ท้าทาย
กรุงเทพฯยามค่ำคืนดูวุ่นวายจากกลุ่มคนที่ทยอยกันกลับบ้าน รถบนท้องถนนค่อนข้างแน่น เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้โดยง่าย
ในรถหรูสีดำเงาวับที่แล่นไปบนท้องถนนปะปนกับรถหลากหลายรุ่น ภาณุภัทรมีสมาธิอยู่กับการประชุมออนไลน์ผ่านแล็ปท็อป งานของเขาไม่มีเวลาเข้าออกที่ตายตัว สามารถทำงานได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าเขาจะอยู่ส่วนไหนของโลกก็ตาม
เหมือนจะสบาย แต่ก็ไม่ เหมือนจะง่าย ก็ไม่ง่าย การก้าวมายืนอยู่จุดสูงสุด มีคนอยู่ใต้อาณัติมากมาย มันคือความท้าทายคนวัยหนุ่มเช่นเขา
ต้องทำอย่างไรที่จะคุมคนเหล่านั้นให้เชื่อง ไม่มีใครคิดจะโค่นบัลลังค์ที่เขาครอบครอง ยืนหยัดมาได้ตลอดสิบกว่าปี
เอี๊ยด! ปรี๊น ๆ
โครม!
เสียงที่มาพร้อมกัน พร้อมสัมผัสได้ถึงแรงกระแทกที่บริเวณท้ายรถ ภาณุภัทรเงยหน้าสบตากับคนขับผ่านกระจกส่องหลัง เก็บซ่อนอารมณ์คุกรุ่นไว้ภายใต้สีหน้าสุขุม เขารู้แล้วว่ามีอุบัติเหตุ เพียงแต่มันเกิดได้อย่างไร
คนขับต้องมีคำตอบ
"มีรถตัดหน้าเราครับ ผมเลยเบรกกะทันหัน"
อินทัชที่นั่งคู่มากับคนขับหันมามองหน้าเจ้านายหนุ่ม
"โชคดีที่เบรกทันนะครับ ไม่งั้นโดนทั้งหน้าทั้งหลัง"
"คุณลงไปเคลียร์ รีบเคลียร์รีบจบ อย่าให้ผมต้องเสียเวลา"
"ครับ"
อินทัชรับคำแล้วรีบลงจากรถ ชายหนุ่มเดินไปท้ายรถ มอเตอร์ไซด์แต่งเต็มแม็กซ์พร้อมแว๊นซ์นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น
เขาถอนหายใจเครียด รถเจ้านายไฟท้ายแตกกระจาย ตัวถังบุบ สีถลอก ค่าซ่อมน่าจะเกินสามแสน แววตาเข้มมองคู่กรณีที่เป็นเด็กวัยรุ่น ประเมินดูแล้วไม่น่าจะมีปัญญาจ่ายค่าซ่อมแน่นอน
เขาเดินเข้าไปมองสำรวจบนร่างกายเด็กหนุ่มคนนั้น ดูภายนอกแล้วไม่น่าจะบาดเจ็บมาก แต่ภายในนั้นก็คงต้องไปตรวจละเอียดที่โรงพยาบาลอีกที
"เป็นไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนมั้ย"
อเล็กซ์มองคนตรงหน้าที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่า ร่างสูงใหญ่นั้นดูดีและภูมิฐาน ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าของรถหรือไม่
"พี่เป็นเจ้าของรถเหรอครับ"
"ถ้าไม่บาดเจ็บก็แล้วไป ฉันจะไม่เอาเรื่องนายที่ขับรถมาชนท้าย ต่างฝ่ายต่างไปละกัน อย่าให้เรื่องถึงตำรวจ มันจะยาว"
อินทัชไม่ตอบคำถาม เขารีบปิดจ๊อบเพราะเจ้านายต้องรีบไปงานเลี้ยง หากแต่อีกฝ่ายดูท่าจะไม่จบง่าย ๆ
"พี่เล่นเบรกกะทันหันแบบนี้ ผมเบรกไม่ทันหรอกนะครับ แล้วอีกอย่างผมก็อาจต้องไปเช็คร่างกายที่โรงบาล จะช้ำในหรือเปล่าก็ไม่รู้"
