คะนึง
แดดยามบ่ายอาบไล้ตัวอาคารหลังใหญ่ ทอดเงาห่มคลุมพื้นคอนกรีตตลอดทางเดิน ในห้องสมุดของมหา'ลัย อลินดานั่งจมอยู่กับกองหนังสือ ดูเหมือนเธอกำลังคร่ำเคร่งจนไม่สนใจความเป็นไปรอบกาย
แต่เปล่าเลย เนื้อหาในนั้นไม่ซึมเข้าไปในสมองสักนิด เพราะมัวใจลอยไปอีกซีกโลกที่ห่างไกลกันนับหมื่นไมล์ ด้วยไทม์ไลน์เวลาที่ต่างกัน ตอนนี้ความมืดคงทาบทาไปทั่วน่านฟ้าอเมริกา
ยิ่งสลัดความฟุ้งซ่านทิ้ง แต่ดูเหมือนเขายังตามมาหลอกหลอนในทุกห้วงอารมณ์
เธอเกลียดตัวเองที่ไม่รู้ทำไมต้องคิดถึงเขาด้วย คนจิตใจอำมหิตแบบนั้น
อาจจะเพราะเขาเป็นเป็นผู้ชายคนแรกที่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วย แต่เพราะมันไม่ได้เกิดจากความรัก เมื่อทุกอย่างจบ ก็ต้องจากลา ไร้ซึ่งความอาลัยอาวรณ์
เขาคงนอนหลับใหลอยู่ที่ไหนสักแห่ง กับใครก็ได้ หมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่ซ้ำหน้า คนแบบไหนที่จะหยุดเขาได้ ปราบเสือร้ายให้ยอมถอดเขี้ยวเล็บกลายร่างเป็นแมวเชื่อง
เธอคิดว่าไม่มี คนแบบเขาไม่ยอมให้ใครมาอยู่เหนือตัวเองให้เสียศักดิ์ศรีแน่นอน
'พยายาม' แล้วที่จะไม่นึกถึง แต่บางสิ่งบางอย่างมันช่าง 'ลืมยาก' สิ้นดี
"ลิน เย็นนี้ไปกินหมูทะกันมั้ย"
"....."
"ลิน"
"....."
"ลิน!"
เสียงตะโกนอยู่ข้างหูดึงอลินดาขึ้นมาจากห้วงภวังค์ หันไปมองก็เห็นเมนิลามองมาด้วยสายตาแปลก ๆ
"อะ...อะไร ฉันตกใจหมด"
"ก็ฉันพูดด้วยแล้วแกไม่พูดด้วย ถอดวิญญาณไปสิงอยู่ในหนังสือรึไง"
อลินดายิ้มเฝื่อน ปรับสีหน้าและแววตาไม่ให้มีพิรุธ
"อื้อ โทษที แล้วแกพูดอะไรกับฉัน"
"ฉันจะชวนไปกินหมูทะ แกสะดวกมั้ย"
คนถูกชวนทำหน้าลำบากใจ มองเลยไปยัง 'จิรายุ' ที่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ข้างหลังเพื่อน เขาคลี่ยิ้มมาให้อย่างคุ้นเคย
รู้ทันทีว่าใครเป็นคนชวน เขาชอบให้เมนิลามาเป็นแม่สื่อ เธอเคยบอกไปแล้วว่าไม่ชอบจิรายุ คบกันเป็นเพื่อนพอได้ แต่ถ้าจะขยับสถานะไปเป็นแฟน เธอคิดว่ามันไกลตัวเกินไป
ไม่ชอบที่เขามักมีเรื่องไปทั่ว ทำตัวกร่าง สร้างอิทธิพล เพราะคิดว่าพ่อเส้นใหญ่ ที่ทำอะไรแล้วไม่มีใครกล้าหือ
'จิรายุ' ลูกชายนายตำรวจใหญ่ยศสูง ค่อนข้างมีอิทธิพล บ้านร่ำรวย ใช้ชีวิตอู้ฟู่หรูหรา บางครั้งเธอแอบสงสัย เป็นตำรวจทำไมถึงรวยขนาดมีรถหรูหลายคัน
"ไปมั้ยลิน บอยไปด้วย"
อลินดาคลี่ยิ้มเจื่อน ส่ายหัวปฏิเสธ
"ไปไม่ได้หรอก ฉันต้องทำงาน"
"ทำงานอีกแล้วเหรอ แกเพิ่ง..."
