เรานั้นเหมือนกัน

1345 คำ
[20:41 น.] ดิสนั่งมองหลอดไฟอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่น รอบตัวทุกอย่างนั้นมืดไปหมด เขาไม่ได้เปิดไฟ แสงสว่างเดียวที่มีมันมาจากปลายบุหรี่เท่านั้น เขาครุ่นคิดถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกมส์ของสิ่งที่อาจจะเป็นผู้สร้างดันเจี้ยน หรือแม้แต่คำทำนายของแม่เฒ่าบ้าบอ เรื่องเขาร่วมมือกับพญาครุฑ เขายังเชื่อมโยงอะไรไม่ได้เลย… ไหนจะเรื่องกลุ่มแมรี่อีก เขาคงจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรขนาดนี้ ถ้าหากว่าเขาไม่รู้สึกว่าทุกมันเกี่ยวเขา มันเกี่ยวกับดิสมาโดยตลอด มันเกี่ยวตั้งแต่ตอนที่เขารับรู้ถึงพรสวรรค์ตัวเองแล้ว หลักฐานก็คือความพิเศษของเขาไง ที่พิสูจน์ว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างเกี่ยวข้องกัน ดิสหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาตรีชาติ วันนี้เขาหมดความอดทนแล้ว เขาไม่อยากจะมีอะไรมาคาอยู่ในใจแบบนี้อีกมันทรมาน เขาจะต้องจัดการเรื่องแมรี่ให้จบโดยเร็ว แล้วหลังจากนั้นจะได้สืบเรื่องดันเจี้ยนต่อ ซึ่งดิสถือสายรอไม่นานตรีชาติก็รับ [ว่าไงไอ้หนูมีธุระอะไร?] “ผมต้องการคุยกับไอ้ลิงยักษ์บ้านั่น” [เดี๋ยวสิ นายจะบ้าเหรอ ใครมันจะไปยอมให้พรานทมิฬมาคุยกับนักโทษ?] “เห็นแก่ที่ผมช่วยคุณ ให้ผมคุยกับมันได้มั้ย?” ปลายสายเงียบไปหลังได้ยินคำพูดนั้นของดิส ดิสจึงพูดต่อ “ผมไม่ได้จะทวงบุญคุณ แต่นี่มันก็สำคัญกับผมเหมือนกัน” ตรีชาติเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจ [ได้ไอ้หนู… ฉันมีเวลาให้นาย 1 ชั่วโมง ฉันขอเวลาพวกเขาได้แค่นั้น] “แค่นั้นก็พอแล้ว ขอบคุณครับ….” คุกหรือเรือนจำพันธน ดิสนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับรอง ในขณะที่มีหน่วย คปพส. 2 – 3 คน พาแจ็คเคิลที่ถูกมัดมือมัดเท้าติดรถเข็นมานั่งด้านตรงข้ามกับเขา แม้แต่ตาของชายผู้นี้ยังถูกปิดด้วยผ้าเพื่อพันธนาการ มันแสดงให้เห็นได้เลยว่าหมอนี่อันตรายขนาดไหน ‘โห… นี่ทำกันขนาดนี้เลยเหรอ? ’ ดิสคิดในใจ ‘แต่ก็สมควรแล้วล่ะ….’ พอพามาในห้องเสร็จเจ้าหน้าที่พวกนั้นก็พากันออกไป เหลือไว้เพียงแค่ดิสและอสูรร้ายสองคนเท่านั้น หลังจากจบเรื่องการบุกสำนักงานพรานทมิฬ ดิสได้อ่านข่าวเกี่ยวกับประวัติเจ้าหมอนี่มาคร่าวๆ บ้างแล้ว เพราะสื่อหลายแห่งค่อนข้างจะทำไว้ละเอียดพอควร มันคือ ‘ดร.แจ็คเคิล’ นักวิทยาศาสตร์ที่มีอาการป่วยโรค DID ตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งเมื่อหลายปีก่อนเคยค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องพรสวรรค์และมานา ก่อนจะเป็นบ้าอะไรไปไม่รู้ แล้วเข้าร่วมกับกลุ่มแมรี่อย่างไม่ทราบสาเหตุ ถ้าจะเจรจาเรื่องที่เขาต้องการไม่ว่ายังไงก็ไม่ควรประมาท… คนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้คือศัตรูที่แข็งแกร่งและหน้ากลัวที่สุดเท่าที่เขาเคยสู้ด้วย “ไม่รู้ว่าทำไมพวกนั้นต้องทำแบบนี้ด้วย… มันขังฉันและไฮด์ไม่ได้หรอก ที่ฉันยอมอยู่นี่เพื่อรอเจอนายต่างหาก” แจ็คเคิลเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน เขากล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มในขณะที่มือเท้าและดวงตานั้นยังถูกพันธนาการ แต่ที่แจ็คเคิลพูดนั้นเป็นความจริง ไม่มีอะไรขังเขาได้ แม้แต่อุปกรณ์พิเศษที่มีมานาของตรีชาติ ที่เขายังอยู่ที่นี่ไม่แหกคุกไปไหนก็เพราะรอจะเจอดิส “แกหมายความว่ายังไงที่ว่ารอจะเจอฉัน?” ดิสพูดพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอก บทสนทนาในห้องนี้เป็นภาษาอังกฤษ ด้วยความที่ดิสเป็นลูกคนรวย นี่เลยเป็นภาษาที่สองที่เขาเรียนมาตั้งแต่เด็กเช่นกัน