ทางตัน
ฤดูฝนมาเยือน ฝนเริ่มตกชุก ท้องฟ้าเหนือเมืองใหญ่ร้องคำราม ฟาดแสงสีทองเป็นเส้นแลดูน่ากลัว ยามดึกสงัด อลินดานั่งอยู่บนเตียงนอน ตรงหน้าคือเงินปึกหนึ่งที่เก็บรวมรวมไว้
เธอหยิบมานับทีละใบ มีทั้งแบงค์ม่วง แบงค์แดง แบงค์เทามีไม่มาก กวาดเศษเหรียญมาได้อีกจำนวนหนึ่ง มันคือที่เงินที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรง ตั้งใจเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวการศึกษา
"ยังไม่ถึงสองหมื่นเลย"
หญิงสาวถอนหายใจ มองเงินตรงหน้าแล้วเศร้า ความเครียดยิ่งถาโถม เวลาก็ใกล้เข้ามาทุกที หากอยากรักษาบ้านไว้ก็ต้องนำเงินก้อนไปจ่ายเจ้าหนี้ เหมือนระเบิดเวลาที่กำลังนับถอยหลัง
เมื่อถึงเลขศูนย์เมื่อไหร่ หล่อนก็ตายเมื่อนั้น
อีกทั้งเรื่องที่น้องชายก่อเอาไว้ รวม ๆ กันแล้วเป็นหนี้เกือบล้าน ต่อให้เรียนจบมีทำงานทำ เธอก็ยังไม่รู้เลยว่า จะหาเงินล้านแรกจากการเป็นลูกจ้างได้ตอนไหน เงินมันมากเกินไปสำหรับคนต้นทุนชีวิตไม่สูงเช่นเธอ
เธอไม่อยากเป็นคนอ่อนแอ ที่ผ่านมาก็พยายามทำตัวเข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา สู้เพื่ออนาคตที่ดี แต่ครั้งนี้มันหนักหนาเกินไป หนักเกินที่สองมือเล็ก ๆ จะแบกรับเอาไว้ได้
"สงสัยเธอคงต้องปล่อยแล้วแหละ ลินเอ๊ย"
คนที่กำลังสับสนมืดมนหนทางเปิดม่านมองออกไปด้านนอก ท้องฟ้าถูกเมฆฝนครอบงำ ไร้ดาวที่พร่างพราย จันทร์อับแสง ไม่ต่างอะไรกับชีวิตของเธอในตอนนี้เลย
เมื่อกำลังจะจมน้ำ ลมหายใจใกล้มอดดับ จิตสำนึกสุดท้ายก็ร้องเตือน ต้องทำอะไรสักอย่าง ก่อนผืนน้ำที่เชี่ยวกรากจะพรากลมหายใจเธอไปจากร่าง
เหมือนจะเห็นแสงสว่างเล็ก ๆ ที่แสนริบหรี่ เมื่อใบหน้าของเพื่อนแวบเข้ามาในช่วงเวลาที่ต้องการใครสักคน
"แจง..."
‘ขายบริการให้คนรวย งานสบาย รายได้ดี’
คำพูดของเพื่อนมีค่าก็เมื่อวันที่ชีวิตเดินมาถึงทางตัน หาทางออกไม่ได้ หันหาใครไม่เจอ
แจง...เมนิลา...เพื่อนของเธอส่งตัวเองเรียนด้วยอาชีพขายบริการ ไม่เคยพึ่งพาเงินทางบ้านสักบาท ซ้ำยังมี
เงินกินเที่ยวแบบสบาย ๆ ไม่ปากกัดตีนถีบเช่นเธอ
เมนิลาเป็นคนสวยชนิดที่เป็นดาราก็ยังได้ อีกฝ่ายใช้เรือนร่างและความสวยให้เป็นประโยชน์ เมื่อความจำเป็นบีบบังคับให้ทำ เพื่อนของเธอเลยเดินเส้นทางสายนี้มาตั้งแต่ปีหนึ่ง
ส่วนเธอ...ก็ไม่ใช่ย่อย สวยเทียบเคียงเมนิลา มีผู้ชายมาขายขนมจีบไม่ซ้ำหน้า ถ้าเพื่อนทำอาชีพนี้ได้ เธอก็ต้องทำได้
'หรือเรา...จะไปทำแบบแจงบ้าง'
นั่นคือความคิดของคนที่กำลังเข้าตาจน เธอไม่อยากเสียบ้านซึ่งเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่มี ไม่อยากเห็นพ่อแม่และน้องต้องกลายเป็นคนไร้ที่อยู่ ระหกระเหินไปหาบ้านเช่า ซึ่งก็ต้องมีรายจ่ายต่อเดือนเพิ่มขึ้นอีก