เหมือนเมนิลาเพิ่งจะรู้ตัวว่าจิรายุอยู่ด้วย จึงรีบหยุดค้างเอาไว้แค่นั้น
อลินดาสบตากับเพื่อนอย่างรู้กันดี อีกฝ่ายกำลังจะหลุดปากเรื่องที่เธอไปขายตัวถึงต่างประเทศ ดีที่ยังยั้งปากเอาไว้ได้ทัน
"แกไปกันเถอะ แกก็รู้ว่าฉันต้องเก็บตังค์"
อลินดายัดหนังสือใส่กระเป๋าผ้า ทำท่าจะลุกขึ้น
"บอยเลี้ยงเอาไหม ลินไม่ต้องจ่ายอะไรเลย"
หญิงสาวคลี่ยิ้มไปให้คนที่ขันอาสา ปฏิเสธความหวังดีนั้น
"ขอบใจนะบอย แต่ลินไปไม่ได้จริง ๆ"
อีกหนึ่งเหตุผลคือ เธอไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร ไม่อยากให้จิรายุเอามาลำเลิกในภายหลัง
คลี่ยิ้มให้ทั้งสองแล้วก็เดินเลี่ยงจากมา รู้สึกหายใจโล่งขึ้น ผ่อนลมหายใจคลายความอึดอัด เธอไม่ชอบใน 'สายตา' ของจิรายุที่มองมาเอาเสียเลย
สัมผัสได้ถึงความกระหายบางสิ่งบางอย่างในตัวเธอ เขาตามเกาะแกะเธอมาตั้งแต่ปีหนึ่ง จนกระทั่งปีสุดท้ายใกล้เรียนจบ เขาก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายาม
อดทนไปอีกนิด เดี๋ยวก็ได้แยกย้ายไปทำงาน เมื่อนั้นเขาก็คงจะห่างเธอไปเอง
ยามดึกสงัด รถมอเตอร์ไซด์วิ่งมาจอดหน้าทาวน์เฮาท์หลังเดิมเหมือนวนลูป อลินดาลงจากรถแล้วจ่ายเงิน หันหน้าเข้าบ้าน ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนคนขับวินกลับไป
เงยหน้ามองบ้านที่วันนี้กลายเป็นชื่อของเธอ คลี่ยิ้มออกมา รู้สึกดีใจที่ยังรักษามันเอาไว้ได้ แม้จะต้องแลกมาด้วยศักดิ์ศรีและหยาดน้ำตาก็ตาม
หลังจากเอาเงินไปไถ่ถอน เธอก็ยื่นคำขาดกับบิดา ว่าต้องโอนบ้านมาเป็นชื่อเธอ เพื่อป้องกันไม่ให้แอบเอาไปจำนองอีก ซึ่งอีกฝ่ายก็ยินยอมแต่โดยดี ไม่กล้ามีปากเสียงกับลูกสาวที่เป็นคนหาเงินมาปิดหนี้
เขียนนิยายขายแล้วดันปัง ได้เงินมาเหยียบล้าน นั่นคือเหตุผลที่เธอใช้บอกทางบ้าน ขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืด เรื่องที่มาของเงินก้อนโต
ส่วนที่หายไปต่างประเทศ ก็โกหกว่าไปแข่งขันวิชาการ ตัวแทนมหาลัยฯ แน่นอน ไม่มีใครสงสัย เพราะปกติก็ไม่เคยใส่ใจเรื่องการเรียนของลูกอยู่แล้ว
"พี่ลิน ขอเงินพันนึงดิ จะเอาไปแต่งรถ"
เสียงน้องชายลอยมา เมื่อเธอเดินเข้าบ้าน อลินดาถึงกับถอนหายใจ
"คิดว่ารวยนักรึไง มาถึงก็ขอตังค์"
"ก็เห็นว่ารวยจากขายนิยาย มีเงินมาไถ่บ้าน ใช้หนี้ประกันให้ผม เงินแค่พันเดียวพี่ต้องมีอยู่แล้ว"
"ไม่มี พี่ใช้หนี้ไปหมดแล้วไง นายก็เห็นว่าพี่ยังต้องทำงานเหมือนเดิม"
"โธ่ แค่นี้ก็งกกับน้อง ขอพันเดียวก็ไม่ให้"
"ถ้าอยากมีเงินใช้ก็กลับไปเรียน จะได้มีวุฒิไปหางานที่มั่นคงทำ ไม่ต้องมาคอยขอคนอื่นแบบนี้"
"จะเอาตังค์ที่ไหนเรียน พี่ก็เห็น"
"ถ้านายอยากเรียนพี่ช่วยเอง เพราะเดี๋ยวพี่ก็เรียนจบแล้ว ถ้าได้ทำงานคงมีเงินมาส่งนายเรียนจนจบได้"
"ผมขอคิดดูก่อน ตอนนี้ขี้เกียจเรียน ว่าแต่...พันนึงไม่มีจริง ๆ เหรอ"
หญิงสาวเดินหนี ตัดบทออกมาโดยไม่หันไปมอง
"ไม่มี ไม่ต้องมาขอแล้วนะ"
อลินดาโกหก เธอได้มาจากภาณุภัทรหนึ่งล้าน หักจากใช้หนี้แล้วยังเหลือนับแสน แต่ต้องการเก็บไว้เป็นทุนใช้จ่ายยามฉุกเฉิน เงินก้อนนี้จะให้ทางบ้านรู้ไม่ได้
เดี๋ยวก็จะหาเรื่องเอาเงินเธอไปละลายเล่น เพราะไม่ได้นั่งเฉย ๆ แล้วเงินลอยมา เธอจึงหวงเงินก้อนนี้ ไม่อยากให้ใครมายุ่ง
ระหว่างนี้ก็ทำงานไปด้วยเหมือนเดิม กลับมาใช้ชีวิตแบบเดิม โลกของเธอที่ต่างกันสุดขั้วกับโลกของภาณุภัทร
ราวฟ้ากับเหว
โลกของคนรวย เธอได้สัมผัสแล้วว่าเป็นเช่นไร มันไม่ใช่ที่ที่เธอควรจะไปอยู่ ที่ผ่านมาก็แค่ฝัน เมื่อตื่นก็ต้องกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง ชีวิตที่ต้องต่อสู้ปากกัดตีนถีบเช่นเคย