‘นี่มันเกิดไรขึ้นวะเนี่ย…’
ดิสมองสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนจะเก็บมือถือยัดใส่กระเป๋า
ชายในสูทดำหลายคนเดินลงมาจากรถคันนั้น ตรงมายังโต๊ะที่ดิสและเจนอยู่
หญิงสาวมึนงงไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอหันมาทางดิสด้วยสีหน้าเหลอหลาก่อนจะกล่าวถาม “พวกเขาเป็นใครเหรอคะ?”
“ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน”
ดิสว่าก่อนจะลุกขึ้นประจัญหน้ากับเหล่าคนปริศนาที่ยืนล้อมพวกเขาไว้
‘คงไม่ใช่คนจากกลุ่มแมรี่หรอกใช่มั้ย? ’
ดิสคิดพลางกับยกมือขึ้นถูไปมา เตรียมพร้อมสำหรับการปะทะ ถ้าเป็นกลุ่มแมรี่จริง วันนี้เขาก็พร้อมจะจัดหนักจัดใหญ่แบบให้ทั่วหน้า
“มีธุระอะไรรึเปล่าครับ?”
ดิสเอียงคอมองอย่างยียวน ถ้าวันนี้มันจะไม่สงบสุขตามต้องการแล้ว ก็มาลุยกันแบบให้เละเทะไปเลยดีกว่า
กลุ่มสูทดำปริศนาเงียบไม่ตอบอะไร ดิสจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ
“รู้มั้ยครับ ว่าการมารบกวนเวลาพักผ่อนคนอื่นมันแย่ขนาดไหน”
ดิสกล่าวพร้อมยกมือขึ้นกอดอก “ผมให้เวลา 10 วินาที บอกมาว่ามีธุระอะไร”
เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้ยังเงียบ ดิสจึงเริ่มนับ “10”
“9”
“8”
“7”
“อย่าเสียมารยาทสิทุกคน เรามาพบเขาอย่างเป็นมิตรนะ”
เสียงของหญิงชราคนหนึ่งดังขึ้น ดิสรีบหันไปมองตามต้นตอเสียง “ยินดีที่ได้พบนะ พรานทมิฬคลาส S คนที่ 8 ไม่สิ รึฉันควรเรียกคุณว่าคนที่ 7 ดี”
หญิงชราเจ้าของเสียงปรากฎตัวขึ้นในชุดชาวบ้านธรรมดา คนในชุดสูททุกคนต่างพากันก้มหัวให้ และเรียกเธอด้วยนามเดียว ‘แม่เฒ่า’
ดิสหรี่ตามองขณะที่หญิงชราคนนั้นมาหยุดตรงหน้าเขา “พรานทมิฬคลาส S มันเหลือไม่ถึง 8 คน แล้วหนิ”
ชายหนุ่มนิ่งค้างไปกับสิ่งที่ได้ยิน
เรื่องการเสียชีวิตของพรานทมิฬคลาส S สองคนที่เข้าไปปิดดันเจี้ยนพญาครุฑนั้นถูกปิดเป็นความลับระดับสูง
สีหน้าและแววตาเขาดูจริงจังขึ้น มีอะไรไม่ชอบมาพากลกับหญิงชราคนนี้
“คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
“เพราะพวกเขาคือลูกของฉัน”
ดิสตกตะลึงกับคำตอบที่ได้ยิน หญิงชราคนนั้นพอกล่าวจบก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างโต๊ะกินข้าวของพวกเขา
‘นี่พรานพวกนั้นมีแม่เป็นมาเฟียเหรอวะ? ’
หญิงชราหันไปทางดิสพร้อมกับหรี่ตามอง “คุยกับคนแก่สักครู่หนึ่งจะได้มั้ยล่ะพ่อหนุ่ม?”
ดิสกวาดตามองรอบๆ ก่อนจะหยุดมองทางเธอคนนั้น “ถ้าอยากจะคุยจำเป็นต้องโยกโขยงกันมาขนาดนี้เลยเหรอครับ?”