ถึงแม้...ปัญหานี้พ่อของเธอจะก่อมันขึ้นมาก็เถอะ แต่ทำไงได้ เกิดมาเป็นพ่อแม่ลูกกันแล้ว หากพอมีทางออกที่จะได้เงินมารักษาบ้านเอาไว้ หล่อนจะไม่ลองเดินไปทางนั้นเชียวหรือ
ชีวิตคนจนมันก็บัดซบแบบนี้แหละ หล่อนหัวเราะเยาะให้กับโชคชะตาของตัวเอง
หญิงสาวทิ้งกายลงนอนหนุนหมอน แววตาว่างเปล่าเหม่อมองเพดาน คิดซ้ำไปซ้ำมาในหัว ท่ามกลางฝนที่โหมกระหน่ำราวพายุคลั่ง ฟ้าแลบแปลบปลาบจนน่ากลัว
++++++
บริเวณหน้าคอนโดที่ค่าเช่าหลักหมื่น สองสาวในชุดนักศึกษาพากันหิ้วของกินกันเต็มไม้เต็มมือ ทั้งคู่ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นเก้า ซึ่งเมนิลาเช่าห้องอยู่ที่นี่
อลินดาเป็นฝ่ายชวนเพื่อนหาซื้ออาหารเย็นมากินด้วยกันที่ห้อง เมนิลาแปลกใจเล็กน้อย เพราะปกติอลินดาไม่เคยไปไหนหลังเลิกเรียน เพราะทำแต่งาน
ในห้องที่การตกแต่งเรียบหรู อลินดาช่วยเพื่อนเทอาหารใส่จาน ก่อนจะทยอยนำไปวางที่โต๊ะหน้าทีวี สองสาวพากันนั่งบนพื้น ในอิริยาบถสบาย ๆ ผ่อนคลายเพราะความกันเอง
เมนิลาหยิบโซจูรสองุ่นออกมาจากตู้เย็น มีแก้วใบเล็ก ๆ ติดมือมาด้วย ต้องการละเลียดโซจูทีละน้อยเหมือนนางเอกในซีรีส์เกาหลี
ทีวีเจ็ดสิบสองนิ้วเปิดทิ้งไว้เป็นเพื่อน แต่ไม่มีใครสนใจเรื่องราวในนั้นสักเท่าไหร่
"แกนึกยังไงถึงชวนฉันกินส้มตำ ปกติเห็นงกหาแต่เงิน ฉันชวนไปไหนก็ไม่เคยไป"
อลินดานั่งเงียบ ไม่รู้จะเริ่มต้นเปิดปากถามเพื่อนอย่างไรดี
หากแต่สีหน้าและแววตาของคนตรงหน้า ก็ทำให้ เมนิลารู้สึกแปลก ๆ มันดูไม่ปกติ
"ลิน...แกเป็นอะไรหรือเปล่า ฉันว่าแกดูเหม่อ ๆ มาทั้งวันแล้ว"
"แจง..."
อลินดากดความอ่อนแอเอาไว้ไม่ได้ เธอปล่อยน้ำตารินไหลต่อหน้าเพื่อน ซึ่งปกติไม่เคยทำ
"เฮ้ย! ลิน แกร้องไห้ทำไม ฉันตกใจนะ"
เมนิลาขยับเข้าไปใกล้เพื่อน ดึงกระดาษทิชชูให้อีกฝ่ายรับไปซับน้ำตา
"แจง ฉันมีเรื่องทุกข์ใจมาก ๆ เลยตอนนี้ ฉันไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร นอกจากแก"
เมนิลานิ่งเงียบ รู้ในนิสัยของเพื่อนดี เพื่อนของเธอเป็นคนเข้มแข็ง ไม่เคยรบกวนใครง่าย ๆ คราวนี้ท่าจะหนักจริง เธอไม่เคยเห็นหยาดน้ำตาของอลินดามานานมากแล้ว
"ลิน แกมีเรื่องอะไร ฉันจะช่วยอะไรแกได้ไหม"
อลินดาเช็ดน้ำตา สูดลมหายใจให้ลึก มองหน้าเพื่อน ตัดสินใจเอ่ย
"แจง ฉันอยากทำงานแบบแก"
"เฮ้ย! ลิน เอาจริงดิ"
"ฉันพูดจริง ฉันอยากขายตัว ฉันร้อนเงินจริง ๆ"
เมนิลานิ่งเงียบ ถอนหายใจ มองไปทางอื่น
"แกไม่มีทางเลือกอื่นแล้วใช่ไหม ถึงอยากขายตัว"
"อืม...ฉันไม่มีญาติพี่น้อง ไม่รู้จะไปหยิบยืมใคร เงินเป็นแสน ๆ ภายในเวลาไม่กี่วัน"
"แล้วแกจะเอาเงินไปทำอะไร"
"พ่อฉันติดการพนันอย่างหนัก เอาบ้านไปจำนอง แล้วขาดส่งจนตอนนี้เขาจะมายึดบ้านอยู่แล้ว"
"จริงดิลิน ถึงขั้นยึดบ้านเลยเหรอ"