แววตาเข้มหรี่มองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างรู้ทัน เขาเจอมาเยอะลูกไม้แนว ๆ นี้
"สรุปต้องการเรียกค่าเสียหายว่างั้น ทั้งที่ขับมาชนท้ายเขาเอง"
"ถ้าเอาจริง ๆ ผมไม่ได้ผิดอะไร เพราะพี่เล่นเบรกแบบนี้ ไม่คิดจะช่วยค่าซ่อมรถผมหน่อยเลยเหรอ"
อเล็กซ์โบ้ยหน้าไปทางมอเตอร์ไซด์ของตน
"รถผมก็พังเห็นมั้ยพี่"
อินทัชยกยิ้มให้กับคนที่แกว่งเท้าหาเสี้ยน ทั้งที่ให้โอกาสแล้วแท้ ๆ เพราะทางเขาจะนำรถไปเคลียร์กับประกันเอง แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมคว้าเอาไว้
"โอเค ไม่จบ ขอคุยกับเจ้านายพี่แป๊บนะ"
เขาเดินไปเปิดประตูด้านหลัง ชะโงกหน้าเข้าหาคนที่นั่งไขว่ห้างรออยู่ในรถด้วยท่าทีสงบนิ่ง
"คู่กรณีไม่ยอมจบครับ ต้องการเรียกค่าเสียหายจากเรา"
"ทั้ง ๆ ที่เป็นฝ่ายชนเราน่ะเหรอ"
"ครับ บอกต้องการค่ารักษาตัวกับค่าซ่อมรถ"
"อืม...งั้นโทรตามประกันมาเคลียร์"
ภาณุภัทรกระตุกยิ้ม เปิดประตูรถที่อยู่อีกฝั่ง เขาไม่อยากขึ้นโรงพักเพราะจะเสียเวลา แต่คนที่ทำให้เขาเสีย เวลาซ้ำยังรู้มาก คงต้องโดนสั่งสอนเสียบ้าง
อเล็กซ์มองชายหนุ่มร่างสูงสง่าในสูทเรียบหรูที่เดินลงมาทีหลัง เขามองค้างให้กับใบหน้าอันหล่อเหลาทว่าแฝงไว้ด้วยอำนาจแสนสะกด แววตาคมกริบที่เขาไม่กล้าสบตาด้วย อีกฝ่ายเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ริมฝีปากหยักสวยยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
"ต้องการเท่าไหร่"
เสียงฟังดูทุ้มนุ่ม ก็ไม่ได้จะน่ากลัวอะไร เด็กหนุ่มคิด
"อะ...เอ่อ...รถผมต้องซ่อมครับ น่าจะหลักหมื่น"
"เอาเช็คมา"
ภาณุภัทรหันไปสั่งอินทัช อีกฝ่ายเดินกลับไปในรถ ก่อนจะหยิบสมุดเช็คมาส่งให้เจ้านาย ภาณุภัทรเขียนตัวเลขลงไป แล้วฉีกส่งให้เด็กหนุ่มตรงหน้า
"ฉันไม่มีเงินสด เอาเช็คนี่ไปขึ้นเงิน"
อเล็กซ์รับมาถือเอาไว้ เขาดูตัวเลขที่อีกฝ่ายระบุมา...สองหมื่น...อืม...ก็สมน้ำสมเนื้อดี เด็กหนุ่มยิ้มอย่างพึงพอใจ
"ผมไปได้เลยใช้มั้ยพี่ เพราะเราเคลียร์กันจบแล้ว"
ภาณุภัทรคลี่ยิ้ม แววตาเข้มมองหน้าเด็กหนุ่ม ความเด็ดขาดฉายออกมาจากแววตาคู่คม
"ยัง นายต้องอยู่รอประกันก่อน เราจะไปจบเรื่องนี้กันที่โรงพัก"
"อะไรนะครับ! ผมไม่ผิด เพราะคุณเบรกกะทันหันให้ผมชนเอง"
"ว่ากันไปตามกฎหมายน่ะ ต่อให้คันหน้าจะถูกหรือผิด แต่ถ้านายเป็นฝ่ายชนเขา ก็ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายให้เจ้าของรถ"
"......"
