เวลาผ่านไปนานเกือบครึ่งชั่วโมง จันทร์เจ้าถึงอาบน้ำเสร็จ เธอเปิดประตูห้องน้ำออกมาโดยมีผ้าเช็ดตัวพันรอบอกไว้หลวมๆ แล้วก็ขมวดคิ้วเป็นปมสงสัยเมื่อเปิดออกมาไฟในห้องที่ก่อนหน้านี้เปิดไว้แล้วเธอจำได้ แต่ออกมามันมืดสนิท แสงไฟในห้องน้ำส่องให้ความสว่างสลัวๆ มองไปทางฟูกนอนขนาดเล็กที่มุมห้องแล้วยกมือกำปมผ้าแน่นอย่างระวังตัวเมื่อเห็นเงาดำทะมึนที่ฟูกนอนของตนเอง และแน่ใจว่าตอนเข้ามาเปิดไฟและล็อกประตูห้องดีแล้ว แล้วทำไมถึงมีผู้บุกรุกได้ล่ะ
“แกเป็นใคร? เธอถามเงาดำที่นั่งชันเข่าบนฟูกนอนขนาดเล็กของตน
หึหึ
มีเพียงเสียงขำในลำคอลอยมาปะทะโสตประสาทในความมืดสลัว
“แกเป็นใคร?”เธอถามย้ำอีกครั้งพร้อมกับมือเล็กกำปมผ้าเช็ดตัวบนตัวของตัวเองให้แน่นขึ้นกว่าเดิม พร้อมจ้องมองอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง
เฮ้อ!
ยังคงเงียบ มีเพียงเสียงถอนหายใจของเงาดำในความมืดดังออกมาพร้อมกับเงาดำนั้นเริ่มขยับตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตากลมโตจ้องมองเงาในความมืดประมาณความสูงแล้วน่าจะราวหกฟุตเห็นจะได้
“ยะ...อย่าเข้ามานะ”
เธอร้องห้ามเงาดำที่เคลื่อนไหวมาทางตน และยิ่งเงาดำเคลื่อนไหวมาใกล้เรื่อยๆ ยิ่งทำให้เธอหวาดกลัวกับเงาดำตรงหน้า พอมันเคลื่อนมาใกล้แสงไฟในห้องน้ำก็ส่องกระทบให้เห็นเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายให้ได้เห็นชัดขึ้นจนต้องเบิกตากว้าง แม้จะเพียงแค่เสี้ยวหน้าไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก แต่ก็จำได้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“แก!”
“ว่าที่ผัวมึงยังไงล่ะ” ผู้บุกรุกในยามวิกาลเอ่ยออกมาเป็นคำแรกพร้อมกับยกยิ้มร้ายในความมืด ยกมือเสยผมตัวเองที่ตกมาปิดตาหนึ่งครั้ง แล้วยื่นมือข้างนั้นยื่นไปตวัดกอดเกี่ยวร่างน้อยที่กำลังตกใจเข้ามาหาตัวเอง
“วะ...ว้าย!” จันทร์เจ้าเสียหลักเซปะทะอกแกร่งพร้อมสองแขนตวัดโอบกอดเอวหนาไว้อย่างไม่ตั้งใจด้วยความกลัวล้ม และปมผ้าที่กำแน่นก็หลุดร่วงกองที่พื้นอย่างรวดเร็ว
“หึหึ...แกงั้นเหรอ งั้นฉันก็จะแทนตัวเองว่ากูก็แล้วกัน กูจะบอกมึงก็แล้วกันว่าคืนนี้มึงต้องเป็นเมียกูจันทร์เจ้า”
นั่นคือเสียงเข้มขรึมที่ดังลอดออกมาจากริมฝีปากหนาของดิฐา ใช่แล้ว เมื่อวานที่กลับกรุงเทพฯ เขาก็แทบนอนไม่หลับและวันนี้เขาก็กลับมาแบบไม่บอกใคร พอมาถึงเขาก็มาหาเด็กฝึกงานสาวที่ห้องพักส่วนตัวทันที ส่วนเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง เขาชำนาญเรื่องสะเดาะกุญแจจึงไม่ใช่ปัญหาในการจะเข้ามาในห้องพักของสาวเจ้า
