ห้องพยาบาล
ดิสเก็บของใส่กระเป๋าใบใหญ่ เขากำลังจะออกจากโรงพยาบาลหลังผ่านเรื่องทั้งหมดมาด้
ตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว ดิสล้มบอสดันเจี้ยนแรงค์ B ได้สำเร็จตามเควส แต่ก็ทุลักทุเลพอควร
เขาไม่มีบาดแผลเลยเพราะราชาวดีช่วยฮีลให้ระหว่างสู้ ต้องขอบคุณเธอ เขากล้าพูดว่านี่เป็นประสบการณ์ที่มหัศจรรย์ที่สุดในชีวิต ทั้งเวทมนตร์พลังพิเศษ มอนเตอร์ และที่สำคัญเขาได้เห็นถ้ำขนาดใหญ่มลายหายไปชั่วพริบตาเมื่อบอสถูกล้มลง (นี่แหละที่เขาเรียกปิดดันเจี้ยน)
เขาคงต้องเริ่มชินกับความแฟนตาซีนี้แล้วล่ะ
หลังเสร็จสิ้นภารกิจทุกคนก็แยกย้ายกัน สามพรานทมิฬมองดิสไม่ต่างจากคนจิตไม่ปกติ แต่ทุกคนก็รับปากว่าจะไม่บอกใคร เพราะนอกจากพรานทมิฬ กฏหมายไม่อนุญาตให้ใครเข้าดันเจี้ยน
พอกลับมาถึงดิสก็โดนพ่อแม่ซึ่งรอรับดุเอายกใหญ่ด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่เล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกท่านฟัง
เรื่องที่ดิสไปปิดดันเจี้ยนนั้นทำให้ราชาวดีโดนต่อว่าไปด้วยที่ไม่ห้าม แต่สุดท้ายแล้วทั้งสองก็โอบกอดเขาด้วยความดีใจที่รอดมาได้ และขอบคุณราชาวดีที่ช่วยเหลือดิส
ทุกอย่างหลังจากนั้นก็เป็นแบบที่เห็น ดิสขึ้นมากำลังเก็บของเตรียมกลับบ้าน
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงที่คุ้นเคย
“เข้าไปได้ไหม? ”
ดิสรู้ว่านั่นเป็นราชาวดี เขาจึงขานตอบ “เข้ามาได้เลย”
เธอเปิดประตูออกพร้อมกับเดินเข้ามาในห้อง “เป็นไงบ้าง ดูหายตื่นเต้นกับโลกแฟนตาซีแล้วหนิ? ”
“เจอทุกอย่างใกล้ชิดเกินไปจนเริ่มชินแล้วมั้ง” ดิสตอบก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่ปลายเตียง
“แน่ใจนะว่าปกติดี ตอนสู้กับบอสดิสดูไม่เป็นตัวเองเลย” เธอกล่าวพลางกับค่อยๆ เดินมาหยุดตรงหน้าเขา
“แน่ใจสิ คงเพราะตื่นเต้นล่ะมั้ง” ดิสหันไปตอบยิ้มๆ
เฮ้ออ….
“แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ทุกอย่างจบลงได้ดี”
พอราชาวดีกล่าวจบ เธอก็รีบเข้าประเด็นของสาเหตุที่พาตนมายืนอยู่ตรงนี้ทันที “ดิสเล่าได้แล้วใช่มั้ยเกี่ยวกับพรสวรรค์ของดิส? ”
ดิสที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มแห้ง “เคยสัญญาไว้แบบนั้นด้วยสินะ”
ราชาวดีพยักหน้ารอฟัง เธอสงสัยว่าทำไมอยู่ๆ ดิสถึงลงไปสู้กับมอนเตอร์แบบนั้น อยากรู้ว่าทำไมดิสถึงขอร้องให้ตนทำเรื่องผิดกฏหมายแบบนี้
ดิสไม่คิดจะปิดบังอยู่แล้ว นอกจากพ่อแม่ที่ยังไม่รู้เรื่องรายละเอียดของพรสวรรค์เขา ถ้าพวกท่านรู้ว่าจะมีเควสแบบวันนี้เกิดขึ้นอีก ทุกอย่างต้องวุ่นวายแน่ๆ
เขาเลยเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับระบบให้ราชาวดีฟังตั้งแต่ต้นจนจบ เธอแสดงสีหน้าที่แปลกใจเป็นอย่างมาก ราวกับว่าในโลกที่เหนือจินตนาการนี้ มันยังมีอะไรให้แปลกใจได้อีกอย่างงั้นแหละ
ดิสเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย “เอ่อ… มันแปลกเหรอ? ”
ราชาวดีพยักหน้า พร้อมกับกล่าวเสียงแผ่ว “แปลกมากเลยล่ะ….”
