การกระทำของนาง ที่ให้เซียวหรูเดินนำอยู่นั้นอยู่ในครรลองสายตาของ ตงเหลียน ซึ่งเวลานั้นเขากำลังจะเข้าไปรายงานว่ารถม้ากำลังจะมาถึงแล้ว เขาจึงเอ่ยด้วยเสียงดัง
“นั้นท่านองครักษ์เซียวจะไปไหน” เสียงของเขาทำให้หลินโคว่เอ๋อสะดุ้งตกใจ แต่เสียงนี้มิใช่ของฉีเทียนเหล่ย ก็นับว่านางยังโชคดีอยู่บ้าง
“ข้ากำลังไปไหนไม่รู้ รู้เพียงว่าคุณหนูหลินอยากเล่นสนุกก็เท่านั้น” เซียวหรูหันกลับมาตอบพร้อมใช้มือแกะมีดที่นางจ่อลำตัวเขาอยู่อย่างสบายมือ
“ถึงอย่างไรคุณหนูใหญ่ก็มีตำแหน่งถึงหวางเฟยในอีกไม่ช้า เล่นกับคุณหนูสักนิดคงไม่เป็นไรกระมัง” เขาเอ่ยพร้อมส่งรอยยิ้มให้แก่นางทั้งยังไม่ลืมเก็บมีดจากการยึดครองที่แสนสบายและรวดเร็วเก็บเข้าที่แขนเสื้อของเขาเองแล้วเอ่ย
“เล่นมีดไม่ค่อยเหมาะกับคุณหนูเท่าไหร่นะขอรับ หากคิดจะใช้มีเวลาว่าง ข้าน้อยจะสอนให้” นางฟังคำค่อนขอดนั้นก็อดที่จะกัดฟันกรอดไม่ได้ นางโดนดูหมิ่นศักดิ์ศรีจากทุกคน นางโกรธมาก วันนี้มันเป็นวันอะไรกันแน่ มันเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี นางเบื่องิ้วเรื่องนี้เต็มทนแล้ว.
“ข้าจะขอขอบคุณพวกท่านมาก หากพวกท่านจะช่วยเลิกเล่นงิ้วและกลับไปได้แล้ว ข้าเหนื่อยเต็มทนเสียแล้ว” หลินโคว่เอ๋อเอ่ยออกมาอย่างสุดที่จะทน แต่เซียวหรูหาตอบคำถามนั้นไม่ เขากลับพูดว่า
“บังเอิญข้าน้อยได้ยินว่าชินอ๋องให้คุณหนูแต่งตัวและชำระร่างกายนี่ขอรับ ข้าน้อยคาดว่าคุณหนูคงลืม กลับห้องและทำตามที่ชินอ๋องรับสั่งเถิดขอรับ”
“ข้าอาบน้ำเพียงเดือนละหน หรือไม่ก็ตามที่ข้าต้องการเท่านั้น เวลานี้ยังไม่ถึงเวลา เหลืออีกสามอาทิตย์ก่อนที่ข้าจะเฉียดเข้าใกล้น้ำ” นางตอบเซียวหรู
“ข้าน้อยแนะนำว่า คุณหนูอย่าได้ท้าทายชินอ๋องเลยขอรับ” เซียวหรูเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพและดูจะห่วงใยนางเสียมากกว่า ตงเหลียนเดินเข้ามาสมทบกับเซียวหรู เขาหัวเราะกับคำพูดที่นางตอบเรื่องการอาบน้ำของนาง เพราะเป็นคำตอบที่ช่าง ท้าทายชินอ๋องเสียเหลือเกิน เขาใกล้ชิดชินอ๋องมากกว่าเซียวหรูย่อมรู้แน่ถึงนิสัยของเขา
“คุณหนูจะทำให้ชินอ๋องโกรธมากกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้นะขอรับ และตอนนี้ดูท่าว่าชินอ๋องจะโกรธมากเกินกว่าที่พวกข้าน้อยจะอยู่ด้วย ข้าน้อยไม่อยากให้คุณหนูต้องโดนโทสะไปด้วยนะขอรับ” ตงเหลียนเอ่ย
“แต่ข้ารู้เพียงว่าอารมณ์เขาคงเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เกิดกระมัง ข้าจำเป็นต้องกลัวลูกสุนัขนั้นด้วยรึ" หลินโคว่เอ๋อตอบตงเหลียน เขาเอ่ยขึ้นมาทันทีหลังจบประโยคของสตรี
“แต่ชินอ๋องสามารถระบายโทสะกับคุณหนูได้นะขอรับ” ดูท่าว่าที่หวางเฟยผู้นี้จะดื้อไม่เบาจนตงเหลียนอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ ส่วนหลินโคว่เอ๋อกลับรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาอีกครั้ง
“นี่พวกเจ้าเลิกแสดงเสียที ข้ารู้แล้วว่าพวกเจ้าร่วมมือกับเถ้าแก่เนี๊ยจู เพื่อจะพาข้าไปอยู่หอนางโลมแห่งใหม่ ข้าไม่ไปและพวกเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์บังคับข้า และที่พวกเจ้าเรียกฉีเทียนเหล่ยว่าชินอ๋องอะไรนั่น ข้าแนะนำว่าพวกเจ้ากลับไปเล่นกันเองนะ ที่นี่พวกข้าต้องทำมาหากิน ไม่ว่างมานั่งดูงิ้วเล็กๆ ของพวกเจ้าหรอก”
“ทุกอย่างที่พวกข้ากระทำรวมถึงชินอ๋องเป็นความจริงขอรับ ท่านเป็นคุณหนูหลินที่ได้รับราชโองการแต่งเป็นหวางเฟย หลังจากที่ชินอ๋องพาคุณหนูกลับแคว้นแล้วฮ่องเต้จะออกหมายพระราชโองการกำหนดวันเข้าพิธีอภิเษกขอรับ”
“ฮ่องเต้รึ ข้าจำต้องฟังคำสั่งด้วยรึ?” หลินโคว่เอ๋อเอ่ยถาม
“ขอรับ” เซียวหรูเอ่ยตอบ
“แล้วฉีเทียนเหล่ยต้องฟังด้วยไหม?”
