“รัน...” เขาคิดว่าเป็นแฟนสาว แต่ปรากฏว่าเป็นมะปราง
“ปรางเองพี่กัน ไม่ใช่ยัยรัน” คนพูดมองสภาพของชายหนุ่มที่แอบรักแล้วให้นึกสงสาร
“ทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอคะพี่กัน”
“พี่รักรันจริงๆ นะปราง จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด ถึงยังไงก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้พ่อกับแม่รันได้เห็นและยอมใจอ่อนให้ได้” มะปรางเป็นเพื่อนบ้านของกันภัย เธอคอยช่วยเขาให้ได้ลักลอบเจอกับรันนรินทร์หลายครั้ง
แม้จะแอบรักชายหนุ่มสักแค่ไหน แต่เขาไม่รักเธอ เมื่อเขาขอร้อง เธออยากให้เขามีความสุข จึงต้องช่วยเหลือเขาเรื่องรันนรินทร์ แม้จะเจ็บปวดหัวใจเพียงใดก็ตามที
เธอเพิ่งสำนึกว่าตัวเองทำผิดมากมายนักที่ช่วยให้เขาได้สมหวังกับรันนรินทร์ เธอสัญญาว่าจากนี้ต่อไปเธอจะทำทุกวิถีทางให้สองคนนี้เลิกกัน
“พี่กันค่อยๆ เดินนะจ๊ะ” มะปรางประคองกันภัยขึ้นบ้านก่อนจะช่วยปฐมพยาบาลทำแผลให้เขา กันภัยนั่งใจลอยคิดถึงแต่แฟนสาว ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นเช่นไรบ้าง
“พ่อแม่ของรันน่ะเขาเจ้ายศเจ้าอย่าง เขาไม่ชอบคนอย่างเราๆ หรอก” มะปรางพูดเหมือนจะให้กันภัยปลงและตัดใจจากรันนรินทร์เสียที แต่เขาคิดไปอีกทางว่าต้องมีหนทางที่จะพิชิตใจพ่อแม่ของหญิงสาวไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
“พี่คิดว่าความดีจะทำให้พ่อแม่ของรันใจอ่อน”
“ต่อให้พี่ทำดีสักสิบชาติพวกเขาก็เห็นเงินดีกว่า” มะปรางโพล่งออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ
“แต่พี่จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด”
“พ่อแม่ของรันน่ะเขาเตรียมหาสามีให้รันแล้วละค่ะ ว่าที่ลูกเขยเป็นลูกผู้ว่าราชการจังหวัด อย่างพี่กันเทียบเขาไม่ได้หรอก” มะปรางพูดอย่างหมั่นไส้ และเตือนอีกฝ่ายให้เจียมเนื้อเจียมตัว
“จริงเหรอปราง!” กันภัยถามอย่างตกใจ
“จริงสิจ๊ะ ฉันจะโกหกพี่ทำไม เขาลือกันให้แซด พี่นั่นแหละมัวแต่หลงยัยรัน จนไม่รู้อะไร ยัยรันเองก็คงไม่กล้าบอกพี่สินะ จริงๆ คนรักกันไม่ควรมีความลับต่อกัน”
“แต่รันรักพี่”
“ระหว่างพี่กับพ่อแม่ พี่คิดว่ารันจะเลือกอะไรจ๊ะ เขาเกิดมาร่ำรวย จะมาทนกัดก้อนเกลือกินกับพี่ได้เหรอ ถ้าพ่อแม่เขาตัดออกจากกองมรดก เขาจะยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างมาอยู่กับพี่เหรอ ไม่มีทางเสียหรอก ปรางไม่เชื่อเด็ดขาด”
“แต่พี่จะขยันไม่ให้รันต้องลำบาก”
“พี่ต้องหาเงินให้เขาผลาญสักเท่าไหร่กัน พี่ดูรันแต่งตัวสิ เสื้อผ้าราคาแพง รองเท้ายี่ห้อดัง กระเป๋าแบรนด์เนม พี่มีปัญญาเหรอ” มะปรางพูดให้กันภัยได้คิด