ดิสไม่เข้าใจในสิ่งที่ราชาวดีพูด และความสงสัยนั้นก็แสดงออกมาให้เห็นได้ชัดผ่านแววตา ราชาวดีที่รับรู้ได้จึงรีบอธิบาย
หญิงสาวเรียกวงเวทย์สีชมพูขนาดเล็กออกมาที่มือข้างซ้าย “ในร่างกายของพรานทมิฬทุกคนจะมีพลังงานมานาอยู่ และวงเวทย์นี่คือประตูที่จะนำพลังงานงานนั้นออกมาใช้งานได้ มันจะแปรเปลี่ยนมานานั้นให้เป็นพลังและสีอะไรสักอย่างที่สะท้อนถึงจิตใต้สำนึกของผู้ใช้ แล้วปริมาณมานาข้างในร่างกายก็ยังเป็นเกณฑ์ในการแบ่งคลาสอีกด้วยด้วย”
พอว่าจบเธอสลายวงเวทย์ “แล้วทำไมดิสถึงไม่มีวงเวทย์กัน? ”
“ดิสรู้มั้ยว่าพรานทมิฬถ้าใช้มานาจนหมด สักพักมันก็จะค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาเท่าเดิม แต่ปริมาณมาตรฐานของมานาจะไม่เปลี่ยนไป พรานทมิฬทุกคนจึงต้องอยู่คลาสเดิมไปตลอดชีวิต”
เธอเลิกคิวขึ้นสูงแล้วพูดต่อ “แล้วทำไมดิสถึงสามารถพัฒนาพลังให้แกร่งขึ้นได้เรื่อยๆ ล่ะ? ”
“แล้วที่แปลกที่สุด… ทำไมรูปแบบพรสวรรค์ของดิสถึงคล้ายกับเกมส์? ”
สำหรับราชาวดีแล้ว นี่ไม่แตกต่างจากการค้นพบครั้งประวัติศาสตร์ เธอเชื่อในสิ่งที่ดิสพูด เพราะจากเรื่องที่ผ่านมาเขาไม่มีทางโกหกเธอแน่
ดิสพอรับข้อมูลทั้งหมดจนเข้าใจก็พยักหน้า รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก ไม่รู้สิ ตอนนี้เขาทำตัวไม่ค่อยถูก ไม่รู้ว่าควรตอบยังไง หรือแสดงความรู้สึกอะไรออกมา
“แล้วมีอะไรแปลกๆ ที่ยังไม่ได้บอกอีกมั้ย? ” ราชาวดียิงคำถามต่อ
ดิสอ้ำๆ อึ้งๆ เล็กน้อยเพราะตอนแรกตนยังไม่แน่ใจในข้อมูลนี้ เลยยังไม่คิดจะบอก แต่ตอนนี้มันเลยเถิดไปใกลเกินกว่าจะปิดไว้แล้วล่ะ
“คือ…. ตอนเราสู้แล้วเฉียดตาย มันจะมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นน่ะ มันรู้สึกเหมือนอยากจะสู้มากขึ้นเรื่อยๆ เลือดในตัวมันร้อนไปหมด”
ราชาวดีนิ่งฟังอย่างตั้งใจ
“แล้วอีกอย่างนึง…. เราฟังบอสพูดรู้เรื่อง”
ราชาวดีชะงักไปเพราะคำพูดสุดท้าย “อีกทีซิ”
ดิสเลิกคิ้วเล็กน้อย “เราได้ยินเสียงพูดของบอสดันเจี้ยน”
ราชาวดียกมือขึ้นปิดปากเล็กน้อย “อย่าบอกนะว่าที่ดิสถามว่าบอสพูดได้รึเปล่าเป็นเพราะเรื่องนี้”
ดิสพยักหน้าให้หญิงสาวเป็นคำตอบ