จันทร์เจ้ารู้สึกหวาดกลัวในอ้อมกอดแข็งแรงของท่านประธานหนุ่มที่ตัวเองเคยศรัทธาและเคารพ ไม่อยากจะเชื่อว่าเสียงและคำพูดหยาบช้าที่ได้ยินจะเป็นเสียงและคำพูดที่ออกมาจากปากได้รูปน่ามองของดิฐาที่ตนเองมักแอบมองเป็นประจำเวลาเขาเผลอตอนอยู่ในห้องทำงานด้วยกัน แม้จะช่วงระยะเวลาแค่วันเดียว แต่เธอก็ยอมรับว่าเฝ้าหลงใหลรูปลักษณ์ของเขาไปแล้ว แต่พอตอนนี้เธอรู้สึกเสียดายความรู้สึกนั้นของตัวเองที่มันเผลอคิดแบบนั้นไปกับคนต่ำทรามอย่างเขา
“ปล่อยฉัน!” เธอสั่งเสียงแข็งพร้อมดิ้นขืนตัวในวงแขนแข็งแรง สองแขนที่ตวัดโอบกอดเอวหนาก็เปลี่ยนมาดันหน้าอกแกร่งเพื่อไม่ให้สองเต้าอวบอูมนุ่มนิ่มของตัวเองบดเบียดไปกับร่างใหญ่ของบุรุษด้วยตอนนี้ผ้าเช็ดตัวที่พันรอบตัวนั้นได้หลุดร่วงกองกับพื้นแล้ว เธอกำลังยืนเปลือยให้คนต่ำทรามกอดรัดเอาแต่ใจอยู่ตอนนี้
“ปล่อยแน่” แล้วดิฐาก็อุ้มร่างเปลือยของจันทร์เจ้าขึ้นแนบอก ไม่สนใจอาการดิ้นรนต่อต้านขัดขืนของหญิงสาวพาเดินไปยังฟูกนอนที่ตัวเองนั่งชันเข่าอยู่ก่อนหน้านี้ พอมาถึงก็ย่อเข่าเล็กน้อยวางร่างเปลือยไปยังฟูกนอนตามด้วยตัวเองขึ้นไปคร่อมทับกักร่างเล็กไม่ให้หนีไปได้
“ปล่อยแล้ว และจะทำให้เป็นเมียด้วย”
เสียงเข้มพร่าเอ่ยขึ้นพร้อมกับสายตาดุดันเพ่งเล็งเรือนร่างเปลือยในความมืดสลัวอย่างสำรวจ ขนาดในห้องที่ไฟมืดสลัวมีเพียงแสงไฟจากห้องน้ำให้ความสว่าง ดิฐายังมองออกเลยว่าผิวของจันทร์เจ้านั้นสวยและเรือนร่างสวยมากแค่ไหน มือสากกร้านลูบไล้ร่องอกอวบอูมพร้อมกับอีกมือกดหัวไหล่เล็กไม่ให้ดิ้นขึ้นขืนตัวเองไปด้วย
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! แกกำลังจะข่มขืนฉัน แกรู้ตัวบ้างไหม”
ไม่เหลือแล้วคำอ่อนหวานที่เคยเคารพคนเหนือร่าง เมื่อดิฐาทำตัวต่ำทรามก็ไม่มีอะไรต้องเคารพนับถืออีกต่อไป
“คนอย่างไอ้ดีไม่เคยข่มขืนใครถ้าไม่เต็มใจ มาดูกันว่าข่มขืนหรือเต็มใจกันแน่ อะ...อื้อ”
แล้วปากหนาก็ทาบทับกระแทกปากน้อยของคนตัวเล็กในความมืดสลัวด้วยความปรารถนาที่ล้นปรี่ ปลายลิ้นร้อนดุนดันเข้าไปในโพรงปากน้อยอย่างอุกอาจและเอาแต่ใจ แน่นอนว่าคนอย่างดิฐาต้องการอะไรแล้วก็ต้องได้ สาเหตุความวุ่นวายและความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นกับเขา ทำให้กระวนกระวายใจจนร้อนรุ่มนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายคิดถึงแต่ใบหน้าจืดชืดของเด็กสาวฝึกงานของตนเองจนต้องมาที่นี่ในเวลานี้ยังไงล่ะ ยอมรับว่าตัวเองทำตัวเยี่ยงโจรถ่อย แต่ก็หาได้สนใจไม่ เมื่อต้องการก็ต้องได้ ความหวานของโพรงปากน้อยที่ได้ลิ้มรสทำให้ดิฐาไม่อาจถอดถอนจูบร้อนรุ่มออกมาจากปากอวบอิ่มนุ่มนิ่มที่บดกระแทกจูบได้ ดุนดันปลายลิ้นไล่ต้อนปลายลิ้นน้อยของจันทร์เจ้าจนจนมุมแล้วตวัดกอดรัดคลึงหนักหน่วง สองมือสากกร้านที่กดหัวไหล่มนไว้กับฟูกนอนไม่ให้ขยับดิ้นหนีตัวเองก็เปลี่ยนเป็นเคลื่อนไหวมาที่สองเต้าอวบอูมที่เห็นเงาในความมืดพร้อมกับขยำขยี้
