“ได้สิ งั้นเดี๋ยวฉันจะไปอุดหนุนขนมร้านแกเยอะ ๆ เลย ฉันเคยบอกเพื่อนที่ทำงานสั่งขนมร้านแกด้วยนะ”
“อื้อ ฉันต้องขอบใจแกมากนะปลาย ออร์เดอร์ส่วนหนึ่งก็มาจากตรงนั้นแหละ แต่ตอนนี้กำลังฝึกทำเค้กอยู่...” คำพูดของอริสาขาดหายไปเมื่อมองไปเห็นร่างสูงคุ้นตา
คนที่อยู่ในความคิดและจิตใจของเธอกำลังพูดคุยกับเพื่อนอย่างออกรส ทั้งสีหน้าท่าทางดูมีความสุขจนหญิงสาวอดที่จะปวดหน่วงในใจลึก ๆ ไม่ได้... ตอนที่เจอเธอไม่เห็นเขายิ้มแบบนี้บ้างเลย ออกจะดูเหมือนไม่ชอบกันเสียด้วยซ้ำ
“มองอะไรอยู่น่ะ เอ๊ะ นั่นรุ่นพี่ที่แกเคยชอบหรือเปล่านะ” เพื่อนสนิทชี้ไปทางดาราดังที่อยู่ห่างไปหลายโต๊ะจนมองแทบไม่ชัดทว่าก็ยังเปล่งประกายโดดเด่นจนคนทั่วไปต่างก็มองเห็น
“อือ ใช่...” เสียงหวานตอบเพื่อนแผ่วเบาคล้ายละเมอออกมา
“นี่แกยังชอบรุ่นพี่เขาอีกเหรอ เขาเป็นดาราไปแล้วนี่นา...ดังมากด้วย” เพื่อนสนิทจับไหล่ของเธอเขย่าเบา ๆ เพื่อเรียกสติ จึงทำให้คนตัวเล็กหันกลับมามองกันได้ เอ๋ยถอนหายใจแล้วเอ่ยตอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงคล้ายปลงตก
“ฉันตัดใจจากเขาไม่ได้ง่าย ๆ หรอก...ก็เขาเป็นรักแรกของฉันนี่”
“เอาล่ะครับ ตอนนี้ทุกคนคงมากันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ใครคิดถึงเพื่อนเก่าส่งเสียงหน่อยเร็วว” เสียงประธานจัดงานพูดใส่ไมค์เพื่อให้ทุกคนในงานได้ยิน
ฮิ้วววววว~~~~
คนในงานต่างก็ส่งเสียงกันเพื่อให้บรรยากาศดูสนุกสนานยิ่งขึ้นไม่เว้นแม้กระทั่งอริสากับปลายฝน เมื่อเธอรู้ว่าคนที่ชอบยังคงนั่งอยู่ที่เดิมจึงตัดสินใจละสายตามารับประทานอาหารแทน เธอตักเครื่องดื่มให้เพื่อนเหมือนที่ชอบทำเป็นประจำพลางนั่งฟังพิธีกรที่พูดเอนเตอร์เทน ทุกคนไปด้วยอย่างสนุกสนาน
“อาหารเครื่องดื่มอยู่บนโต๊ะที่ทุกท่านนั่งเลยนะครับ สามารถทานได้ตามอัธยาศัย และก่อนที่จะถึงช่วงทำความรู้จักรุ่นพี่รุ่นน้องเดี๋ยวจะเปิดเพลงคลอไปก่อนนะครับ ท่านใดอยากขอเพลงหรือร้องคาราโอเกะก็มาติดต่อทีมงานได้เลย” สิ้นเสียงประกาศของพิธีกรก็มีศิษย์เก่ารุ่นน้องของพวกเธอหลายคนไปขอเพลงกันจนต่อแถวแทบไม่ทัน เอ๋ยจึงหันไปถามเพื่อนบ้าง
“แกอยากขอเพลงบ้างปะ”
“ไม่เอาอ่ะ...ขี้เกียจ แกจะไปไหม”
“ฉันนั่งฟังเพลงที่คนอื่นเปิดดีกว่า ปล่อยให้น้อง ๆ ขอเพลงไปเถอะ” เสียงหวานใสเอ่ยพลางสอดส่ายสายตามองไปยังชายหนุ่มผู้ซึ่งโดดเด่นกว่าใคร เธอกำลังจะนึกย้อนไปถึงอดีตอีกแล้ว...