ราชาวดีพยายามตั้งสติ พลังของดิสนั้นพิเศษมาก มากถึงมากที่สุด บนโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นพรานทมิฬคลาส S ของประเทศไทย หรือแม้แต่ Hunter (ฮันเตอร์) จากทั่วโลก ไม่มีใครสามารถเพิ่มระดับตัวเองและฟังภาษามอนเตอร์ได้เหมือนกับดิสเลย
(Hunter เป็นชื่อที่ใช้เรียกผู้มีพรสวรรค์แบบสากล โดยคำว่าพรานทมิฬนั้นใช้แค่ในไทยและลาว)
ราชาวดีคิดว่าบางทีการวัดระดับคลาสของดิสอาจจะคลาดเคลื่อนได้ถ้าใช้เกณฑ์แบบปกติ หรือไม่ผลที่ได้ก็อาจจะต่ำกว่าที่ควร เพราะดิสนั้นยังเพิ่งจะตื่นขึ้นมา เขายังอยู่ระดับเริ่มต้น ถ้ามีเวลาให้เขามากกว่านี้ ดิสอาจจะกลายเป็นพรานทมิฬ คลาส S ที่มีแค่ 7 คนในประเทศไทยก็ได้
ราชาวดีเพ่งสายตามองดิสเล็กน้อย ‘เราต้องขอให้ดิสปกปิดพรสวรรค์ของเขาไว้ก่อนให้ได้ จนกว่าเขาจะไปถึงระดับ S ไม่ก็จนกว่าเราจะไขปริศนาถึงเหตุผลของความแตกต่างของพลังดิสได้’
พอสรุปความคิดได้ ราชาวดีก็เริ่มอ้าปากจะกล่าวทันที แต่ดิสก็พูดขัดขึ้นมาก่อน
“วดีคงไม่ได้คิดจะให้เราปิดเรื่องพลังเป็นความลับจากคนอื่นหรอกใช่มั้ย..” ดิสกล่าวพร้อมกับหัวเราะแห้ง “คือเห็นได้ชัดว่าพรสวรรค์เรามันแปลกและไม่เหมือนใคร เราจะไม่แปลกใจเลยถ้าวดีจะขออะไรแบบนั้น”
ราชาวดีชะงักไปเล็กน้อยที่ดิสคล้ายจะอ่านใจได้ เธอจึงถอนหายใจก่อนจะกล่าวต่อ
“ถ้าดิสเข้าใจแบบนี้ก็ง่ายขึ้นเลย มันอันตรายมากถ้ามีใคร—’
ราชาวดีไม่ทันพูดจบ ดิสก็พูดขัดขึ้นอีกครั้ง
“เฉพาะเรื่องนี้ที่เรารับปากไม่ได้จริงๆ ”
ราชาวดีนิ่งอึ้งไป ในขณะที่ดิสดูลนๆ เล็กน้อย
“เราขอบคุณราชาวดีมากจริงๆ ที่ช่วยเหลือเราในวันนี้และตลอดมา แต่เราอยากจะเผชิญโลกกว้างที่เราพลาดมาตลอด 5 ปี เราขอโทษจริงๆ หวังว่าเธอคงจะเข้าใจนะ”
ราชาวดีพอฟังจบก็ถอนหายใจออกมา เธออาจจะผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็เห็นใจดิสและเข้าใจว่าเขานั้นเสียเวลา 5 ปีไปกับการนอนเป็นเจ้าชายนิทรา ถ้าดิสอยากจะชดเชยชีวิตก็ไม่แปลก
ราชาวดียิ้มให้ “ไม่เป็นไร…. แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นต้องรีบติดต่อเรามานะ”
ดิสพยักหน้าก่อนจะยิ้มตอบ “ได้เลย”
ไม่นานนักเสียงแจ้งเตือนมือถือของดิสก็ดังขึ้น พบว่าเป็นแชทจากพ่อที่ทักมาถามว่า ‘เก็บของเสร็จรึยัง’ ดิสพิมพ์ตอบก่อนจะลุกขึ้นยืนหยิบกระเป๋า
“เราไปก่อนนะวดี ขอบคุณมากสำหรับวันนี้”
ราชาวดีพยักหน้ายิ้มๆ
หลังจากนั้นดิสก็เดินออกจากห้องพยาบาลไป
To be continued →