ดิสนอนแผ่หลาอยู่กลางถนนผุพังในมหาวิทยาลัย รอบกายเขานั้นเต็มไปด้วยซากศพของเหล่ามอนเตอร์ ตอนนี้ถ้าว่ากันตามตรงแล้วเขาค่อนข้างจะหมดแรงข้าวต้มเลยล่ะ
เขาแทบไม่ได้สนใจต่อหน้าต่างระบบเลยว่ามันขึ้นว่าเควสสำเร็จ เขาเป็นกังวลมากกว่าว่ามหาลัยจะไล่เขาออกมั้ยที่ทำเละขนาดนี้
ตอนนี้ทุกอย่างมันเงียบไปหมด ดิสเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนสู้กันเพลงถึงคลออยู่ไม่ขาด มันเป็นเพราะการหลอนประสาทของมอนเตอร์นี่เองที่เขาหลอนได้ยิน พวกมันคงตั้งใจจะสร้างบรรยากาศชวนหลอนเพื่อปั่นหัวเหยื่อสินะ
แต่ดิสก็ตกตะลึงไม่หายที่มันสามารถหลอนประสาทไปได้ไกลถึงห้องนอนเขาเลย
แต่ยังไงก็แล้วแต่….. ‘พวกมันไม่อยากโดนประหาร’
ดิสได้แต่สงสัยว่าการประหารคืออะไร?
ทำไมถึงมีทั้งมอนเตอร์ที่อยากโดนและขัดขืนไม่อยาก…
แต่คิดไปตอนนี้ก็คงไม่ได้คำตอบ ดิสถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกลั้นใจลุกด้วยเรี่ยวแรงที่มีเหลือน้อยนิด
เขาต้องออกไปจากที่นี่ ค่อนข้างจะเป็นห่วงว่าเพื่อนตนตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
เขาเดินขากระเผกออกมายังประตูรั้วด้านหน้ามหาลัย กลุ่มตำรวจและพรานทมิฬมองมาทางเขาพร้อมกับรอยยิ้มต้อนรับ
มอนเตอร์ในดันเจี้ยนแรงค์ A พวกนนี้สร้างความหวาดกลัวไปทั่ว แถมพรานทมิฬแรงค์ S เพียงคนเดียวที่มาช่วยยังหมดสภาพยับเยินเพราะพวกนั้น นั่นทำให้ดิสไม่แตกต่างจากวีรบุรุษ
ราชาวดีเปิดประตูลงจากรถทหารมองมายังดิส ถึงเธอจะดูไม่จืดนัก แต่แขนทั้งสองข้างก็กลับมาขยับได้ปกติแล้ว นั่นต้องขอบคุณพวกฮีลเลอร์คลาส A ที่พยายามช่วยเหลือ
มิกส์ที่โดนฮีลเรียบร้อยแล้วเหมือนกันกอดอกมองนายจ้างตนยิ้มๆ ตอนนี้ดิสโล่งราวยกภูเขาออกจากอกเมื่อเห็นเพื่อนปลอดภัย เขายกมือขึ้นชูสุดแขนอย่างมีชัย ก่อนที่พรานทมิฬและตำรวจจะพากันกรู่ร้องด้วยความดีใจ ดิสไม่ต่างอะไรกับฮีโร่ในสมรภูมินี้….
ดันเจี้ยนมหึมาค่อยๆ พังทลาย แผ่นดินถล่มสั่นไหวดังสนั่น แต่มันกลับไม่สร้างความเสียหายอะไร แค่แปรผันกลายเป็นฝุ่นละอองธุรีไปเพียงเท่านั้น
การปิดดันเจี้ยนเสร็จสิ้นแล้ว ชัยชนะต้องเฉลิมด้วยงานฉลอง ดิสหันไปยักคิ้วให้บอดี้การ์ด
อีกฝ่ายพยักหน้ายิ้ม ทั้งสองคนไม่มีธุระอะไรที่นี่แล้ว พวกเขาควรออกไป ดิสไม่อยากจะแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ไปมากกว่านี้หรอก เพราะเขาก็เหนื่อยมากแล้วเช่นกัน
แต่ก่อนทุกอย่างจะจบลงอย่างงดงาม คนที่คาดไม่ถึงก็โผล่มา
ผมสีฟ้าหน้าตาที่ดูดีในสูทสีเทา แทนหัวหน้ากิลด์เทวะเดินตรงมาหาเขาพลางกับตบมือไม่หยุด
“เก่งขึ้นแล้วสินะครับ”
ดิสขมวดคิ้วมอง เขาหมั่นไส้ไอ้หมอนี่ไม่หายจริงๆ คนอะไรขี้เก๊กชะมัด
‘ขนาดตึกสำนักงานโดนถล่มเละซ่อมไม่เสร็จ มันก็ยังมั่นหน้าต่อได้อีก พิลึกคน…’
“คุณนี่ปากแข็งนะครับ” แทนกล่าวขณะที่หยุดมองดิสอยู่ตรงหน้าระยะเอื้อมมือถึง “บอกว่าไม่อยากเข้าร่วมกับกิลด์ของเรา แต่ก็ยังมาช่วยปิดดันเจี้ยนให้”
ดิสไม่สนใจต่อชายตรงหน้า เขาไม่รู้อีกฝ่ายมาที่นี่ได้เช่นไร แต่ดูจากแววตาตกใจของราชาวดีแล้วเธอก็คงไม่รู้เช่นกัน
ดิสเดินผ่านร่างคนขี้เก๊กตรงหน้าอย่างไม่ไยดี เขาต้องการกลับบ้าน บอดี้การ์ดที่เห็นนายจ้างตนเดินมาหาก็ฉีกยิ้ม
อย่างที่รู้กัน แทนแห่งกิลด์เทวะนั้นไร้ซึ่งวุฒิภาวะทางอารมณ์ เขาไม่ชอบเลยกับการถูกหักหน้าเช่นนี้
พรานทมิฬคลาส S แผ่รังศีแรงกดดันมหาศาลออกมาปกคลุมบรรยากาศโดยรอบให้ตึงเครียดขึ้นหลายเท่าตัวทันใด พรานทมิฬและทหารหลายคนถึงกับผละถอยและล้มลง
ดิสเพียงแค่ชะงักเล็กน้อยเท่านั้น เขาถอนหายใจอ่อนก่อนจะค่อยๆ หันมามองอีกฝ่ายพร้อมนัยน์ตาที่หดเล็กลงแล้วเปลี่ยนเป็นสีทอง
ดิสเองก็ทำแบบอีกฝ่ายได้เช่นกัน….
ออร่าสีทองจากตัวเขาตีปะทะเข้ากับแรงกดดันมากล้นจนเกิดลมกระชาก ถึงดิสอาจจะไม่ทรงพลังเท่า แต่สิ่งที่เขามีก็มากพอที่จะต้านไว้จนอีกฝ่ายตกตะลึง
เขาไม่ใช่ไอ้อ่อนที่จะล้มลงเพราะแรงกดดันแค่นี้อีกแล้ว….
“ถ้ามีเวลาว่างขนาดจะมาหาเรื่องผม ทำไมไม่โผล่มาช่วยพรานในกิลด์คุณตั้งแต่แรกล่ะครับ?”
เมื่อแทนได้ยินนั้นก็หยุดแผ่รังศรีอันน่ากลัวออกมา ดิสเองก็เช่นกัน สิ่งที่พวกเขาทั้งคู่ทำคือเปลี่ยนมานาเป็นออร่า แล้วแผ่ออกมาเพื่อข่มขู่กันและกัน
มานาจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นพลังพิเศษจากจิตเบื้องลึกของผู้ใช้ผ่านการวงเวทย์ แต่ผู้ที่แข็งแกร่งเหนือกว่าระดับปกติ จะสามารถปลดปล่อยละอองของมันออกมาได้ผ่านทุกอณูรูขุมขน
มันมีประโยชน์แค่ใช้ในการกดดันอีกฝ่ายเพียงเท่านั้น ซึ่งอาจจะทำให้คนที่มีพลังต่างระดับนั้นชะงักเป็นลมหรือหมดสติไป แต่ก็ไม่ได้เป็นอันตรายไปมากกว่านั้นจนถึงชีวิต
แทนยิ้มและมองไปยังดิส จริงอยู่ที่เขาเจ็บใจ แต่มันก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยเลยเช่นกันที่เห็นว่าดิสแข็งแกร่งขึ้นมากพอจะทำแบบเดียวกับที่เขาเคยทำกับอีกฝ่าย
ถึงมันจะเป็นแค่ลูกเล่นเล็กๆ ก็ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ คนที่จะปลดปล่อยมานาในรูปแบบนี้ได้มีแต่คนที่มีมานาในปริมาณที่เยอะเกินคลาส A เท่านั้น
ดิสเอียงคอมองแทนก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ถ้าผมไม่มาคุณคงต้องเสียสมาชิกกิลด์ไปมากกว่านี้ ตอบแทนผมโดยการอย่าบอกความลับของผมกับใครก็พอ”
พอดิสว่าจบก็หันหลังให้อีกฝ่าย แทนแสยะยิ้มตอบรับข้อต่อรองนั้น
“ตกลงครับ แล้วผมก็หวังว่านี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณมาแทรกแซงการปิดดันเจี้ยนของกิลด์เราเช่นกัน ครั้งหน้าผมคงไม่ใจดีแบบนี้แน่”
พอดิสได้ยินก็กล่าวตอบก่อนจะเดินจากไป “ไม่จำเป็นต้องใจดีหรอกครับ”
แทนหุบยิ้ม เขาไม่คิดจะบอกความลับอีกฝ่ายตั้งแต่ต้นแล้ว ถ้าคนส่วนมากรู้ก็จะพากันมาแย่งดิสเข้ากิลด์น่ะสิ ไม่ทำหรอก เขาไม่ได้ต้องการแบบนั้น
ไม่รู้ด้วยความอยากจะเอาชนะหรืออะไร แทนนั้นตั้งเป้าหมายไว้แล้วว่าจะพาดิสเข้ากิลด์เทวะให้ได้ ลองคิดดูว่าถ้าวันที่ดิสเปิดเผยพรสวรรค์ภายใต้กิลด์ของเขา มันจะทวีอำนาจและเงินทองชื่อเสียงขนาดไหน?
ดิสสาวเท้าตรงไปหาราชาวดีที่ยืนมองเขา อดไม่ได้จริงๆ ที่จะเกิดความรู้สึกผิดต่ออีกฝ่าย ทำเขารีบก้มหัวลงทำการขอโทษต่อเรื่องที่เกิดขึ้นทันที เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้น
ราชาวดีทำหน้าเหลอหลา เธอรีบประคองดิสเงยหน้าขึ้น
“ไม่เป็นไรดิส เรารู้ว่านั่นไม่ใช่ดิส”
นั่นไม่ใช่เหตุที่จะทำเขาไม่รู้สึกผิด “ยังไงก็ต้องขอโทษนะวดี ถ้ามีครั้งต่อไปเราจะไม่เป็นแบบนั้น สัญญาเลย”
ราชาวดียิ้มให้ เธอไม่ต้องการให้อีกฝ่ายคิดมาก “อืม ไม่ต้องคิดมากหรอก ตอนนี้เราก็ไม่เป็นไรแล้ว”
ดิสยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก ก่อนในจังหวะนั้นราชาวดีจะกางวงเวทย์ขึ้นมารักษาร่างกายเขา จนบัดนี้รอยฟกช้ำจางหายหมดแล้ว
ราชาวดียิ้มให้ดิส ตอนนี้เธอต้องไปแล้ว กิลด์เทวะเริ่มทยอยกลับ เธอเองก็ต้องกลับเช่นกัน ดิสและราชาวดียืนล่ำลากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแยกย้าย
ดิสเดินตรงมาหาบอดี้การ์ดที่รถ วันนี้ก็เป็นหนึ่งวันที่มอบประสบการณ์ลืมไม่ลงให้แก่เขา
ซึ่งอีกไม่นานเขาอาจจะชินกับมัน…. ในฐานะพรานทมิฬ
To be continued →