"ใช่ ค้างอยู่ตั้งห้าแสน แกคิดดูดิ ฉันจะไปหาจากไหนกันล่ะ"
"แล้วพ่อแม่แกเขาว่าไง ไม่รับผิดชอบอะไรเลยเหรอ ปล่อยให้ลูกต้องมาหาเงินงก ๆ"
"เขาจะปล่อยให้ยึด ฉันเครียดมาก สงสารบ้าน เสียดายบ้าน มันเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่เรามีอยู่"
"ทำไมพ่อแกทำแบบนั้นวะ ไม่นึกถึงลูกเมียเลยว่าจะไปอยู่ที่ไหน"
เมนิลามองใบหน้าที่เศร้าหมอง สงสารเพื่อนที่กำลังจะไร้ที่อยู่ แล้วพ่อแม่ก็ดันปล่อยเบลอ
"แล้วไอ้เล็กก็ดันไปก่อเรื่อง มันขับไปชนท้ายรถเบ้นซ์ ประกันเรียกค่าซ่อมมาเกือบสี่แสน แกก็รู้ น้องฉันจะเอาปัญญาที่ไหนไปหาเงินมาใช้เขา ต่อให้ผ่อนก็เถอะ ทุกวันนี้แทบจะกินยังไม่มี"
"เฮ้อ...ทำไมแกซวยอย่างนี้วะลิน มีแต่เรื่องที่ตัวเองไม่ได้ก่อ"
"ต่อให้ไม่ได้ก่อ ฉันก็ทนมองบ้านถูกยึดไปไม่ได้หรอก และทางนี้มันก็เป็นทางเดียวที่ฉันจะหาเงินก้อนได้ในเวลาอันรวดเร็วทันใช้หนี้"
เมนิลาถอนหายใจเครียด
"จริง ๆ แล้วฉันไม่อยากให้แกเข้ามาสู่วังวนนี้เลย ถ้ามีทางเลือกอื่นน่ะนะ วงการนี้เข้าแล้วออกยาก ฉันบอกเอาไว้เลย"
อลินดานิ่งกับคำพูดเพื่อน ทำไมจะเข้าแล้วออกยาก หล่อนตั้งใจจะทำครั้งเดียว ใช้หนี้หมดแล้วจะไม่ย้อนไปในวังวนนี้อีก
"ก็เพราะฉันไม่มีทางเลือกไง ฉันจึงตัดสินใจจะให้แกช่วย"
"แกจะไม่เสียใจภายหลังใช่ไหม ฉันไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนฉุดเพื่อนให้มาเดินเส้นทางนี้"
แววตาจังจริงสบตากับเพื่อน คิดแค่ว่าครั้งเดียวเท่านั้น แล้วมันจะผ่านไป
"ไม่...ไม่เสียใจ ฉันเลือกแล้ว ฉันเป็นคนเลือกเส้นทางเดินของตัวเอง แกไม่เกี่ยว ไม่มีใครบังคับให้ฉันทำ"
เมนิลานิ่งเงียบ แววตาคู่สวยไล่มองเพื่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า
"ลิน...ฉันถามแกตรง ๆ นะ แกยังซิงใช่มั้ย"
คนถูกถามหน้าแดง หลุบตาหนีสายตาเพื่อน
"หยะ ยังซิงน่ะสิ ฉันไม่เคยมีแฟนแกก็รู้"
"นั่นสินะ ฉันก็ถามไปได้"
เมนิลาหัวเราะออกมาเบา ๆ ขณะสายตาก็พิจารณามองเพื่อน อลินดาเป็นคนสวย หุ่นสวยมีสัดส่วนชัดเจน อกเป็นอก เอวเป็นเอว ซ้ำยังผิวสวย เธอคิดว่าถ้าเอาไปลงในกลุ่มที่ประมูลสาวพรหมจรรย์ ค่าตัวเพื่อนคงได้หลายแสนแน่นอน น่าจะพอช่วยปลดหนี้บ้านได้
"แล้วแกถามทำไมเหรอ ซิงไม่ซิงมันเกี่ยวยังไง"
"แกแน่ใจใช่มั้ยว่าจะทำแน่ ฉันจะได้หางานให้แก"
"อืม...ฉันนอนคิดมาทั้งคืนแล้ว
"มันจะมีอยู่กลุ่มหนึ่ง ผู้ชายกลุ่มนี้มีรสนิยมชอบเปิดซิงผู้หญิงพรหมจรรย์ มีการประมูลแข่งกันด้วย ถ้าแกโชคดีไปเจอคนสายเปย์ แกอาจได้ค่าตัวหลายแสนเลยนะเพื่อน"
อลินดาคลี่ยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความเศร้าในสายตาเมนิลา
"หลายแสนเนี่ย แค่คืนเดียวใช่มั้ย"
"ใช่...แค่คืนเดียว..."