“อะ...อื้อ” เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากปากที่บดเสียดสีกระแทกกัน ปากของจันทร์เจ้าพยายามจะหลบเบี่ยงหนี แต่ก็หนีไม่ได้เมื่อปากหนาร้ายกาจนั้นตวัดรัดคลึงลิ้นของเธอในโพรงปากรั้งไว้ และให้ตายเถอะ เขาพูดถูกว่า ‘คนอย่างเขาไม่เคยข่มขืนใคร’ ร่างของจันทร์เจ้าอ่อนระทวยไปกับจูบแรกที่คนโอหังเหนือร่างปลุกปล้ำข่มเหงเอาและยิ่งไปกว่านั้น หล่อนนึกรังเกียจขยะแขยงสัมผัสของดิฐา แต่ก็ไม่อาจผลักไสได้ ร่างกายที่เคยดิ้นเร่าปฏิเสธก่อนหน้าอ่อนแรงไม่พอ แถมยังแอ่นเด้งตอบสนองความน่ารังเกียจนี้อีก
“อื้ม...เห็นไหมว่าคนอย่างไอ้ดีไม่เคยข่มขืนใคร ตอนนี้มึงกำลังต้องการกูสินะเด็กน้อย...หึหึ”
เขาถอนปากร้ายกาจออกมาเอ่ยเย้ยหยันคนที่กำลังตกเป็นเบี้ยสวาทของตนเองในตอนนี้ ส่วนจันทร์เจ้าได้แต่เม้มปากแน่น น้ำตาคลอ เมื่อดิฐานั้นพูดถูก ใช่...เธอรู้สึกอย่างที่คนชั่วช้าพูดจริงๆ นั่นแหละ ตอนนี้ร่างกายเปลือยมันเต็มไปด้วยความร้อนรุ่มทรมานแล้วยังรู้สึกโหยหาไออุ่นจากร่างใหญ่ของบุรุษถ่อยเหนือร่างไปอีก
“แก...อะ...อื้อ” ยังไม่ทันได้พูดจบ ปากน้อยก็ถูกปากหนาบดกระแทกจูบอีกครั้ง ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความเร่าร้อนอ่อนโยนต่างจากครั้งแรกที่อุกอาจโอหังเอาแต่ใจ ดิฐาอยากให้หล่อนรับรู้ถึงแรงปรารถนาที่หล่อนเป็นคนทำให้เขาร้อนรุ่มเพียงแค่นึกถึงหน้า และให้ตายเถอะ ตอนนี้ท่อนเนื้อที่อ่อนตัวและแข็งได้ของเขามันกำลังอัดแน่นในกางเกงจนปวดร้าวไปทั่วลำกายอวบใหญ่
“โอว์...ไม่ไหวแล้ว กูไม่ไหวแล้ว อ่า...ขอเถอะ ไม่ไหวแล้ว อื้ม...”
ดิฐาไม่อาจทนใจเย็นได้อีกต่อไป เขาอยากกระแทกเอาหล่อนให้หนำใจให้พอใจกับความกระหายในตัวหล่อนที่เกิดขึ้นอย่างแรงกล้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน เขาเก็บความรู้สึกหิวโหยไว้ภายใต้ใบหน้าที่เย็นชามาตลอดที่เจอกัน และตอนนี้มันไม่ได้แล้ว เขาเก็บความต้องการหิวกระหายนั้นไม่ได้อีกแล้ว ชายหนุ่มผละตัวเองออกมาจัดการกับชุดของตัวเองออกอย่างรวดเร็วจนเหลือแต่กายเปลือยเปล่าที่ร้อนรุ่มที่โถมตัวกลับลงไปคร่อมทับร่างสาวเปลือยเปล่าที่นอนอ่อนระทวยเพราะจูบของตนเองบนฟูกนอนขนาดเล็กอีกครั้ง
“แกมันละ...อื้อ” คำว่า ‘เลว’ ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อปากหนาของดิฐาทาบทับบดจูบอีกครั้งเมื่อกลับมาคร่อมทับเธอ และเอวหนาก็เสียดสีท่อนเนื้ออุ่นร้อนสวาทตัวเองไปมากับหน้าท้องแบนราบของหญิงสาวไปด้วยความตื่นเต้นราวกับเด็กหนุ่มที่เพิ่งลองรักก็มิปาน