เมามายที่ 1
ครอบครัวอบอุ่นที่แสนยากจน
“กินเสียสิซือเอ๋อร์ เจ้าจะได้กลับมาแข็งแรงไวๆ”
ดวงตาวิบวับเต็มไปด้วยความห่วงใยทำให้คนป่วยถึงกับฝืนยิ้มออกมา ก้มมองข้าวเปล่ากับไข่ต้มหนึ่งฟอง ในขณะที่ถ้วยข้าวของบิดา มารดา และน้องชายนั้นเป็นเพียงข้าวเปล่าคลุกน้ำมัน
ครอบครัวสกุลหลิวตกต่ำถึงเพียงนี้เชียวหรือ ในเสี้ยวแห่งความทรงจำนั้น นางเห็นว่าในต้นชีวิตของหลิวซือเย่เต็มไปด้วยความสุขสมบูรณ์พรั่งพร้อม เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ใช้ชีวิตอยู่บนกองเงินกองทองที่มากมายราวกับไม่มีวันหมด
‘คุณหนูหลิว’
นั่นคือคำที่ทุกคนต่างใช้เรียกขานด้วยความเคารพ บ้านของนางหลังใหญ่จนเรียกได้ว่าคฤหาสน์ บิดานั้นเป็นพ่อค้ามั่งคั่งผู้รอบรู้เรื่องสมุนไพรจนได้ชื่อว่าเป็นคหบดีคนสำคัญแห่งเมือง มีบ่าวไพร่บริวารรายล้อม ค้าขายสมุนไพรส่งออกไปยังเมืองอื่นๆ จนมีชื่อเสียงโด่งดัง
ในเมืองฮุยผิงแห่งนี้มีตระกูลพ่อค้าสมุนไพรอยู่สองตระกูล คือสกุลหลิวและสกุลจง จะเรียกว่าทั้งสองไม่ถูกกันก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะมีเพียงสกุลจงที่ตามอิจฉาริษยาสกุลหลิวเรื่อยมา
ร้ายที่สุดคือการใส่ร้ายและสร้างหลักฐานเท็จว่าสมุนไพรที่ใช้ในการทำยาของสกุลหลิวมีพิษร้ายเจือปน ทำให้มีคนเสียชีวิตสองคน เรื่องราวใหญ่โตบานปลาย ชื่อเสียงของสกุลหลิวป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี
ประมุขของสกุลหลิวถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร ถูกคุมขังแล้วนำตัวขึ้นศาล เมื่อไม่มีหลักฐานมาหักล้างความบริสุทธิ์ จึงถูกตัดสินโทษจำคุกสิบห้าปี
แต่หลิวซีถิงเป็นนักโทษมีความประพฤติดีจึงได้รับงดเว้นโทษเหลือเพียงสิบปี
ณ เวลานี้เขาพ้นโทษออกมาได้สองปีแล้ว โดยศาลมีคำสั่งว่าสกุลหลิวไม่มีสิทธิ์ในการค้าขายสมุนไพรสด สมุนไพรอบแห้งเพื่อทำเป็นยาได้อีกโดยเด็ดขาด
หญิงสาวใช้ตะเกียบคีบข้าวเข้าปากด้วยความรู้สึกกล้ำกลืน จุกแน่นไปที่ลำคอกับความอยุติธรรมที่คนเหล่านี้ได้รับ ในความทรงจำของร่างนี้นั้นราวกับนกน้องปีกหักซัดเซ กระนั้นก็เป็นนกน้อยที่เข้มแข็งที่จะหยัดยืนอยู่บนโลกบิดเบี้ยวใบนี้ด้วยสองขาของตน
เวลานั้นคุณหนูหลิวซือเย่มีอายุหกปี ในขณะที่คุณชายหลิวซือห้าวมีอายุได้เพียงสองเดือนเท่านั้น หลิวเย่อิงผู้เป็นมารดาเพิ่งคลอดบุตรก่อนกำหนดทำให้มีร่างกายอ่อนแอ จึงล้มป่วยหนักเพราะตรอมใจที่สามีโดนใส่ร้ายจนติดคุก
เงินทองมากมายถูกนำมาใช้จ่ายให้กับลูกค้าที่ได้รับความเสียหายจากสมุนไพรที่ได้รับการปนเปื้อน อีกทั้งพ่อบ้านที่คอยดูแลตระกูลก็ยักยอกทรัพย์สมบัติมีค่านำออกไปขายจนหมด
เพียงแค่สามปีหลิวเย่อิงจึงต้องตัดใจขายคฤหาสน์ซึ่งเป็นเรือนหลังใหญ่ในกลางเมืองฮุยผิง แล้วอพยพมาอยู่กระท่อมหลังเล็กๆ ที่ชายป่าแห่งนี้แทน
สุขภาพของนางเริ่มดีขึ้นเพราะต้องกัดฟันปกป้องดูแลบุตรทั้งสอง นางหาของป่า รับจ้างทำสวน รับจ้างซักผ้า ทำงานทุกอย่างเพื่อคอยหาเลี้ยงลูกน้อยจนเติบใหญ่
ในขณะที่หลิวซือเย่นั้นก็ขยันขันแข็ง ช่วยมารดาเลี้ยงน้องโดยการแบกน้องไว้บนหลัง แล้วออกไปเก็บของป่าไปขายที่ตลาดทุกเช้า
กระนั้นคนของตระกูลจงก็ยังไม่หยุดความริษยา สร้างเรื่องว่ายังมีผู้เสียหายอีกรายที่ต้องการการชดใช้ บีบบังคับให้สามแม่ลูกต้องเป็นหนี้สินถึงหนึ่งตำลึงทอง
