หลังอาจารย์ปล่อยเลิกคลาสอันปันก็รีบเก็บของใส่กระเป๋าผ้าใบเก่งของตัวเอง ก่อนจะหันไปมองแพมเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของของตัวเองอยู่เหมือนกัน
อันปันกับแพมทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ ม.ปลายด้วยกัน จนตอนนี้เข้าเรียนมหาลัยก็เรียนมหาลัยเดียวกันแถมยังเลือกเรียนคณะเดียวกันอีกต่างหาก
“แพมเสร็จหรือยัง?”
“เสร็จแล้ว ๆ ไปเร็ว ๆ แพมไม่อยากโดนพวกรุ่นพี่ทำโทษ มันเหนื่อยแล้วก็อายด้วย” แพมพูดจบก็คว้ามืออันปันให้รีบวิ่งตามกันไปยังลานกิจกรรมของคณะเพื่อไปเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องให้ทันเวลา เพราะตอนนี้เลยเวลาที่พวกรุ่นพี่นัดรวมตัวกันแล้วแต่ทำยังไงได้ก็ใครจะคิดละว่าสัปดาห์แรกของการเรียนการสอนอาจารย์จะสอนเลทจนเลยเวลาขนาดนี้ ถ้ารุ่นพี่คิดจะทำโทษจริง ๆ ก็ต้องยอมรับสภาพแต่โดยดีแต่ถึงกระนั้นพวกเธอก็ยังไม่อยากโดนทำโทษอยู่ดี
สองสาวมาถึงลานกิจกรรมก็เห็นนักศึกษาปีหนึ่งทุกคนนั่งเรียงแถวกันอยู่ที่พื้นพร้อมกับมีรุ่นพี่กำลังยืนพูดอยู่ด้านหน้า พอรุ่นพี่เห็นสองสาวที่เพิ่งมาถึงก็พูดออกมาเสียงดังเพื่อให้นักศึกษาปีหนึ่งได้ยินกันทุกคน
“วันนี้พวกพี่จะไม่ทำโทษคนที่มาสายนะครับเพราะมันอาจมีเหตุสุดวิสัยหลายประการและยังเป็นวันแรกของการรับน้องอีกด้วย แต่ครั้งหน้ายังมาสายกันอีกพี่คงจะไม่ปล่อยผ่านโดยไม่ทำโทษไม่ได้นะครับ เชิญน้อง ๆ ไปนั่งรวมกับเพื่อน ๆ ได้เลยครับ”
“ขอบคุณค่ะ/ขอบคุณค่ะ” อันปันกับแพมกล่าวขอบคุณรุ่นพี่ออกไปก่อนจะรีบเดินไปนั่งต่อท้ายแถวรวมกับเพื่อน ๆ ทันที
“โชคดีจังที่รุ่นพี่ไม่ทำโทษเราเนอะ”
“อืม” แพมยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหันมากระซิบกระซาบกับอันปันหลังจากที่ทั้งคู่นั่งลงที่แถวเรียบร้อยแล้ว อย่างว่าแหละคณะที่พวกเธอเรียนไม่ได้รับน้องโหดเหมือนคณะอื่น ๆ โดยเฉพาะคณะวิศวะที่ขึ้นชื่อเรื่องการรับน้องที่โหดแสนโหด
หลังจากรุ่นพี่พาทำกิจกรรมต่าง ๆ จนถึงเวลาเลิกรุ่นพี่ก็ปล่อยให้น้อง ๆ กลับบ้าน อันปันเตรียมตัวไปทำงานต่อ เพราะตั้งแต่เธอย้ายออกมาอยู่ข้างนอกคนเดียวเธอก็ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเพื่อหาเงินจ่ายค่าห้องพักและใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของตัวเอง
หลังอันปันออกมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเธอไม่ได้ขอเงินจากใครอีกเลยไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือแม่ เพราะท่านทั้งสองต่างแต่งงานและมีครอบครัวใหม่กันไปหมดแล้วทั้งคู่ อีกอย่างพวกท่านก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรอันปันอีกเลย เธอเลยกลายเป็นเหมือนส่วนเกินของครอบครัวที่ไม่มีใครต้องการ แต่เธอก็ยังถือว่าโชคดีอยู่บ้างที่สามารถสอบชิงทุนของทางมหาลัยได้จึงมีโอกาสได้เรียนต่อแม้จะลำบากบ้างก็ต้องอดทนเพื่ออนาคตที่ดีของตัวเอง
“แพม ปันไปก่อนนะ” อาการเร่งรีบของอันปันต้องหยุดชะงักลงเพียงเพราะเสียงเรียกของเพื่อนสนิทอย่างแพมทำให้อันปันต้องหันไปมองหน้าเพื่อน
“เดี๋ยว ๆ ไอ้ปันรอกันก่อนสิวะ แกจะรีบอะไรขนาดนั้น”
“ปันต้องรีบไปทำงานนะสิเนี่ยใกล้ถึงเวลาเข้างานแล้ว”
“โธ่!!! คิดว่าอะไร งั้นไปเลยเดี๋ยวแพมคนนี้ขับรถไปส่งหน้าร้านเองทันเวลาเข้างานแน่นอน เร็วกว่าแกเดินไปเองอีกด้วย”