การสื่อสารจึงเป็นไปได้อย่างราบรื่น “ฉันแค่เดาว่าสักวันหนึ่งนายจะมาหา และมันก็เป็นนั้นจริงๆ” ดิสถอนหายใจเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น “จะเดายังไงนั่นก็เป็นเรื่องของแก… แต่เหตุผลที่ฉันมาวันนี้ ก็เพื่อจะบอกว่าฉันพร้อมคุยกับคุณแมรี่ของแกแล้ว แค่ฉันขอเวลาเตรียมตัวสัก 2 -3 อาทิตย์จะได้มั้ย?” เมื่อแจ็คเคิลได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะลั่นจนดังไปทั่วห้อง “ฉันรู้นะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” “ฉันรู้ว่าจะมาไม้ไหน นายจะไปเจอแมรี่ นายจะไปเจอเธอแล้วฆ่าเธอใช่มั้ยล่ะ นายจะใช้ประโยชน์จากเรื่องที่แมรี่อยากพบนายเพื่อเข้าใกล้และฆ่าเธอใช่มั้ยล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ดิสมองภาพคนตรงหน้าที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ “อืม… พอรู้แบบนี้เลยไม่อยากให้ฉันไปพบเธอแล้วเหรอ หรือยังไง?” "ตรงดี ฉันชอบนาย…" “ได้สิ ฉันจะพานายไป…” แจ็คเคิลหยุดหัวเราะ ทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในบรรยากาศที่เงียบงันและกดดันอย่างไม่มีสาเหตุ “นายจะไม่มีวันทำได้…. นายจะไม่มีวันฆ่าเธอได้หรอกเพื่อน” ดิสเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะยกสองมือประสานรองใต้คาง โดยใช้ศอกตั้งบนโต๊ะ “ทำไมแกถึงมั่นใจนัก?” ตัวของแจ็คเคิลหุบยิ้ม ผู้ก่อการร้ายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา “ไฮด์เล่าว่า… ที่นายชนะพวกเราได้มันเป็นเพราะว่ามีมอนเตอร์คลาส S มาช่วยนายไว้” ‘เปลี่ยนเรื่องกันดื้อๆ งี้เลยเหรอ ไม่ได้การ ต้องดึงเข้าเรื่องเดิมก่อน’ แต่ก่อนดิสจะได้กล่าวเพื่อดึงเข้าเป้าหมายหลักของบทสนทนา อีกฝ่ายก็พูดประโยคหนึ่งที่ทำเขาชะงัก และเงียบไป “นายก็คุยรู้เรื่องใช่มั้ยล่ะ กับมอนเตอร์น่ะ ฉันก็ทำได้เหมือนกัน” ดิสอึ้งกับสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวจนแทบจะพูดอะไรไม่ออก “ไฮด์เล่าว่านายน่ะ ถูกไอ้มอนเตอร์นั่นช่วยเหลือไว้ แถมมันยังคาดหวังว่าจะให้นายเป็นคนประหารมัน มันโอ๋นายอย่างกับลูกเลย สงสัยมันจะชอบนายมากเลยนะ” 'มันก็รู้ความหมายของการประหารเหมือนกัน?' ตึ้ง! ดิสทุบลงไปที่โต๊ะจนมันหักเป็นสองซีก เขาต้องการให้มันหุบปากให้โอกาสเขาพูดบ้าง ซึ่งแจ็คเคิลก็ตกใจจนหยุดพูดจริงๆ “แก… ก็ฟังภาษามันรู้เรื่องอย่างงั้นเหรอ?” แจ็คเคิลถอนหายใจก่อนจะพยักหน้า “ใช่แล้ว… ฉันและทุกคนที่อยู่ในร่างนี้ฟังรู้เรื่องทั้งหมด” “นายควรจะรู้ไว้นะ พวกเรานั้นพิเศษ พิเศษซะยิ่งกว่าพวกที่พิเศษ ตอนนี้ในหัวนายคงมีแต่คำถาม ว่านี่มันเรื่องบ้าอะไร…” “แต่เชื่อฉันเถอะเพื่อน… แมรี่จะไขทุกข้อสงสัยของนายเกี่ยวกับดันเจี้ยน เธอก็เป็นคนที่พิเศษเหมือนกับพวกเราด้วย” ดิสถอนหายใจเล็กน้อย แจ็คเคิลเดาถูก ในหัวดิสตอนนี้เต็มไปด้วยคำถาม ‘พวกมันก็พูดคุยกับมอนเตอร์ได้งั้นเหรอ แมรี่ตอบคำถามเราเกี่ยวกับเรื่องดันเจี้ยนได้งั้นเหรอ? ’ ‘เธอก็รู้เรื่องดันเจี้ยน แถมมากกว่าเราอีกงั้นเหรอ…’ ‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ!? ’ ดิสลุกยืนขึ้นก่อนจะพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านในหัวออก “สรุปคือแกจะยอมพาฉันไปพบแมรี่ใช่มั้ย?” แจ็คเคิลพยักหน้า “อ่ะห้ะ” “งั้นขอเวลา 2-3 อาทิตย์ แล้วฉันจะมาหาแก” “จัดไปเพื่อน” พอดิสว่าจบก็หันไปมองที่กล้องวงจรปิด เขารู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าหน่วย คปพส. แอบฟังเขาอยู่ แต่ดิสไม่ได้สนใจหรอก เขาหันหลังและเดินจากไปเท่านั้น เขาได้สิ่งที่เขาต้องการแล้ว To be continued →
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม