ใส่หน้า
การปรากฎกายของภัสสรในทุก ๆ ครั้ง มาพร้อมความเครียดในใจภาณุภัทร เขาไม่อยากเจอ ไม่อยากคุย แต่อีกฝ่ายก็พยายาม 'หาทาง' มาพบเขา
ชายหนุ่มเดินไปโต๊ะทำงาน หยิบซิก้าร์ออกมาจากกล่อง เอาปากคาบไว้ จุดด้วยไฟแช็ค อัดควันเข้าปากเพื่อเสพรสชาติ หลับตานิ่ง ระบายความเครียดจากการต้องเผชิญหน้าคนที่ไม่อยากเจอ
การได้เสพกลิ่นหอมหวานในมวนซิการ์ รสชาติที่อบอวลอยู่ในปาก ดื่มด่ำกับมัน แล้วพ่นควันออกมา คือความฟินที่เขามักใช้กลบความรู้สึกในวันที่แย่ ๆ
"จบธุระของคุณหรือยัง"
ภัสสรลุกขึ้นยืน ก้าวเดินอย่างช้า ๆ เข้ามาหาคนที่ยืนดื่มด่ำกลิ่นและรสของซิก้าร์ราคาแพง เธอมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าร่างสูงสง่าในเชิ๊ตดำ เขาสูงกว่าเธอมากนัก จนต้องเงยหน้าคุย
"เหมือนพ่อไม่มีผิด"
ชายหนุ่มเอี้ยวหน้าหลบมือที่ยื่นมาแตะซีกหน้าคมคร้าม ท่าทีนั้นหวงตัว เย่อหยิ่ง รังเกียจ เขาปัดมือนั้นออกไปจนพ้น มองอีกฝ่ายตาขวาง
"อย่ามาแตะต้องตัวผม!"
"คีย์รู้มั้ย สิ่งหนึ่งที่คีย์เหมือนพ่อคืออะไร"
"....."
"ความทระนง เมื่อก้าวขึ้นไปยืนอยู่บนจุดที่สูงสุด ความหลงใหลในอำนาจ ทำให้คนเราทระนง จนไม่เห็นหัวใคร และมันคือดาบที่อาจย้อนมาเล่นงานเราในสักวัน"
ภาณุภัทรกระตุกยิ้ม พ่นควันซิก้าร์จนลอยโขมง ถ้อยคำเหมือนเตือนสติไม่อาจซึมลงในหัวใจที่ด้านชา ตรงกันข้าม เขากลับมองว่าน่ารำคาญสิ้นดี
"ถ้าจบแล้วก็กลับไปเสียที ผมไม่ได้มายืนตรงนี้เพื่อฟังใครเทศนา"
ชายหนุ่มหันไปสบตากับอินทัช เป็นอันรู้กัน เวลาของภัสสรหมดลงแล้ว
อินทัชเดินเข้ามาด้วยท่าทียังคงความเคารพ ด้วยเห็นว่าเป็นมารดาของเจ้านาย เขายื่นมือไปจับแขนของภัสสร กระตุกเบา ๆ ให้อีกฝ่ายรู้ว่าต้องทำเช่นไร
"เชิญครับคุณภัส"
หากแต่ภัสสรทำตัวแข็ง แววตาสั่นระริกมองหน้าคนที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัว
เจ็บปวดนัก กับแววตาเชือดเฉือนอารมณ์คู่นั้น
"สรุปคีย์จะไม่ให้อภัยแม่ใช่มั้ย"
ภาณุภัทรยืนนิ่ง ข่มใจ เขาทำเมินไม่มอง ได้แต่สื่อสารกับอินทัชทางสายตา ว่าให้ลากคนตรงหน้าออกไปเสียที
"ไปเถอะครับคุณภัส"
อินทัชออกแรงมากขึ้น ลากคนที่ยืนน้ำตารื้นให้ออกไปข้างนอก ภาณุภัทรไม่แม้แต่จะหันไปมอง เขาพยายามบอกตัวเอง ก็สาสมดีแล้ว กับเส้นทางที่อีกฝ่ายเป็นคนเลือก
ในวันที่เขาต้องการใครสักคน ใจอ่อนแอ ดำดิ่งสู่ความดำมืด แต่วันนั้นเขาไม่เห็นแม้เงาของภัสสร คนเดียวที่เขาอยากได้อ้อมกอดเพื่อปลอบโยน ก้าวไปข้างหน้าแบบไม่เดียวดาย
มีเพียง 'อินทัช' ที่อยู่เคียงข้าง คนที่ช่วยประคองให้เขาก้าวมายืนอยู่บนจุดที่สูงสุดได้อย่างมั่นคง
อำนาจ เงินตรา วันนี้เขามีซึ่งทุกอย่าง มีแต่คนวิ่งเข้าหา ยอมสยบอยู่ใต้ฝ่าเท้า ฉะนั้นมันไม่จำเป็นเลย ที่จะต้องโหยหาความรักจากใครอีก
ความเงียบมาห่มคลุม หลังอินทัชลากภัสสรออกไป อลินดาเดินเข้าไปเผชิญหน้าคนที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองใบหน้าคมคร้ามที่ฉายความ 'เลือดเย็น' เขาทำได้ แม้คน ๆ นั้นจะเป็นมารดาก็ตาม
"คุณคีย์ นั่นคุณแม่คุณนะคะ" "
"ถ้าไม่รู้อะไรก็อย่าพูด!"
