อริสากำลังเปิดโทรศัพท์ดูยูทูปเบอร์ชื่อดังทำขนมในเมนูที่เธอไม่เคยทำมาก่อนมือเรียวรีบหยิบปากกามาจดสูตรซึ่งอยู่ด้านล่างของคลิป เธออยากทำขนมให้ได้หลากหลายเมนูเพื่อพัฒนาฝีมือนำไปเปิดร้านขนมเล็ก ๆ ของตัวเอง นั่นเป็นความใฝ่ฝันอย่างหนึ่งในชีวิตของเธอ หากสามารถทำได้จริงเธอก็คงจะมีความสุขมาก...
ผ่านไปหลายวันแล้วนับจากวันที่เธอได้ติดต่อกับดาราหนุ่มชื่อดังเป็นครั้งสุดท้าย มีพัสดุส่งมาหาเธอซึ่งภายในนั้นเป็นลิปสติกจริง ๆ แต่ดูเหมือนจะมีกระดาษโน้ตซึ่งเขียนตำหนิเธอเป็นลายมือของผู้หญิงส่งมาพร้อมกันด้วย... ถึงแม้อริสาจะรู้สึกงงที่ถูกต่อว่าจากคนแปลกหน้าทว่าเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก เมื่อได้ลิปสติกมาเธอก็ทิ้งซองพัสดุไปทั้งหมดรวมถึงกระดาษโน้ตนั่นด้วย
หญิงสาวหยิบกระดาษที่จดสูตรเอาไว้เตรียมนำออกไปดูระหว่างฝึกทำขนมเพื่อให้การตวงแต่ละขั้นตอนไม่พลาด ทว่ากลับต้องทำหน้างงเมื่อมองเห็นข้อความที่ส่งเข้ามาทั้งในกล่องข้อความปกติและไลน์พร้อมกันเสียก่อน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความแล้วก็ต้องรู้สึกแปลกใจเพราะนั่นเป็นข้อความจากโรงเรียนมัธยมที่เธอเรียนจบมา ภายในนั้นมีข้อความเชิญชวนว่า
งานคืนสู่เหย้า SN รุ่น 101-110 เริ่มขึ้นแล้ว!!
ขอเชิญศิษย์เก่าทุกท่านที่เรียนจบไปไม่เกินสิบปีมาที่งานคืนสู่เหย้าเพื่อพบปะสังสรรค์กับเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยมปลาย
บอกเล่าประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาให้รุ่นน้องฟัง และร่วมกันทำกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมายในงาน โดยงานจะจัดในวันที่ 30 เดือนนี้ เวลา 19:00 น. ที่อาคารอเนกประสงค์ของโรงเรียน ชั้น 2
ทั้งหมดนี้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย
อย่าลืมมากันเยอะ ๆ นะครับ
จาก ประธานรุ่น 107
“น่าสนใจแฮะ ไหน ๆ ก็ว่างอยู่แล้ว” เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ หลังจากอ่านจบ เพราะไม่ได้กลับไปที่โรงเรียนมัธยมนานมากแล้ว อีกทั้งยังไม่ค่อยได้ติดต่อกับเพื่อนสมัยมัธยมศึกษาตอนปลายสักเท่าไรจึงอยากลองกลับไปสัมผัสบรรยากาศแบบเดิมดูบ้าง...เพราะการเรียนในโรงเรียนก็เป็นความทรงจำที่ล้ำค่าสำหรับเธอเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ
อีกอย่าง บางทีเขาคนนั้นอาจจะไปด้วยก็ได้นะ...อย่างน้อยเธอคงได้มีโอกาสได้เข้าใกล้คนที่แอบชอบมาเนิ่นนานบ้าง แม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีเธอก็ดีใจมากแล้ว
หญิงสาวในชุดเดรสสีชมพูแขนยาวโดยมีกระโปรงยาวคลุมเข่าเล็กน้อย กำลังหมุนตัวไปมาเพื่อเช็กตัวเองในกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นภาพของเธอได้ทั้งตัว วันนี้เธอแต่งหน้าอ่อน ๆ ด้วยโทนสีธรรมชาติเหมาะกับงานเลี้ยงที่โรงเรียนซึ่งไม่จำเป็นต้องจัดจ้านมากนัก อริสาหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กเกี่ยวไว้บนไหล่ก่อนจะเดินออกไปสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาด แล้วออกเดินทางในเวลาเกือบหกโมงเย็น เนื่องจากโรงเรียนที่เธอเรียนจบมาค่อนข้างอยู่ห่างจากบ้านพอสมควรจึงต้องเผื่อเวลาเดินทางไว้หนึ่งชั่วโมงไม่ให้สาย