หญิงชราหัวเราะเบาในลำคอเมื่อได้ยินในสิ่งที่ชายหนุ่มพูด “เราไม่ได้มีเจตนาร้าย ถึงมีจริง… ฉันก็คิดว่าคนพวกนี้คงเอาคุณไม่อยู่หรอก แม้จะพากันมาเยอะขนาดไหน”
พอหญิงชรากล่าวจบก็เรียกแม่ค้ามาเสิร์ฟอาหารที่หนุ่มสาวเคยสั่งไว้
“ฉันพูดถูกใช่มั้ยล่ะ เพราะแบบนั้นคุณวางใจเถอะ การคุยกันของเราคงใช้เวลาไม่มากนัก”
ดิสถอนหายใจเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่กลุ่มแมรี่เขาก็ไม่อยากจะมีปัญหาอะไรด้วยหรอก
“หาพวกเราเจอได้ยังไง?”
ดิสว่าก่อนจะเดินมานั่งลงที่โต๊ะ
“ฉันให้คนแอบคุณตามตั้งแต่คุณเข้ามาในจังหวัดอุดรแล้วล่ะ”
ดิสหัวเราะเบาๆหึหึ พลางกับจ้องไปในตาของหญิงชราคนนั้น “ถ้าอยากรู้เรื่องอะไรของลูกคุณทำไมถึงมาถามผมแทนสำนักงานพรานทมิฬล่ะ”
หญิงชราจ้องกลับก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ฉันรู้ว่าลูกฉันตายยังไง… แต่เรื่องที่ฉันอยากคุยคือเรื่องของสิ่งที่ฆ่าเขาต่างหาก พญาครุทตัวนั้นคุณช่วยฆ่ามันทีได้มั้ย ฉันจะให้อะไรก็ตามที่คุณอยากได้ เป็นการตอบแทน”
ดิสหลบตาลงมามองจานข้าวมันไก่ของตนก่อนจะราดน้ำจิ้มเตรียมจะรับประทานอาหาร “เข้าเรื่องไวเชียวนะครับ”
พอดิสกล่าวเสร็จก็หยิบช้อน และหันไปจ้องหญิงชราอีกครั้ง “ถ้าคุยมาถึงขั้นนี้เราคงไม่ต้องแนะนำตัวกันแล้ว ผมจะเรียกคุณว่าแม่เฒ่าแบบคนอื่นๆ แล้วกัน คุณเป็นพวกมาเฟียอะไรแบบนั้นเหรอ?”
“เรียกฉันว่ายังไงก็ได้ตามที่คุณต้องการ และใช่ จะเรียกฉันว่ามาเฟียก็ได้”
เจนที่เงียบไม่ได้กล่าวอะไรตั้งแต่ต้น ตัวแข็งทื่อ เธอไม่กล้าจะขยับตัวเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังคุยเรื่องอะไรกัน เธอก็ไม่เข้าใจ
และที่สำคัญ ดิสเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยกับก่อนหน้า นี่คนเดียวกันกับที่ลืมรูดซิบกางเกงในลิฟท์รึเปล่า เธอชักไม่แน่ใจแล้ว?
ดิสเริ่มตักข้าวเข้าปาก เขารู้ดีว่าตนควรวางตัวยังไง เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ ประสบการณ์ที่ผ่านมามันสอนเขา
“บอกทีสิว่าทำไมถึงเป็นผม ทั้งที่พวกคลาส S ในประเทศยังเหลือตั้งหลายคน”
ดิสว่าระหว่างที่เคี้ยวข้าวไปด้วย
“เพราะฉันเข้าถึงใครไม่ได้เลยนอกจากคุณ” หญิงชราตอบ
ดิสยกน้ำขึ้นมาดื่มก่อนจะพูดต่อ “แล้วมั่นใจได้ยังไงว่าผมจะทำได้?”