“แต่รันไม่ใช่คนฟุ้งเฟ้อ เขาบอกว่าพร้อมจะอยู่เคียงข้างพี่” เขาคบหาดูใจกับรันนรินทร์มานานหลายเดือน เธอไม่ใช่คนอวดร่ำอวดรวยและไม่เคยขอให้เขาซื้ออะไรแพงๆ ให้ ไม่เคยผลาญเงินเขาเลยแม้แต่น้อย เธอชอบชีวิตสมถะของเขา ไม่เคยพูดจาดูถูกเลยแม้แต่ครั้งเดียว มะปรางยิ่งหงุดหงิดเมื่ออีกฝ่ายไม่ฟังที่เธอเตือน
“เลิกพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้สักทีเถอะค่ะ”
“พี่มั่นใจในตัวรัน พี่รักรันและรันก็รักพี่ รันเป็นคนดีไม่เคยรังเกียจพี่”
“อย่าให้ปรางพูดเลย”
“ทำไมปรางพูดเหมือนไม่ชอบรัน ทั้งๆ ที่แรกๆ สนับสนุนเราสองคน” เธออยากจะพูดเหลือเกินว่าที่สนับสนุนเพราะเขาขอร้องไม่ใช่เหรอ เธออยากช่วยแต่แรกเสียเมื่อไหร่ แต่ก็เปล่าประโยชน์ กันภัยหลงรันนรินทร์หน้ามืดตามัวเสียขนาดนี้
“เพราะปรางเห็นนิสัยของยัยรันยังไงล่ะคะ เขาแค่หาอะไรตื่นเต้นทำ หนีพ่อแม่มาหาพี่ เขาเป็นสาวชาวกรุง เจอหนุ่มๆ นิสัยดี น่ารัก มีชาติตระกูลการศึกษาดี พี่คิดดูสิ พี่กระจอกขนาดนี้ การศึกษาก็ต่ำ จะไปเทียบชั้นอะไรกับเขาได้ เขาก็แค่ให้ความหวังพี่ไปวันๆ เท่านั้นแหละ”
“ปราง!!!” กันภัยตกใจในคำพูดของมะปราง
“ปรางพูดตรงที่สุดแล้วให้พี่กันได้สติ อย่ามัวแต่คิดว่ายัยรันดีเลย นี่ผู้ใหญ่ทางฝ่ายผู้ชายเขามาทาบทามสู่ขอยัยรันแล้วนะ เค้าได้เล่าให้พี่ฟังรึเปล่าล่ะ”
“ไม่ได้เล่า” กันภัยส่ายหน้าไปมา
“นั่นปะไร เขารู้กันไปทั่ว แล้วรันเคยคิดจะบอกพ่อแม่ไหมว่าคบกับพี่” กันภัยส่ายหน้าไปมาอีก รู้สึกโหวงในอกพิกล ใจหนึ่งก็คิดว่ารันนรินทร์ไม่น่าเป็นคนแบบนั้น เขาแอบคบกับเธอมาครึ่งปี ไม่เคยเห็นว่าเธอจะเป็นคนร้ายกาจแบบนั้น
“ปรางเตือนพี่ด้วยความหวังดีแล้วนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน” มะปรางนำอุปกรณ์ทำแผลไปไว้ที่ตู้ยา กันภัยเป็นคนเรียบร้อยมาก ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ จัดวางให้หยิบจับง่ายและสะอาดสะอ้าน ไม่ใช่แค่รันนรินทร์หรอก มะปรางรู้ดีว่าผู้หญิงทุกคนแถบนี้ อยากได้กันภัยเป็นสามีด้วยกันทั้งนั้น
“พี่กันควรจะหาผู้หญิงที่มีฐานะเท่าเทียมกัน ช่วยกันทำมาหากิน จะได้ไม่ดิ้นรนจนเหนื่อยต้องดูแลเมียคุณหนูอย่างนั้น ยัยรันน่ะเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ พี่ต้องดิ้นรนจนเหนื่อยแค่ไหนเพื่อทำให้เขาสุขสบาย แต่ถ้าผู้หญิงที่มีฐานะเท่าเทียมพี่ เขาจะขยันช่วยพี่ทำมาหากิน ดีกว่ายัยรันมากมายนัก”
“แต่พี่รักรัน ลำบากแค่ไหนพี่ก็ทนได้ เพื่อให้เขามีความสุข” กันภัยพูดแค่นั้นก่อนจะนั่งเหม่อลอย เขาไม่ฟังคำใครทั้งนั้น จนกว่าจะได้ยินจากปากของแฟนสาวว่าเธอไม่ได้รักเขาจริงๆ
มะปรางสะบัดหน้าพรืด ก่อนจะเดินลงจากบ้านของกันภัยมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่เขาไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาเลยสักครั้งเดียว
รุ่งเช้าของวันใหม่...