เมื่อไปถึงโรงเรียนเธอก็พบว่ามีศิษย์เก่าหลายรุ่นมากันเยอะพอสมควรแล้ว บางคนก็ดูเหมือนจะมีอายุมากกว่าเธอหลายปี แต่บางคนก็มีหน้าตาเด็กกว่าเล็กน้อย... ก็แน่ล่ะ นี่เป็นงานพบปะที่รวมศิษย์เก่าหลายรุ่นนี่นะ อริสาใช้เวลานึกแผนผังอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเดินตรงไปยังอาคารอเนกประสงค์ซึ่งมักจะเป็นสถานที่จัดประชุม หรือเรียกรวมนักเรียนทั้งระดับชั้นให้ทำกิจกรรมร่วมกัน รวมถึงการจัดงานเลี้ยงต่าง ๆ ของโรงเรียน
เธอพยายามมองหาคนที่น่าจะรู้จักสักคนเพื่อให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง แต่เมื่อเธอเซ็นชื่อของตัวเองลงในใบเช็กจำนวนคนเข้างานแล้วกลับไม่พบใครที่น่าจะรู้จักเลย ส่วนใหญ่จะมีแต่รุ่นพี่ที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มบ้างคู่บ้าง หญิงสาวยืนเคว้งอยู่พักใหญ่ก่อนจะได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง
“เอ๋ย! แกมางานนี้ด้วยเหรอเนี่ย” เจ้าของชื่อรีบหันกลับไปตามเสียงก่อนจะเผยยิ้มกว้างด้วยความดีใจเมื่อเจอเพื่อนซี้สมัย ม.ปลายอย่าง ปลายฝน ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่มัธยมต้นจนถึงวันจบการศึกษา เรียกได้ว่าสนิทกันมายาวนานมากทีเดียว
“ยัยปลาย ฉันคิดถึงแกมากเลย...มางานนี้นึกว่าจะไม่เจอเพื่อนซะแล้ว” เธอพูดไปยิ้มไปพลางจับมือเพื่อนสนิทให้ไปหาที่นั่งด้วยกันจนปลายฝนอดแปลกใจไม่ได้ “เดี๋ยวนี้แกสวยขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย ไม่เหมือนสมัยเรียนที่เป็นเด็กเนิร์ดใส่แว่นเลย”
“คนเราก็ต้องมีเปลี่ยนแปลงกันบ้างน่า เราไปนั่งโต๊ะนั้นกันดีกว่า” เธอพาเพื่อนให้มานั่งที่โต๊ะใหญ่ซึ่งยังมีที่ว่างเหลืออยู่หลายที่ด้วยกัน แม้จะไม่ได้สนิทสนมกับคนร่วมโต๊ะเป็นพิเศษแต่เพราะเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันเสียส่วนใหญ่จึงไม่รู้สึกอึดอัดใจกับการนั่งด้วยกัน
“แกเป็นยังไงบ้าง ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ติดต่อกันเลยเพราะฉันงานเยอะมาก...ขอโทษน๊า” ปลายฝนถามขึ้นมาก่อนส่งยิ้มให้เพื่อนสาวในวันวาน
“ก็เหมือนเดิมแหละ แต่แกดูยุ่ง ๆ มากเลยนะยัยปลาย”
“ก็เหมือนที่ฉันบ่นกับแกแหละว่างานยุ่งมากเว่อร์ ไว้บริษัทฉันรับฟรีแลนซ์ทำโพรเจกต์แต่ได้เงินดีฉันจะชวนแกคนแรกเลย” ปลายฝนพูดด้วยความกระตือรือร้นด้วยคงเพราะว่าอยากให้เพื่อนสนิทสมัยเรียนไปทำงานด้วยกัน แต่พอฟังแล้วเธอก็รู้สึกว่างานที่ทำอยู่ตอนนี้น่าจะดีกว่า...แม้จะได้เงินไม่เยอะมากนักก็ตาม
“ขอบใจมากนะปลาย” หญิงสาวบอกเพื่อนไปตามตรงแม้ว่าปลายฝนจะดูเศร้าลงแต่ก็เพียงนิดเดียวเท่านั้นก่อนจะชวนคุยต่อ