เขาเคลื่อนไหวเงียบเชียบ แนบแผ่นหลังกับกำแพงเพื่อดูสถานการณ์ข้างในห้องพักให้แน่ใจว่าวิทยาจะไม่หันมาเห็นหน้าเขาก่อนลงมือ ชายหนุ่มหลบอยู่หลังมุมตู้เมื่อเห็นหนุ่มหล่อเฟี้ยวในชุดหรูเมื่อครู่ตอนนี้เปลือยกายล่อนจ้อนและเดินอาดๆ อยู่ในห้องพักพร้อมผิวปากอย่างสบายอารมณ์ เสื้อผ้าอาภรณ์ถูกเหวี่ยงกองอยู่บนพื้นห้องโดยไม่เหลียวแล
ส่วนพุดพิชญา เธอถูกวางทิ้งไว้บนเตียงในสภาพหลับสนิท และเสื้อผ้ายังถูกสวมอยู่บนตัวครบครันดีเหมือนตอนขาขึ้นมา
ไอแซคโกย่างฝีเท้าเบากริบไปยังทิศที่ตั้งของสวิตช์ไฟเมื่อเห็นวิทยาตั้งกล้องซ่อนไว้ข้างโคมไฟเรียบร้อยและเดินเปลือยกลับไปหาพุดพิชญาบนเตียง เขาถอดเทคไนออกมาผูกตาไว้และนับหนึ่งถึงยี่สิบในใจเพื่อให้สายตาเคยชินกับความมืดหลังปิดไฟและดึงเนคไทออกจากดวงตา
เมื่อแสงสว่างถูกดับ
เกิดเสียงสันมือกระแทกท้ายทอยเพียงครั้ง เสียงอุทานหยาบคายของวิทยาก็เงียบไป
ง่ายเกินไปจนน่าเบื่อ
ไอแซคโกคิดขณะอุ้มพุดพิชญาขึ้นบันไดเวียนเพื่อพาเธอไปส่งที่ห้องนอน อันที่จริงนี่เป็นโอกาสอันดีของเขาที่จะได้ดำเนินการตามแผนการที่เตรียมมาตั้งแต่แรก แต่เพราะการเฝ้าสังเกตการณ์ในช่วงที่ผ่านมา ยังมีอะไรบางอย่างสะกิดใจเขา...
พุดพิชญาร้ายกาจ เอาแต่ใจ
และปฏิบัติกับคนรับใช้ราวกับไม่ใช่คน!
นั่นเป็นความจริงที่เขาได้เห็นกับตาตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาในบ้าน จนแม้แต่เมื่อวานที่เธอโวยวายเด็กรับใช้เรื่องเสื้อผ้าอะไรสักอย่างที่ไอแซคโกฟังไม่ออก เพราะเขาไม่รู้ภาษาไทย
เขารู้แค่ว่าเสื้อเธอเป็นรอยเตารีดนิดเดียว และแค่ตัวเดียวจากหลายร้อยตัวในห้องเสื้อผ้า แต่เธอโวยวายด่าทอราวกับว่านั่นเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของตนอย่างไรอย่างนั้น
แต่อีกมุม... ที่ออฟฟิศเธอกลับนิ่งสง่า ใจเย็น มุ่งมั่นกับงานจนหลายครั้งเธอจมลงไปกับมันเสียจนลืมทุกอย่างรอบตัว เธอกลายเป็นอีกคนที่ไม่เหมือนคุณหนูจอมวีนที่บ้าน กับเขา... แม้ว่าเธอจะวางอำนาจบาตรใหญ่ แต่ไม่รู้ทำไม บางทีไอแซคโกก็รู้สึกว่าได้รับเกียรติจากเธอมากเกินกว่าจะถูกเธอเหยียดว่าก็แค่ขี้ข้าของพ่อ อย่างที่เขาคิดว่าจะได้เจอ
อีกไม่เกินสามวัน เขาสัญญากับตัวเอง
ถ้าหากเขามั่นใจเมื่อไหร่ว่าเธอคือตัวการที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องกลายเป็นคนไข้ในโรงพยาบาลบ้า...
เขารับรองเลยว่าเธอจะได้รับความเจ็บปวดคืนกลับไปมากกว่า ที่น้องสาวของเขาต้องเจอมาทั้งชีวิตแน่!!!
ไอแซคโกพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สิ่งที่คิดในหัวทำให้ความโกรธเกรี้ยวของเขาถูกกระพือให้ยิ่งลุกโหมแรงเหมือนไฟป่า ชายหนุ่มหยุดสูดลมหายใจลึกๆ หน้าประตูสลักลายนกยูง ก่อนเปิดเข้าไป กลิ่นหอมอวลของอิสตรียังลอยกรุ่น กลิ่นเดียวกับผิวกายเธอ
ชายหนุ่มใช้เท้าดันประตูปิด ก่อนเดินไปที่เตียงขนนกสีขาวสะอาดและวางพุดพิชญาลงบนผ้านวมโดยไม่คิดจะห่มมันให้เธอ
ก็ไม่ใช่กงการอะไรของเขานี่
แต่เมื่อจะหมุนตัวเดินออกจากห้อง สายตาเจ้ากรรมก็พลันเหลือบไปเห็นเธอพลิกกายกอดตัวเองด้วยความหนาว ชายหนุ่มยืนนิ่งทื่อ สัญชาตญาณร้องบอกให้กลับไปห่มผ้าให้เธอ แต่ความโกรธเกลียดในใจก็ห้ามปรามอย่างแข็งขัน ครู่หนึ่ง ไอแซคโกจึงถอนหายใจยาว หันกลับไปเอื้อมมือผ่านตัวเธอเพื่อดึงผ้าห่มกลับมาคลุมร่างบาง หากแต่มือเล็กนุ่มกลับผลักอกเขาทันควัน
แม้ไม่สะดุ้งสะเทือนกับแรงผลักนั้น แต่ชายหนุ่มก็ถอยออกมามองสบตาวาววามของหญิงสาวที่ลืมตาขึ้นมองเขาเขม็ง
“ทำอะไรน่ะ?”
คนถูกถามไม่ตอบ หากแต่ขยับยืนเต็มความสูง ปล่อยให้เธอยกมือขึ้นแตะศีรษะอย่างมึนงง
กระทั่งพุดพิชญาขยับตัวลุกโงนเงน ก่อนนั่งลงปลายเตียงและเงยหน้ามองเขา เธอขยับริมฝีปาก เหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างที่ไอแซคโกเดาว่าเธอคงไล่เขาออกจากห้องส่วนตัวของเธอไป แต่หญิงสาวก็หุบปากสนิทในขณะที่ยกมือขึ้นนวดขมับราวกับว่ามันจะช่วยไล่อาการมึนงงออกไปได้
ครู่ใหญ่ กว่าที่พุดพิชญาจะเงยหน้ามองเขาอีกรอบ
“ทำไม...”
คำถามต่อมาหายไปในลำคอ ก่อนที่เธอจะถอนหายใจเฮือก ใบหน้าเธอยังแดงซ่านจากฤทธิ์เหล้า และดวงตาที่หรี่ปรือนั้นก็ชุ่มฉ่ำกว่าที่เคย จนไอแซคโกรู้ตัวว่าเขาไม่ควรยืนอยู่ในห้องนี้ นานเกินไปกว่านี้ ไม่อย่างนั้นเขาอาจทำอะไรที่ทำให้แผนการรวนไปหมด
เขารู้ว่าเขามีแผนสำรองเสมอ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ชอบวิ่งแก้ไขความผิดพลาดที่ป้องกันได้
“ผมขอตัว”
เขาก้มศีรษะให้เธอนิดหนึ่งในขณะที่เธอก้มลงมะงุมมะงาหราพยายามถอดรองเท้าส้นสูงสีแดง แต่ชั่วขณะที่กลับหลังหัน ก็ได้ยินภาษาอังกฤษแผ่วพลิ้วเอ่ยขึ้นอย่างอาจหาญ
“ถอดรองเท้าให้ฉันก่อน”
ไอแซคโกกำหมัดแน่น นับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อขับไล่ความโกรธกรุ่นที่พลุ่งขึ้นมาผลักศักดิ์ศรีที่ค้ำคอ ชายหนุ่มคลายกำปั้นออก ปิดเปลือกตา เตือนตัวเองว่าไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะขัดคำสั่งอย่างบ้าอำนาจนั้นได้ เขาหมุนตัวกลับไปนั่งลงที่ปลายเตียง ก้มลงดึงเท้าเธอมาวางบนตักและดึงรองเท้าส้นสูงที่ดูเหมือนจะคับนิดหน่อยออก เธออุทานในคอด้วยความเจ็บ ก่อนสั่งเสียงเขียว
“เบาหน่อยสิ!”
ชายหนุ่มไม่โต้ตอบ เขาดึงเท้าเธออีกข้างขึ้นมาถอดรองเท้าออก ก่อนวางรองเท้าไว้คู่กันปลายเตียง แต่เมื่อขยับจะลุกขึ้นและถอยห่างอย่างรังเกียจ มือเล็กบอบบางกลับขยุ้มไหล่เสื้อเขาไว้
“ไปเอากะละมังรองน้ำอุ่นมา หยิบน้ำมันหอมระเหยตรงนั้นมาด้วย ขวดเล็กๆ น่ะ” เธอชี้มือไปยังขั้นวางของที่มีขวดจิ๋วๆ วางเรียงเป็นตับ “ขวดไหนก็ได้ เร็วๆ”
พุดพิชญาขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด อาจเพราะเขาเอาแต่นั่งมองหน้าเธอ ไม่ทำตามคำสั่งเสียที และไอแซคโกเองตอนนี้ก็ใจเย็นพอ จะปฏิบัติตามนั้น เขาวางกะละมังน้ำอุ่นลง หยดน้ำมันนิดหนึ่ง ในขณะที่เธอแช่เท้า เขาก็ลุกไปหยิบผ้าขนหนูมารอ กระทั่งเธอยกเท้าส่งมาให้ราวกับราชินีปฏิบัติต่อทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์
และในตอนนี้ไอแซคโกก็พร้อมยินยอมเป็นทาสให้เธอโขกสับอย่างไรก็ได้ เพราะเขารู้ว่าหากอดทนจนถึงวัน ‘จัดการ’ ตามแผนเมื่อไหร่
เขาจะเอาคืนเธอได้เป็นร้อยเท่าพันทวี!