เอ๋ยพยายามตั้งสติไม่ให้ตัวเองเหม่อลอยนานจนเกินไป แต่กว่าจะรู้ตัวอีกทีเธอก็จมอยู่กับความคิดตัวเองจนกระทั่งมีเสียงเอ่ยเรียกจากบนเวทีทำให้สะดุ้งด้วยความตกใจ
“ตอนนี้ก็ดำเนินมาถึงช่วงเวลาสุดพิเศษแล้วนะครับ ขอเชิญคุณอริสาและคุณปภังกรมาแนะนำตัวในฐานะที่เป็นนิสิตจบจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ ขอเสียงปรบมือหน่อยครับทุกท่าน”
นั่นมัน...ชื่อของคนที่เธอชอบนี่ เราอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันด้วยหรือ หญิงสาวคิดขณะที่อึ้งเสียจนได้แต่อ้าปากค้าง เดือดร้อนให้ปลายฝนเพื่อนของเธอรีบสะกิดเรียกสติ ที่ผ่านมาเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย คงเพราะอยู่คนละคณะด้วยละมั้งถึงไม่เคยเจอกัน เธอนั่งทำใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจลุกเดินตรงขึ้นไปบนเวทีโดยที่อีกฝ่ายที่ถูกเชื้อเชิญก็เดินมาบนเวทีเช่นเดียวกัน หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เรียกสติก่อนจะเอ่ยแนะนำตัวเองและเล่าประสบการณ์คร่าว ๆ
“สวัสดีค่ะ อริสานะคะ เรียนจบจากคณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ตอนที่สอบเข้านี่ลุ้นมากเลยค่ะเพราะว่าเกณฑ์คะแนนสูงมาก กังวลมากว่าตัวเองจะสอบติดหรือเปล่าแต่สุดท้ายก็ติดจนได้ ก็เลยได้เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศแบบนี้...แต่กว่าจะเรียนจบมาได้ก็เครียดมากเหมือนกันนะคะ โพรเจกต์จบยากพอสมควรเลย”
“ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ได้ยินว่าเกรดของคุณอริสาก็ดีมาก ๆ เลยนะครับ”
“เพราะตอนนั้นสนใจแต่เรื่องเรียนค่ะ บอกตัวเองว่าต้องเรียนให้จบเท่านั้นก็เลยอ่านหนังสือแทบทุกวันเลย... เราพูดในส่วนของตัวเองมาเยอะแล้ว ให้คุณปภังกรบอกเล่าประสบการณ์ของตัวเองบ้างดีกว่าไหมคะ น่าจะน่าสนใจกว่ามากแน่เลย” เธอส่งไมค์ให้ชายหนุ่มทว่าก็ได้รับเพียงสายตาชิงชังตอบกลับมาจนอดรู้สึกแย่ไม่ได้ แม้จะเป็นเพียงชั่ววูบเท่านั้นก็ตาม
“สวัสดีครับ ผมปภังกร กิตติภัทร เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ครับ การเรียนในมหาวิทยาลัยนั้นเป็นช่วงเวลาที่ล้ำค่าสำหรับผมมากครับ เพราะได้เรียนรู้การวางตัวให้มีความเป็นผู้ใหญ่และมิตรภาพของเพื่อนในมหาวิทยาลัยมากมาย บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยดีมากครับ ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่สอบติดที่นี่จริง ๆ และดีใจที่ได้มาเล่าให้ทุกท่านฟัง ณ ที่แห่งนี้ ขอบคุณครับ”