แม่เฒ่าหรือหญิงชราเริ่มยกยิ้มมุมปากแล้วกล่าวตอบ “เพราะฉันรู้ว่าพรสวรรค์ของคุณคืออะไร พลังของฉันคือนิมิตและการหยั่งรู้”
ดิสชะงักเมื่อได้หญิงชราพูดแบบนั้น เขาควักเงินขึ้นมาวางบนโต๊ะเพื่อจ่ายค่าอาหาร ก่อนจะคว้ามือเจนมาจับแล้วพาเธอลุกขึ้นยืน “โอเคร… ผมว่าเราน่าจะคุยกันเสร็จแล้วล่ะครับ”
‘บ้าชะมัด…. เกลียดชิบหาย คนมีพรสวรรค์แบบนี้’
เขาอึดอัดกับสิ่งที่อีกฝ่ายรู้ และรู้สึกถูกคุกคาม การที่อีกฝ่ายรู้ความลับของเขาและนำมาใช้ในการต่อรอง ไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบนัก
พอว่าจบดิสก็จูงมือหญิงสาวที่หน้าแดงก่ำเดินฝ่าคนในชุดสูทเพื่อจะออกไปจากร้าน
“เดี๋ยวก่อน…”
ดิสหยุดตามเสียงหญิงชราคนนั้น
“ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนดี” หญิงชราพูดก่อนจะลุกขึ้นยืน “ในนิมิตฉันเห็นคุณยืนข้างมันท่ามกลางการล่มสลายของเมืองใหญ่”
ดิสหันมามองในขณะที่หญิงชายังพูดต่อ “นิมิตฉันไม่เคยทำนายผิด ถ้าหากว่าคุณไม่อยากจะเป็นแบบนั้นได้โปรดฆ่ามัน แก้แค้นให้ลูกชายฉัน หยุดการสูญเสียที่กำลังจะเกิดขึ้นทีี”
ดิสนิ่งค้างไปกับสิ่งที่ได้ยิน เขาไม่รู้ว่าคำพูดแม่เฒ่านั้นน่าเชื่อถือมากแค่ไหน และใช่แม่ของคลาส S ที่เสียชีวิตจริงรึเปล่า
แต่… เขายืนเคียงข้างพญาครุฑท่ามกลางเมืองที่ล่มสลายงั้นเหรอ?
เขามีเป้าหมายที่จะจัดการพญาครุฑอยู่แล้ว แต่ถ้าคำพูดของหญิงชรานั้นเป็นเรื่องจริง ในอนาคตเขาจะร่วมมือกันมันงั้นเหรอ?
มอนเตอร์ที่โหดร้ายตัวนั้น
“หุบปาก….”
ดิสกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกจนทุกคนต้องขนลุก กลุ่มคนสวมสูทไม่พอใจอย่างมาก ที่ดิสใช้วาจาแบบนั้นกับคนที่พวกเขานับถือ
ทุกเดินตรงเข้ามาหาดิสเพื่อจะเอาเรื่อง แต่ก่อนจะถึงตัวแรงกดดันมหาศาลก็แผ่ขยายปกคลุมทั่วบริเวณร้าน จนทุกคนล้มลงไปนอนกับพื้นหมดสติ เว้นแค่เจนกับแม่เฒ่า
แววตาสีทองจ้องไปยังหญิงชรา ก่อนที่เขาจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “นี่จะเป็นครั้งสุดที่เราจะได้เจอกัน… อย่าได้โผล่หน้ามาให้ผมเห็นอีก”
พอว่าจบดิสก็หันหลังให้เตรียมจะเดินต่อ
“ไม่หรอก… นี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เราจะได้พบกันอีก”
“ไม่ใช่เร็วๆ นี้แน่นอน” พอว่าจบดิสก็จูงมือเจนเดินออกจากร้านอาหารข้างทาง และจากไป
To be continued →