เขากระชากเสียง มองด้วยแววตากราดเกรี้ยว จน อลินดาต้องปิดปากเงียบ
"งั้นลินถามอะไรหน่อยค่ะ"
แววตาเข้มเหลือบมอง นิ่งรอฟังว่าเธอจะพูดอะไรออกมา
"คุณเป็นเจ้าของที่นี่ใช่มั้ยคะ"
"....."
"Interstellar ที่แท้คุณเป็นคนสร้างขึ้นมา"
"ใช่แล้วลิน อาณาจักรนี้ จักรวาลนี้ ฉันเป็นคนคุม"
แม้จะเตรียมใจเอาไว้แล้ว หากแต่อลินดาก็รู้สึกช็อค อยู่ดี
"คุณคีย์..."
แววตาสั่นระริกมองใบหน้าคมคร้ามที่แสนราบเรียบ ยืนตัวสั่นใจสั่น โลกใจร้ายกับเธออีกแล้ว เมื่อชีวิตหนีไม่พ้นกับคนในแวดวงพนัน
ชีวิตเธอต้องฉิบหายก็เพราะการพนัน หมดเนื้อหมดตัวจนพานให้เกลียดคนในแวดวงคาสิโน ไม่คิดเลยว่า สุดท้ายแล้ว เงินที่จะเอาไปไถ่บ้าน ก็มาจากเงินสีเทา เงินที่เขาซื้อตัวเธอมาด้วยราคาเฉียดล้าน
การที่เธอยืนหน้าแดง ทำคล้ายจะร้องไห้ ทำให้ภาณุภัทรแปลกใจไม่น้อย
"ลิน...เป็นอะไร"
อลินดามองไปยังเด็กเสิร์ฟที่ถือถาดไวน์เข้ามา อีกฝ่ายทะเล่อทะล่าเข้ามาทั้งที่แขกกลับไปแล้วด้วยซ้ำ
เด็กเสิร์ฟเดินเข้ามาด้วยท่าทีละล้าละลัง เพราะรู้ดีว่าตนมาช้าไปนิด ในขณะที่เขากำลังจะเดินย้อนกลับไปนั้น อลินดาก็ยื่นมือไปคว้าไวน์แก้วนั้นมาถือไว้
"ลิน! ทำบ้าอะไร"
อินทัชปราดเข้ามา เมื่อมีคนสาดไวน์ใส่หน้าหล่อ ๆเข้าเต็ม ๆ หญิงสาวยัดแก้วไวน์ใส่มือเด็กเสิร์ฟที่ยืนตะลึงตาค้าง ก่อนจะผลุนผลันออกไป
อินทัชทำท่าจะตามไปลากคนก่อเหตุกลับมา หากแต่เสียงเข้มก็แทรกขึ้น
“ไม่ต้อง! ปล่อยเธอไป"
"ไปหาผ้ามาสิวะ!"
เสียงของอินทัชทำให้เด็กเสิร์ฟที่กำลังช็อครีบวิ่งออกไปข้างนอก อินทัชมองใบหน้าเจ้านายที่เปียกชุ่มไปด้วยไวน์ ภายใต้สีหน้าแววตาเคร่งขรึม เขาเดาไม่ออกเลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่
ก่อนหน้านั้นโดนผู้หญิงตบ ตกค่ำมาโดนไวน์สาดใส่หน้า อินทัชกำลังคิดว่าอลินดาหาเรื่องตาย มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่จะทำอะไรฆ่าตัวเองเช่นนี้