“นั่นทำอะไรน่ะ!!!” กันภัยถามอย่างตกใจเมื่อเห็นร้านขายอาหารตามสั่งของเขาถูกรื้อกระจุยกระจายไปหมด แถมยังโดนทำลายจนไม่มีชิ้นดี
“อะไรอย่างนั้นเหรอ นี่มันที่ดินเจ้านายกู เขาไม่ให้มึงเช่าแล้ว ไสหัวไปซะ” ลูกน้องหน้าเหี้ยมของประจวบพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน ข้าวของและอุปกรณ์ทำอาหารของกันภัยถูกโยนนออกมาหน้าร้านจนหมด แตกหักเสียหายกระจายเกลื่อนพื้น
“แต่ฉันเช่าแล้ว” กันภัยบอกอย่างตกใจหน้าซีดเผือด
“แต่คุณประจวบยกเลิกแล้วโว้ย มึงจะไปขายที่ไหนก็ไป”
“ทำแบบนี้ไม่ได้นะ” กันภัยโวยวายไม่ยินยอม
“ไม่ได้แล้วมึงจะเอายังไง เจ้านายกูฝากมาบอกมึงว่าถ้าอยากขายตรงนี้มึงก็ขอซื้อสิ เผื่อเจ้านายกูใจดีขายให้ แต่ไร่ละห้าล้านนะโว้ย”
“มันหน้าซีดว่ะลูกพี่” พวกมันพูดกันอย่างเฮฮา ไม่ได้สำนึกในความชั่วช้าที่ทำเลยแม้แต่น้อย
“ฮ่า ๆ ๆ คงไม่มีปัญญาล่ะสิ กระจอกอย่างมึงอย่ามายุ่งกับคุณหนูของกูอีก แล้วจะหาว่าไม่เตือน”
พวกมันหัวเราะร่วนอย่างสบายใจที่ได้ทำลายข้าวของจนหมดสิ้น ก่อนจะเดินยืดอกออกไปจากร้าน วางก้ามนักเลงใหญ่โต
กันภัยทิ้งตัวนั่งลงเก็บข้าวของของตัวเองด้วยความเจ็บใจระคนกับความแค้นใจที่ถูกหยามเช่นนี้ เขาไม่มีวันยอมแพ้อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด
“พี่เห็นไหมล่ะ ปรางบอกแล้วว่ามันไม่ง่ายหรอกนะที่จะคบกับรันนรินทร์ พ่อแม่เค้ารังเกียจจะตายไป”
“พี่รู้แล้วปราง ไม่ต้องตอกย้ำหรอก” กันภัยพูดอย่างเศร้าใจ รู้สึกเจ็บปวดและด้อยค่าเมื่อถูกหยามศักดิ์ศรีถึงเพียงนี้ แต่เขาไม่มีปัญญาทำอะไรได้เลย
“พี่รู้ไหมล่ะ ว่าถึงพี่จะขายอาหารตามสั่งก็ไม่มีใครมาซื้อพี่แล้วล่ะ” มะปรางพูดอย่างเหลืออด กันภัยเอาแต่พร่ำพรรณนาว่ารักรันนรินทร์ ไม่รู้ตัวเองเลยหรือไงว่าพ่อแม่พี่น้องของหล่อนเกลียดตัวเองจะตายไป ยังจะไปพร่ำเพ้อรักเค้าอยู่ได้
“ทำไมล่ะปราง พี่ทำไม่อร่อยเหรอ”
“พี่น่ะทำอาหารอร่อย แต่มีคนไปสั่งห้ามเอาไว้ ใครมาซื้ออาหารพี่โดนหนักแน่ๆ”
“ทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ”
“คนพวกนั้นเป็นลูกหนี้คุณประจวบพี่ก็รู้ พี่เองก็ติดหนี้เขาไม่ใช่เหรอ” กันภัยอึ้งไป หนี้ที่เขาไม่ได้ก่อ แต่ลุงของเขาเป็นคนก่อ ยายของเขาต้องรับภาระจนตายและมันก็พอกพูนขึ้น หากไม่เช่นนั้นบ้านของเขาก็จะถูกยึด ทุกวันนี้เขาต้องหาเงินใช้หนี้ให้คนอื่น แต่แลกกับที่ดินผืนเล็กๆ และบ้านหลังเดียวที่เขามีอยู่ ไม่เช่นนั้น คงต้องไปนอนข้างถนนอย่างแน่นอน