“แต่...” อันปันที่กำลังทำหน้าลังเลอยู่เพราะความที่เธอเกรงใจเพื่อน เธอไม่อยากให้แพมลำบากต้องขับรถวนไปวนมาเพื่อไปส่งเธอเพราะว่าทางกลับบ้านของแพมกับร้านอาหารที่เธอทำงานอยู่มันคนละทางกันเลย
“ถ้าปันยังมัวแต่ยืนลังเลอยู่แบบนี้ สายชัวร์!!” แพมพูดตัดบทอันปันเพราะเธอรู้จักนิสัยเพื่อนรักคนนี้ดีว่าขี้เกรงใจขนาดไหน ขนาดว่าพ่อกับแม่เธออาสาจะเป็นคนดูแลออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้แต่อันปันก็เอาแต่ปฏิเสธท่าเดียวบอกว่าไม่อยากรบกวนเธอและครอบครัวมากเกินไป อยากทำงานเพื่อหาเงินเองมากกว่า พ่อกับแม่เธอทั้งรักทั้งเอ็นดูอันปันเหมือนลูกสาวอีกคนเลยก็ว่าได้ทั้งเป็นห่วงและสงสารที่ชีวิตของอันปันต้องมาเจออะไรแบบนี้
“อืม งั้นก็ได้” พูดจบทั้งคู่ก็ต่างพากันเดินสลับวิ่งเพื่อไปยังรถของแพมที่จอดอยู่ในลานจอดของมหาลัย ก่อนจะขับออกไปยังร้านอาหารที่อยู่ไม่ห่างจากมหาลัยมากนัก
“แพม ขอบใจมากนะ”
“ไม่เป็นไร” เมื่อถึงร้านอันปันไม่ลืมที่จะหันไปขอบคุณแพมก่อนจะรีบเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในร้านทันที
เมื่อเข้ามาในร้านอันปันตรงเข้าไปยังล็อกเกอร์ของตัวในห้องพักพนักงานเพื่อเอาของมาเก็บและเปลี่ยนชุดเป็นชุดของทางร้านก่อนจะรีบเดินออกมาช่วยงานในร้านทันที
อันปันทำงานเป็นพนักงานที่ร้านอาหารกึ่งบาร์แห่งนี้มาตั้งแต่ย้ายออกมาอยู่คนเดียวเมื่อสองปีก่อน ช่วงนั้นที่อันปันตัดสินใจย้ายออกมาอยู่คนเดียวเธอมีเงินเก็บติดตัวเพียงเล็กน้อยแค่พอจ่ายค่าห้องเช่าราคาถูกและใช้จ่ายได้แต่ไม่นาน ดังนั้นเธอจึงออกหางานทำเพื่อที่จะได้มีเงินไว้ใช้จ่าย
อันปันออกเดินหางานจนมาเจอร้านอาหารแห่งนี้เธอไม่รอช้ารีบเข้าไปสอบถามพนักงานในร้านทันทีว่ารับคนเพิ่มหรือเปล่าและก็ถือว่าเป็นโชคดีของเธอที่เพิ่งมีพนักงานลาออกไปทำให้เธอได้งานทำ งานที่นี่ถือว่าไม่หนักมากและรายได้ดีพอสมควรเพราะแต่ละวันเธอจะได้ทิปบวกกับค่าจ้างทำให้เธอไม่ลำบากมากจนต้องหางานอื่นทำเพิ่มอีกแถมผู้จัดการร้านและเจ้าของก็ยังใจดีกับเธออีกด้วย พอเดินเข้ามาภายในร้านอันปันก็ได้ยินเสียงทักทายดังมาจากทางด้านหลังทำให้เธอต้องหันไปตามเสียงนั่น
“อ้าว!!! น้องปันมาแล้วเหรอ” แอนผู้จัดการของร้านเอ่ยทักสาวน้อยคนสนิทที่เพิ่งเดินเข้ามา เธอรักและเอ็นดูเด็กคนนี้เหมือนกับน้องสาวเลยทีเดียวด้วยเพราะนิสัยดี อ่อนน้อมถ่อมตนและขยันทำงานไม่เอาเปรียบใคร
“สวัสดีค่ะ พี่แอน” อันปันยกมือไหว้ทักทายแอนที่เป็นผู้จัดการร้านอาหารแถมยังใจดีกับเธออีกด้วย
“ไปรับออเดอร์ที่โต๊ะด้านนอกให้พี่หน่อยนะจ๊ะ พอดีพี่ติดลูกค้าโต๊ะหนึ่งอยู่”
“ค่ะ” อันปันตอบรับพร้อมกับส่งยิ้มหวาน ๆ ไปให้แอนก่อนที่จะหยิบสมุดจดแล้วเดินออกไปรับออเดอร์ด้านนอกทันที
ที่ร้านนี้จะเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์จะเปิดบริการตั้งแต่สิบเอ็ดโมงจนถึงเที่ยงคืน ในช่วงค่ำจะมีนักร้องสลับเปลี่ยนหมุนเวียนมาร้องเพลงให้ลูกค้าฟังซึ่งลูกค้าของร้านส่วนมากก็จะเป็นวัยรุ่นและนักศึกษาเพราะร้านแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากสถานศึกษามากนัก
หลังเลิกงานอันปันก็รีบเปลี่ยนชุดเก็บของเดินกลับห้องพักที่อยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารนี้ ชีวิตของเธอก็จะวนลูปอยู่แบบนี้ไม่ค่อยมีอะไรหวือหวาหรือเปลี่ยนแปลงมากนัก ตื่นเช้าไปเรียนเลิกเรียกก็ทำงานแล้วก็กลับห้องพักแค่นั้น