เราสองคน
ภาณุภัทรนั่งมองคนที่ทำเหมือนโกรธจนควันออกหู แต่เขากลับคลี่ยิ้ม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ฉันล้อเล่น จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เนื้อเสือ แต่มันคือเนื้อม้าลาย สบายใจได้ กินต่อเถอะ"
"อุ๊บ!"
หล่อนทำท่าจะสำรอกออกมาอีกครั้ง พยายามฝืนจนน้ำหูน้ำตาไหล รีบดึงกระดาษมาเช็ดปาก รองเอาไว้เพราะกลัวอ้วกพุ่งออกมาอีก มองคนตรงหน้าตาเขียว
"เนื้อนี้เกรดพรีเมียมเชียวนะ กินแต่หมูไม่เบื่อหรือไง"
เขายังจะไม่หยุด ทั้งที่ของเสียในท้องมาจดจ่อรออยู่ที่คอของเธอแล้ว
"มันไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นอาหารของเรา คุณกินมันลงเหรอคะ"
หญิงสาวเลื่อนจานสเต็กให้พ้นไปจากตรงหน้า ทำหน้ากระอักกระอ่วน รู้สึกอิ่มขึ้นมาทันที
"มันก็แค่อาหาร คิดอะไรมาก ต่อให้เราไม่กิน มันก็ถูกเสือจับกินอยู่ดี"
"ไม่ค่ะ ลินกินไม่ลง มันน่ารักเกินกว่าจะมาเป็นอาหารของคน"
"เรื่องพื้นฐานเลยลิน ห่วงโซ่อาหาร ผู้ที่อ่อนแอกว่าก็ต้องถูกล่าเพื่อความอยู่รอด"
หญิงสาวมองหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตร แม้เขาจะคุยกับเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม แต่รังษีความอำมหิตก็แผ่กระจายออกมาจนสัมผัสได้
"ลินไม่ได้จิตใจโหดเหี้ยมเหมือนคุณ...คุณคงอยู่เหนือห่วงโซ่อาหารจนชาชิน เป็นผู้ล่ามาโดยตลอด ก็เลยเข้าไม่ถึงจิตใจของผู้ถูกล่าหรอกค่ะ"
เขาต้องถอนใจ ให้กับความโลกสวยของเธอ
"โอเค ไม่กินก็ไม่กิน งั้นเธอเลือกมาเลยว่าจะกินอะไร"
"ลินอิ่มแล้วค่ะ"
เขาทำเป็นไม่สนใจ เรียกพนักงานเสิร์ฟมาสั่งอาหารให้เธอใหม่ ตัดสินใจเลือกเมนูเอง รอสักพักอาหารจานใหม่ก็มาวางตรงหน้าอลินดา แววตาคู่สวยเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่ไว้วางใจ ไม่รู้ว่าเขาจะสั่งเนื้ออะไรมาให้ลองอีก
"แฮมอิเบริโก ทำจากขาหมูดำ นำเข้าจากสเปน"
หญิงสาวมองเนื้อสีชมพูที่ฝานมาเป็นชิ้นบาง ๆ วางเคียงด้วยเมลอนหอมหวาน มีมะกอกดองเสิร์ฟมาในถ้วยใบเล็ก เหมือนจะเคยได้ยินมาบ้างว่าแฮมอิเบริโกนั้นแพงมาก ชนิดที่มนุษย์เงินเดือนจะกินยังคิดแล้วคิดอีก ไม่คิดว่าเขาจะสั่งมาให้เธอลองชิม
"มันขีดละพันกว่าเลยนะคะ ที่จริงคุณไม่น่า..."
"เธอคิดว่าฉันควงเธอมานั่งกินสเต็กหมูง่อย ๆ ที่หากินได้ทั่วไปรึไง เอาเถอะ เดี๋ยวเราก็จะไม่ได้เจอกันแล้ว ถือว่าฉันเลี้ยงส่งเธอก็แล้วกัน"
เขาแทรกทั้งที่เธอยังพูดไม่จบ สีหน้าและแววตาทรงพลังอำนาจ สะกดจิตให้อลินดาจำต้องฝืนกิน ไม่อยากโต้เถียงกับเขาอีก
ต่ำลงไปเกือบสี่ร้อยเมตร แม้เวลายามค่ำคืนจะเดินไป ลาสเวกัสสตริปยังคงสว่างไสวไปด้วยแสงไฟนีออน
บนหอคอยที่หมุนเปลี่ยนมุมไปเรื่อย ๆ ที่นั่งตรงโต๊ะอาหารถูกขยับเข้าไปอยู่ใกล้กัน สองหนุ่มสาวนั่งแนบชิด ชวนกันดื่มด่ำกับความงามในมุมสูงของเมืองแห่งบาป แสงไฟจากตึกสูงสาดส่องมองดูระยิบระยับ จนไม่น่าเชื่อว่าที่ตรงนี้จะเคยเป็นทะเลทรายอันแห้งแล้งมาก่อน
ท่ามกลางบทเพลงที่ดังคลอเบา ๆ เสียงแก้วกระทบกันอีกครั้ง อลินดามองไวน์แดงในแก้วของตน ก่อนทำทีเป็นยกขึ้นจิบเข้าปากเพียงเล็กน้อย เมื่อรู้สึกว่าเริ่มจะอึน ๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอล์
"ทำจิบเหมือนกลัวจะเมา หรือกลัวถูกลากขึ้นเตียง"
ภาณุภัทรรู้ทัน เขาหยิบไวน์มารินใส่แก้วของเธอ เติมเข้าไปใหม่จากที่พร่องไปเกือบหมด
"ไม่ได้กลัว เพราะถึงยังไงก็ต้องนอนกับคุณอยู่ดี"
แววตาเข้มเหลือบมองสีหน้าที่แดงระเรื่อ นัยน์ตาของเธอปรือฉ่ำ เขาชอบมองแววตาที่เหมือน 'ท้าทาย' เธอแสดงมันออกมาอย่างไม่รู้ตัว
"ถือว่ารู้หน้าที่ดี ไม่ต้องให้ย้ำ"
เขายกแก้วของตัวเองแล้วกรอกไวน์ลงคอจนหมด ผายมือไปที่แก้วของอลินดา
"ดื่มให้หมดสิ จะได้ไปหาอะไรทำกัน"
เขาสบตากับเธออย่างมีความหมาย เลื่อนแก้วเข้าไปตรงหน้าเธออีกนิด อลินดาหยิบแก้วขึ้นมาถือไว้
"แต่ไม่เอาแบบคืนนั้นนะคะ หวังว่าคุณคงไม่ชวนใครมาร่วมวง"
ริมฝีปากหยักสวยยกยิ้ม ฝ่ามือแกร่งยื่นมาสัมผัสกับพวงแก้มแดงระเรื่อ ลูบไล้เล่นด้วยสัมผัสละมุนละไม มองคนตรงหน้าด้วยแววตาชวนให้ใจละลาย
"ไม่...ไม่มีใครทั้งนั้น คืนนี้จะมีแค่เราสองคน...."