“ฟังขอรับ”
“เช่นนั้นข้าก็จะฟังคำสั่งของฮ่องเต้เพียงคนเดียว แต่...ต่อเมื่อพวกเจ้าพาฮ่องเต้ตัวจริงมาพบข้าที่นี่นะ ข้าถึงจะฟัง” นางตอบโดยไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น
“มันไม่บังควรนะขอรับ” เซียวหรูเอ่ยด้วยใบหน้าไม่สบายใจสักเท่าไหร่
“เช่นนั้นก็ดี เพราะพวกเจ้าพาฮ่องเต้มาไม่ได้ และอีกอย่างชินอ๋องของเจ้าก็มิใช่ฮ่องเต้เสียด้วย”
“และเจ้าอยากเห็นชินอ๋องบุตรชายของฮ่องเต้หรือไม่เล่า” เสียงคุ้นหูเอ่ยดังขึ้นมาเป็นการถาม จังหวะที่หลินโคว่เอ๋อก็ตอบสวนกลับมาพอดีเช่นกัน
“ข้าอยากเห็นฉีเทียนเหล่ยตายไปเลยเสียจะดีกว่า”
“เช่นนั้นก็เสียใจด้วยนะ คุณหนูหลิน” ฉีเทียนเหล่ยเอ่ยตอบนางโดยเดินมาใกล้ พร้อมใช้น้ำเสียงกระด้างของเขาเอ่ยก้องกังวาน
“ที่ข้ายังไม่ตาย!”
หลินโคว่เอ๋ออยากจะหลบหน้าฉีเทียนเหล่ยในเวลานี้เหลือเกิน ไม่อยากให้เขาเห็นว่านางไม่มีชุดใหม่หรือแม้แต่จะล้างขี้เถ้าออกจากหน้าแต่อย่างใด เสียงของฉีเทียนเหล่ยเอ่ยขึ้น
“พวกเจ้าทั้งสองคนคงไม่ได้บังเอิญกำลังพยายามพูดจาโน้มน้าวนาง ด้วยคำพูดที่อ่อนโยนเพื่อให้นางทำตามคำสั่งหรอกกระมัง”
“ไม่ใช่ขอรับ” ตงเหลียนเอ่ยตอบ
“อีกทั้งกันมิให้นางได้หนีไปด้วยขอรับ” เซียวหรูกล่าวเสริมขึ้นมา
“อ๋อ! เช่นนั้นเจ้าก็ต้องระวังสิ่งนี้ด้วยกระมัง” เท้าของหลินโคว่เอ๋อกระแทกลงพื้นอย่างแรงลงไปที่เท้าของเซียวหรู เป็นการขอบคุณที่เขาปากมาก
เซียวหรูกัดฟันแน่นเพราะความเจ็บแต่ก็มิเท่าไหร่ เขาคิดว่าหลินโคว่เอ๋อตัวเล็กแค่นี้แต่แรงก็มิใช่น้อยๆ ส่วนฉีเทียนเหล่ยเดินมายืนอยู่ตรงหน้าของหลินโคว่เอ๋อ เซียวหรูดันตัวนางเข้าไปยัง ฉีเทียนเหล่ยจนตัวนางปะทะกับอกของเขา แขนของเขาพลันขยับขึ้นรัดรอบร่างของนางเพื่อพยุงนางไว้ แขนของเขาทำหน้าที่เฉกเช่นกรงเหล็ก นิ้วมือสอดเข้าไปยังเส้นผมที่ยุ่งเหยิงของนางซึ่งสยายอยู่บริเวณเอว และเขาก็ดันร่างของนางให้แนบเข้ากับลำตัวของตนเอง
นางรู้สึกได้ถึงอารมณ์ความโกรธของเขาที่โอบล้อมกายของนางในเวลานี้ดังพายุลูกคลื่นที่พร้อมกระหน่ำซัดใส่ที่ตัวนาง
“ปล่อย!” นางกล่าวและมีเสียงของเขาสวนกลับมาโดยทันทีจนนางต้องนิ่ง “ไม่!” และเขาก็เอ่ยน้ำเสียงหนักแน่นน่ากลัวอยู่ข้างหูของนาง
“เจ้าต้องขอพรจากพระโพธิสัตว์ว่าไม่น่าท้าทายข้าเลย หลินโคว่เอ๋อ” ใบหน้านางซีดเผือดอยู่ภายใต้แป้งสีเทาได้ชั่วครู่ แล้วนางก็แน่ใจว่าสำหรับคนกลุ่มนี้ นางคือสินค้าที่มีค่ามีราคา ดังนั้นพวกเขาจะไม่ทำความเสียหายให้กับสินค้าที่มีค่าเช่นนางเป็นแน่ เพราะไม่ว่าคนใดคนหนึ่งของคนกลุ่มนี้จะโกรธมากก็ตามที อีกทั้งฉีเทียนเหล่ยจะพูดถึงการฟาดก้นนางในการทำโทษก็ตามที สิ่งนั้นไม่ใช่เรื่องน่ากังวลสำหรับนางเลย