พวกนางทำงานหาเงินใช้หนี้จนไม่มีเหลือกินเหลือใช้ เมื่อบิดาพ้นโทษออกจากคุก ก็เข้าป่าหาไม้มาเผ่าถ่านนำไปขายเพื่อใช้หนี้ก้อนนี้
กระนั้นพวกมันก็ยังส่งคนมาทวงหนี้ที่ทบต้นทบดอกจนพอกพูนราวกับไม่มีวันหมดเพื่อบีบบังคับให้สกุลหลิวขายกระท่อมที่ซุกหัวนอน อีกทั้งยังทำร้ายร่างกายหลิวซือเย่จนสลบไป ศีรษะของนางกระแทกเข้ากับก้อนหินอย่างแรงทำให้เสียชีวิต วิญญาณหลุดออกจากร่างจนเป็นเหตุใดแม่เล้ายองใยมาสวมร่างนี้แทนเพื่อใช้ชีวิตต่อไป
“ไข่ใบนี้มีค่านัก ข้าไม่อาจกินคนเดียวได้”
ยองใยในร่างหลิวซือเย่แบ่งไข่ต้มออกเป็นสี่ส่วน ก่อนจะคีบใส่ชามข้าวให้บิดา มารดา และน้องชาย
“แต่ว่าเจ้าไม่สบาย เจ้าควรที่จะต้องกินไข่ใบนี้”
ผู้เป็นบิดารีบทักท้วงด้วยความร้อนใจ คนที่เคยท้วมจนเกือบจะอ้วน มีสง่าราศีนุ่งห่มผ้าแพรพรรณราคาแพง กลับกลายเป็นชายสูงวัยผอมซูบ ใบหน้าตอบ ดวงตาอิดโรยสิ้นหวัง กระนั้นในแววตาที่แห้งแล้งกลับเต็มไปด้วยความห่วงใยบุตรสาวคนโต
“นั่นสิซือเอ๋อร์ เจ้าควรกินให้มากจะได้หายไวๆ”
ผู้เป็นมารดาคีบไข่กลับคืนไปยังชามของบุตรสาว
“หากท่านพี่รักข้า ก็โปรดกินไข่ใบนี้ด้วยเถอะขอรับ ข้าไม่อยากทนเห็นท่านพี่ผอมซูบไปมากกว่านี้อีกแล้ว”
น้องชายพูดด้วยท่าทางเข้มแข็ง กระนั้นในน้ำเสียงกลับฉายชัดว่าพยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้อย่างสุดกำลัง ซือห้าวมองว่าตนเองนั้นเป็นบุตรชายของตระกูล แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากให้พี่สาวคอยปกป้องดูแล
“ได้สิ ข้าจะกินไข่ทั้งลูกนี้เอง”
หญิงสาวยิ้มกว้าง ไม่อาจปฏิเสธน้ำใจของครอบครัว หากในชาติก่อนนางมีครอบครัวที่รักนางเช่นนี้ นางจะมีความสุขมากเพียงใดหนอ
ขอบคุณนะหลิวซือเย่ ขอบคุณที่มอบร่างกายและครอบครัวที่น่ารักเช่นนี้ให้กับข้า ข้าสัญญาว่าจะทำให้ครอบครัวของเจ้ามีความสุข ข้าสัญญาว่าจะล้างแค้นและทวงความยุติธรรมให้สกุลหลิว
แต่ที่ข้าไม่เข้าใจก็คือ เหตุใดเจ้าจึงฝากให้ข้าใช้เรือนร่างของเจ้าให้มีความสุข เพราะเจ้าขลาดเขินเกินกว่าจะกล้ามอบความสุขให้ร่างกายของเจ้าได้
ข้อนี้ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเจ้าหมายถึงสิ่งใด
คนจนไม่มีสิทธิ์ป่วยนั้นเป็นเรื่องจริง!
ทันทีที่อาการดีขึ้นหญิงสาวก็เดินตรวจตราไปรอบๆ กระท่อมหลังน้อยอย่างครุ่นคิด คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเข้าหากันจนแทบผูกเป็นปม
ปัญหาข้อแรกคือความอดอยาก!
ต้องทำยังไงให้ครอบครัวอิ่มท้อง มีกินมีใช้เสียก่อน องค์ความรู้ของครอบครัวนี้คือเชี่ยวชาญด้านสมุนไพรนานาชนิด แต่ในเมื่อศาลมีคำสั่งห้ามค้าขายสมุนไพรเด็ดขาด เช่นนั้นแล้วนางควรทำอย่างไรดี
คิดพลางหยิบตะกร้าสานขึ้นสะพายหลัง แล้วใช้ผ้าผูกผมรวบผมยาวจดกลางหลังขึ้นทั้งหมด ก่อนจะเดินมุ่งหน้าเข้าไปในป่าด้วยความคุ้นชิน
ทุกคนในบ้านออกไปรับจ้างทำงานในตลาดกันตั้งแต่เช้าตรู่ นางก็ไม่ควรอยู่เฉยๆ ควรจะออกไปเก็บของป่าเพื่อมาทำอาหารให้ที่บ้านรับประทาน
ปกติแล้วของป่าที่เก็บได้ต้องนำไปขายทั้งหมด เพราะคนของสกุลจงจะมาทวงหนี้รีดเค้นเงินทุกอีแปะไปจนไม่เหลือแต่หลังจากที่พวกมันทำเกินกว่าเหตุผลักนางจนล้มศีรษะกระแทกพื้น จนหยุดหายใจไปชั่วขณะ พวกมันก็หายไปหลายวันเพราะกลัวความผิด คงจะกลับมาอีกครั้งหากมั่นใจว่านางยังไม่ตาย ดังนั้นนี่เป็นโอกาสเดียวที่ครอบครัวของนางจะได้กินอาหารที่มีประโยชน์บ้าง