"อืม...ฉันทำได้...ฉันจะฝืนใจทำเพื่อเงิน...แค่...คืนเดียวเท่านั้น"
"แต่...แกอย่าเพิ่งดีใจ คืนเดียวก็จริง แต่ฉันบอกแกไม่ได้หรอกนะ ว่าแกจะไปเจอคนแบบไหน พวกรสนิยมแปลก ๆ หรือคืนเดียวแต่หลายครั้ง"
เมนิลาไม่อยากพูดให้เพื่อนถอดใจ แต่มันคือความจริงที่ต้องเตรียมใจเอาไว้
"ฉันอยากให้แกทำใจเผื่อไว้ เพราะคนกลุ่มนี้เป็นคนรวยที่ใช้เงินซื้อความสุข เขาซื้อแกไปแล้ว ฉะนั้นเขาจะทำอย่างไรกับแกก็ได้ เมื่อแกก้าวขาเข้าไปแล้ว จะไม่มีวันได้ออกมาง่าย ๆ หรอกนะ"
"แจง...ฉันไม่อยากคิดเลยว่าแกเจออะไรมาบ้าง"
เมนิลากระตุกยิ้ม อลินดามองดูคล้ายหยันให้กับตัวเอง
"เขาจะมองเห็นเราเป็นสินค้าชนิดหนึ่ง คือของเล่นที่ไร้ค่า เหมือนทาส เอาเงินฟาดหัวเราแล้ว เขาจะทำอย่างไรกับร่างกายเราก็ได้ ก็อย่างว่าแหละนะ เราขายเรือนร่างแลกเงิน หาผู้ชายที่รักจริงแทบไม่มี"
"แค่ครั้งเดียวของฉัน ฉันคงไม่ซวยไปเจอพวกวิปริต พวกซาดิสห์ใช่ไหม แกพูดซะฉันกลัว"
"ฉันตอบแกไม่ได้ มันคือโลกในมุมมืดที่คนนอกไม่มีวันได้สัมผัส ฉันถึงอยากให้แกคิดให้ดี ๆ"
"ชีวิตคนอย่างฉัน มีทางเลือกกับเขาด้วยเหรอ ไหน ๆ ก็บัดซบซะขนาดนี้ ก็ให้มันสุด ๆ ไปเลยก็แล้วกัน"
"ใช่ ชีวิตคนต้นทุนน้อยอย่างเรา ไม่มีทางเลือกมากนัก แต่...ฉันยอมรับ ฉันไม่ขยันเหมือนแก ฉันมันรักสบายมากเกินไป ก็เลยเลือกที่จะเดินเส้นทางสายนี้ เส้นทางที่ถูกมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม"
"....."
"แต่ฉันก็ไม่สนใจหรอก เพราะฉันไม่ได้ขอใครกิน แค่ฉันมีเงินส่งตัวเองเรียนจนจบก็พอ ฉันอาจเลิกเมื่อเก็บเงินได้สักก้อน มีงานทำที่มั่นคง ยังหวังอยู่ลึก ๆ ว่าจะเจอรักแท้กับเขาในสักวัน"
สองสาวมองหน้ากัน สบตากันอย่างเข้าใจหัวอก รอยยิ้มบาง ๆ ที่แลกเปลี่ยนกันคือกำลังใจ โลกใบนี้มันโหดร้าย คนที่แข็งแกร่งพอถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แม้ทางเดินจะเต็มไปด้วยขวากหนามก็ตาม