิ่งทะเลาะกับผู้เป็นพ่อไป "สองคนนั้นยังไม่ลงมาเลย นินไปตามพวกพี่เขาสิลูก" แม่ออกคำสั่งอีกครั้ง ถึงจะเป็นน้ำเสียงอ่อนโยนแต่เธอก็รู้ดีว่าแม่ต้องการอะไรกันแน่ ร่างเล็กลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินกลับขึ้นไปยังชั้นสามของคฤหาสน์ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเคาะประตูห้องแทนคุณเป็นคนแรก ก๊อก ๆ ! แอด... "คุณ ปัง! " ยังไม่ทันที่หญิงสาวพูดจบ ประตูบานเกล็ดสีทองก็ปิดใส่ใบหน้าหวานเข้าอย่างจัง เธอว่าแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เกลียดเข้าไส้ ใครมันจะไปอยากสนทนาด้วย ก๊อก ๆ ! คราวนี้เป็นห้องของแดนไท ที่เธอเลือกให้เขาเป็นห้องที่สองเพราะว่าเขาเพิ่งทะเลาะกับพ่อมาอย่างหนักหน่วง ตอนนี้ก็คงอารมณ์เดือดพล่านไม่น้อย "แอด..." ประตูบานเกล็ดสีเงินเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาแต่มีรอยเขียวช้ำจากการโดนต่อย เมื่อตะกี้ยังไม่เห็นมีเลย หรือว่าหลังจากที่เธอเดินขึ้นห้องไปแล้ว เข้ายังมีเรื่องกับพ่อต่อจนถึงขั้นทำร้ายร่างกายกัน "หน้าคุณ..." "เสือกอะไรด้วย" "ขอโทษทีค่ะ ท่านให้ฉันมาตามคุณลงไปทานมื้อเย็น" คนตัวสูงจ้องหน้าเธอแล้วบีบคอยาวระหงให้เข้าไปใกล้จนใบหน้าเราทั้งคู่แทบจะชิดกัน ลมหายใจร้อนระอุทำให้เธอต้องหลบสายตาคมกริบด้วยความหวาดกลัว "แต่งตัวเหมือนกะหรี่ไม่มีผิด ไปเรียนถึงอเมริกาตั้งหลายปี เขาไม่ได้สอนให้เธอเป็นผู้หญิงที่ดีเลยหรือไง" น้ำเสียงของเขาเหยียดเธอก่อนจะปล่อยมือออก "สกปรก" เช็ดมือตัวเอง "ฉันไม่มีอะไรจะแก้ตัว คุณอย่าลืมลงไปทานข้าวด้วยแล้วกัน ส่วนเรื่องแผล ฉันทายาให้ได้นะ ถ้าคุณต้องการ" พูดจบมุนินทร์ก็เดินกลับลงมาข้างล่าง ซึ่งแม่กับท่านแดนทัพก็ออกไปข้างนอกแล้ว ทิ้งให้เธอนั่งกินข้าวคนเดียวตามลำพัง "คุณหนูครับ คุณหญิงฝากสิ่งนี้มาให้ครับ" พ่อบ้านคนเดิมยื่นซองสีดำให้เธอ ในนั้นมีข้อความที่แม่เขียนเอาไว้ แล้วกำชับให้เธอทำให้สำเร็จ “นอนกับใครก็ได้ ก่อนที่ฉันกับท่านแดนทัพจะกลับมาจากบาหลี ถ้าฉันกลับมาแล้วแกยังไม่ทำ เราได้เห็นดีกันแน่” "แม่ไปกี่วัน?" หันไปถาม "สามวันครับ" "ไหนแม่บอกให้เวลาสามเดือน..." มุนินทร์เครียดหนักกว่าเดิม แค่สามเดือนมันก็ยากพอแล้ว นี่แค่สามวัน เธอจะเอามารยาหญิงที่ไหนไปยั่วยวนพวกเขากันล่ะ!? "เห้อ!" หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วฉีกกระดาษในมือทิ้งจนไม่เหลือซาก กันคนอื่นเก็บมาอ่านต่อ "ฉันขอชุดปฐมพยาบาลหน่อยสิ" "ได้เลยครับคุณหนู" พ่อบ้านรีบไปเอาสิ่งที่เธอต้องการมาให้ พอได้กล่องปฐมพยาบาล เธอก็เดินกลับขึ้นไปบนห้องแดนไท บอกตามตรงว่ากลัวเขา แต่จะไม่ทำก็ไม่ได้ อย่างน้อยเขาน่าจะเข้าหาง่ายกว่าแทนคุณ ก๊อก ๆ ! แอด... "อะไรอีก" ทำน้ำเสียงหงุดหงิดใส่ "ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม?" "ไม่" ปฏิเสธเสียงเข้ม "แต่ฉันมาทำแผลให้คุณนะ" "ไม่จำเป็น ไสหัวไปซะ" เขาตัดบทแล้วปิดประตูใส่ แต่เธอกลับเอามือไปขวางเอาไว้ เลยกระแทกเข้าที่ข้อมือเต็ม ๆ "โอ้ย!" "โง่หรือไง" ไม่ช่วยแถมยังซ้ำเติม "ฉันเจ็บแขน"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม