บอดี้การ์ดนั่งหลับตานิ่งน้อมรับชะตากรรมที่กำลังมาเยือน สายลมเย็นพัดกระทบหน้าเบาๆ
‘เฮ้ นานแล้วนะเนี่ย…’
เขาหลับตามาครู่หนึ่งแล้ว เหตุใดหมัดของอีกฝ่ายยังมาไม่ถึงใบหน้าเขาสักที
มิกส์ค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งที่เขาเห็นคือหมัดของดิสที่หยุดค้างอยู่ตรงหน้าเขา
คนเป็นนายจ้างนั้นยืนมองเขาหอบๆ ก่อนจะดึงหมัดกลับ เส้นเลือดและสีตานั้นเปลี่ยนไปแล้ว ดิสทวงร่างตัวเองกลับมาได้ในที่สุด
บอดี้การ์ดหนุ่มมองนิ่งๆ นี่อาจจะเป็นการล่อลวงจากมอนเตอร์ มันอาจมีแผนอะไรสักอย่าง ว่าแต่มันคืออะไรล่ะ….
เขาหมดสภาพขนาดนี้แล้วยังจะมาลูกมงลูกไม้อะไรอีก…. ต่อยทีเดียวมันก็จบเรื่องได้ละ
ดิสกวาดตามองรอบๆ เขาทำสำเร็จ เขาสามารถกลับมาสู่โลกแห่งความจริงได้ แต่สิ่งรอบข้างที่เห็นก็ทำเขาตกตะลึงไม่น้อย
ถึงมันจะมืด แต่แสงจากจันทร์ก็สามารถทำให้มองเห็นชัดพอ
‘สภาพพื้นที่เละแบบนี้ ตอนเราไม่ได้สติ ต้องเกิดการต่อสู้ขึ้นแน่ๆ ’
ดิสสรุปความคิดก่อนจะเดินตรงเข้าไปเพื่อพยุงร่างบอดี้การ์ด พลางกับถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เกิดอะไรขึ้นบ้างเนี่ย?”
พอถึงตัว บอดี้การ์ดกลับแสดงท่าทางหวาดระแวงออกมา นั่นทำดิสคลายความสงสัยทันที โดยไม่ต้องมีคำตอบใดๆ มาอธิบาย
‘อย่าบอกนะว่าทั้งหมดนี่คือฝีมือเรา? ’
‘ตอนหมดสติเราโดยควบคุมร่างด้วยเหรอเนี่ย? ’
ดิสผละตัวออกจากบอดี้การ์ดที่ไม่ต้องการความช่วยเหลือ
ชายหนุ่มมั่นใจแล้วว่าตนคิดถูก ตอนได้สติเขายืนอยู่กลางถนนในมหาวิทยาลัยแต่ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะยังมึนๆ อยู่
เขาไม่นึกว่าตัวเองจะสร้างความเสียหายได้มากขนาดนี้ ว่าแต่… ราชาวดีหายไปไหน?
ดิสที่ฉุกคิดได้หันไปทางบอดี้การ์ด “วดีล่ะ… วดีอยู่ไหน?”
ดิสกวาดตามองรอบๆ อย่างร้อนรนเพราะคนที่หมดสภาพตรงหน้าตนไม่กล่าวอะไร
พอกวาดตามองไปสักพักก็พบร่างที่หมดสภาพของหญิงสาวนอนกองกับพื้นในความมืดลางๆ ห่างออกไปไม่มากนัก
ดิสกัดฟันแน่นกรอด แววตาหลากหลายอารมณ์จับมองร่างนั้น ก่อนจะพุ่งเข้าไปหาทันทีด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
ด้วยความเร็วเขาใช้เวลาไม่นานนักก็หยุดตรงปลายเท้าหญิงสาว เธอหมดสติไปแล้ว ลมหายใจเธอโรยรินเต็มที นี่คือฝีมือของเขาอย่างงั้นเหรอ?
พอสังเกตุก็เห็นแขนทั้งสองข้างงออ่อนระทวยราวกับไม่มีกระดูกอยู่ภายใน ดิสกัดริมฝีปากตนจนห้อเลือด ก่อนจะย่อตัวลงนั่ง พยุงร่างไร้สติหญิงสาวขึ้นมานอนบนตัก
‘ไอ้พวกเวรเอ้ย…’
เขาสบถด่าผู้เป็นต้นเหตุเบาๆ ในใจ ความแค้นถูกแสดงออกผ่านแววตาที่แปรเปลี่ยนสีทองประกาย
ไม่นานเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น…
“ยอมจำนน ไม่งั้นสหายเจ้าที่อยู่ตรงนี้ไม่รอดแน่”
เสียงผู้หญิงแหบพร่าผิดมนุษย์มนาดังขึ้น ทำดิสหันขวับไปมองต้นตอในทันที
พบว่านางรำคนเดิมสวมชฏาและหน้ากากทองมันวาว กำลังจับคอของมิกส์ลากกับพื้นและเดินตรงมายังเขา
บอดี้การ์ดหนุ่มพยายามดีดดิ้นขัดขืน แต่ก็สู้แรงสตรีนางนี้ไม่ไหว ดิสจับสายตามองไปยังมันด้วยความเคียดแค้น
“เก่งมากที่คืนสติมาได้ แต่ตอนนี้เจ้าต้องออกไปจากที่นี่ ข้าไม่ยอมให้เจ้าฝ่ามาประหารพวกเราหรอก”
คราวนี้มันแปลกกว่าทุกครั้ง มอนเตอร์แห่งดันเจี้ยนนี้ไม่อยากโดนประหารเหมือนมอนเตอร์ตัวก่อนๆ หน้า
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจ เขาเบื่อเรื่องประหารบ้าบอนี้แล้ว… มันทำกับเพื่อนของเขา มันต้องได้ชดใช้กับสิ่งที่มันทำลงไป
ร่างกายเขาร้อนผ่าวราวกับจะระเบิด ดิสกัดฟันแน่น สัญชาตญาณความอยากสู้ประดังจนรับรู้ได้ทุกเส้นประสาท
ดิสวางร่างไร้สติของราชาวดีลงกับพื้น ก่อนนะเร่งสปีดพุ่งเข้าไปหานางรำด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี
พอถึงตรงหน้าก็ง้างหมัดซัดสุดแรงจนหน้ากากทองแตกกระจาย ร่างสตรีงามปลิวลอยละลิ่วไปหลายเมตร
พลั่กกก!
บอดี้การ์ดที่หลุดมาได้จากการบีบคอ นั่งมองนางรำที่ปลิวตามแรงกระแทกอย่างตกตะลึง เขามั่นใจแล้วว่านี่คือดิสคนเดิม นายจ้างตนได้สติกลับมาแล้ว
มิกส์ฉีกยิ้มกว้างในขณะที่ดิสหันมามองเขา
“อัดมันให้เละ…”
พอได้ยินมิกส์กล่าวแบบนั้นดิสก็พยักหน้าตอบ เขาจะไม่ออมมือให้ศัตรูตรงหน้าเด็ดขาด
ในขณะที่นางรำยันกายลุกขึ้นนั่ง เธอกรีดร้องพร้อมกับยกมือปิดใบหน้าของเธอเองที่มีรอยช้ำจากหมัดมนุษย์
เธอเจ็บกายแต่ก็ไม่มากเท่าเจ็บใจ นางรำค่อยๆ กางกรงเล็บยาวแหลมออก เตรียมจะสังหารมนุษย์ผู้ที่ทำร้ายเธอให้สูญสิ้น
พลั่กกก!
แต่ไม่ทันได้ทำอะไรหมัดของดิสก็กระแทกเข้าใบหน้าเธออีกครั้ง ความรุนแรงในครานี้มันมากถึงขึ้นที่ชฎาหลุดจากหัว
ร่างนางรำปลิวไปไกล แต่ดิสเร็วกว่า เขาวิ่งไปดักก่อนจะฟาดเท้าเตะจนร่างมอนเตอร์เบี่ยงไปอีกทาง
ความโกรธมันมากเกินกว่าจะระบายออกด้วยการโจมตีแค่นี้ ดิสพุ่งไปดักทางอีกครั้งก่อนจะออกแรงต่อยมากสุดเท่าที่จะทำได้ ซัดจนนางรำปปลิวเข้าไปในอาคารเรียน
ฟิ้วววว!
ตู้ม!
เสียงกระแทกดังสนั่นไปทั่ว ถึงแม้ว่าจะเป็นแรงค์ A ความสามารถของมันก็มีแค่หลอนประสาทตามชื่อ
พละกำลังตามธรรมชาติสู้ดิสไม่ได้แน่นอน
แต่มันยังไม่จบแค่นี้หรอก… ดิสกัดฟันแน่น เขาไม่แน่ใจว่ามันตายรึยัง เขาจะตามไปซ้ำมันในตึก
พอเริ่มก้าวเท้าเพื่อตรงไปหาเป้าหมาย เขาก็ต้องชะงักเมื่อเสียงเพลงไทยเดิมเงียบไป มันทดแทนเสียงรัวกลองพร้อมกับแรงกดดันมหาศาล
“อะไรอีกวะเนี่ย…”
ดิสสบถออกมาเบาๆ
To be continued →