"ยกเว้นนายจะโชคดี ถ้าเจ้าของรถไม่เอาเรื่อง ต่างคนต่างไปซ่อมเอง ถ้าเมื่อกี้คุยรู้เรื่อง ป่านนี้คงได้กลับบ้านสบายใจแล้ว"
อินทัชเดินเข้าไปตบบ่าเด็กหนุ่มรุ่นน้อง กระซิบกระซาบด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ แต่แฝงความนัย
"น่าจะต้องเตรียมไว้สักสามแสนปลาย ๆ เรื่องถึงประกันแบบนี้ เขาเล่นนายหมดตัวแน่"
"พี่ครับ ผมไม่เอาเงินก็ได้ แต่อย่าเอาเรื่องผมเลย ผมไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมขนาดนั้น"
อินทัชหัวเราะอยู่ในลำคอ มองเด็กหนุ่มตรงหน้า เขาช่างไร้เดียงสาต่อโลกนี้เหลือเกิน
"ทีหลังถ้าโง่ก็แค่อยู่เฉย ๆ ฉันยื่นโอกาสให้แล้ว แต่นายไม่รับไว้เอง"
อเล็กซ์ก้มลงมองเช็คในมือ ได้มาสองหมื่น แต่อาจต้องเสียค่าซ่อมให้คู่กรณีหลักแสน มันไม่คุ้มเอาเสียเลย
ตอนแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่เอาเรื่อง เพราะเป็นฝ่ายผิดที่เบรกกระทันหัน จนเขาที่ขับตามหลังชนท้ายเข้าเต็ม ๆ
'แม่งเอ๊ย!' เขาสบถด่าตัวเองในใจ
++++++
ในห้องนอนเล็ก ๆ อลินดากำลังจะล้มตัวลงนอนบนเตียงขนาดสามฟุต แต่เสียงเคาะประตูก็ทำให้ต้องลงจากเตียง เดินไปเปิดประตู
"อ้าว...นึกว่าใคร"
หล่อนมองน้องชายที่ยืนทำหน้าเครียด มองเวลาก็เกือบห้าทุ่ม แต่หล่อนไม่ค่อยแปลกใจ เพราะน้องชายกลับดึกแบบนี้เป็นประจำ
"พี่ลิน พี่มีเงินเก็บอยู่เท่าไหร่ ถึงสี่แสนมั้ย"
การที่น้องชายถามแบบนั้น คนฟังถึงกับอึ้ง
"จะบ้าเหรอ! พี่จะเอาเงินจากไหนมาเก็บตั้งสี่แสน สี่หมื่นยังไม่มีเลย"
แววตาคู่สวยมองหน้าน้องชายที่เคร่งเครียด อีกฝ่ายถอนหายใจบ่อยครั้ง
"จะเอาเงินไปทำอะไรมากมายขนาดนั้น"
"ผม...ผมขับชนท้ายรถเบนซ์ ต้องเปลี่ยนไฟท้ายยกแผง ทำสีและตัวถังใหม่ ประกันเรียกมาเกือบสี่แสน ผมจะเอาที่ไหนไปจ่ายให้เขา"
".....!"
อลินดายืนนิ่ง เหมือนยังช็อคไม่หายกับเรื่องบ้าน ยังต้องมารับรู้ปัญหาที่น้องชายไปก่อเรื่องเอาไว้อีก ซ้ำไม่ใช่เงินน้อย ๆ แล้วชนใครไม่ชน ดันไปชนรถหรู ค่าซ่อมมหาโหดสำหรับคนจนเช่นเธอ
"แล้วเคลียร์กับเจ้าของรถไม่ได้เลยเหรอ แบบต่างคนต่างซ่อมกันเอง"
อเล็กซ์ยืนก้มหน้านื่ง เม้มปากแน่น มือที่กำเช็คเกร็งสั่น รู้แล้วว่าตัวเองทำอะไรลงไป ความผิดพลาดที่นำความซวยมาสู่ครอบครัว
"ผมไม่น่าไปเรียกร้องเอาเงินจากเขาเลย"
ชายหนุ่มยื่นเช็คส่งให้พี่สาว สีหน้าสำนึกผิด
"เขาให้ค่าเสียหายมาสองหมื่น แต่...กลายเป็นว่าต้องไปออกค่าซ่อมรถให้เขาเกือบสี่แสน ผมไม่น่าโลภเลย เขาจะปล่อยผมไปแล้วแท้ ๆ"
"เล็ก..."
ชายหนุ่มโผเข้ากอดพี่สาวด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ประเดประดัง ตอนนี้มืดแปดด้านไปหมด เขาไม่รู้ว่าจะหาเงินจากไหนมาจ่ายได้ เพราะประกันไม่ยอมปล่อยให้เขาลอยนวลไปง่าย ๆ แน่นอน
ในอารมณ์โกรธ อลินดายืนนิ่ง ในหัวอื้ออึงเพราะต้องแบกรับอะไรไว้มากมาย เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก น้ำตารื้นออกมาคลอขังรอบขอบตาที่ร้อนผ่าวปวดหนึบ คิดอย่างน้อยใจในโชคชะตา โลกจะทดสอบความอดทนของหล่อนไปถึงไหน