ด้านหนูน้อยทั้งสองไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำให้พ่อกับแม่เป็นห่วง เดินจูงมือกันเดินดูของเล่นไปเรื่อยๆ อย่างสนุก ด้วยความเป็นเด็กจึงไม่คิดถึงเรื่องอันตราย ก็อย่างว่าเด็กยังไงก็คือเด็ก หากยังโตพอดูแลตัวเองยังไม่ได้ยังไงก็ยังเป็นภาระของพ่อแม่อยู่เสมอ
“พี่เซน พอลี่อยากไปดูน้องหมีค่า” หนูน้อยพอลี่ชี้มือไปยังร้านขายตุ๊กตา
“พี่เซนพาไปก๊าบ” เอ่ยจบก็จูงมือหนูน้อยเดินไปทันที พอเดินมาถึงทั้งสองก็ดูตุ๊กตาตัวนั้นที ตัวนี้ทีอย่างสนุกสนาน
“พี่เซนเบื่อตรงนี้แย้ว...เราปาย...ร้านไอติมกัน” เซนชี้มือไปยังร้านขายไอศกรีมที่อยู่หน้าร้านขายตุ๊กตา
“ไปกินติมกาน...” หนูน้อยพอลี่ก็เห็นด้วยกับหนุ่มน้อย แล้วทั้งสองก็เดินไปยังร้านขายไอศกรีม
อีกมุมหนึ่งในร้านอาหารที่อยู่ถัดจากร้านไอศกรีมไป ชายหนุ่มกำลังนั่งคุยงานกับลูกค้า แต่พอมองออกมานอกร้านที่เป็นกระจกก็เห็นเด็กสองคนยืนอยู่หน้าร้านไอศกรีม ชายหนุ่มสังเกตอยู่นานว่าเด็กผู้หญิงตัวอ้วนกลมนั้นใช่พอลี่รึเปล่า และก็มองอยู่นาน เมื่อเริ่มมั่นใจแล้วว่าใช่ก็เลยขอตัวกับลูกค้ามาหาหนูน้อยทันที ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังเดินมานั้นก็ได้ยินเสียงประชาสัมพันธ์ประกาศหาพอลี่กับหนุ่มน้อยอีกคนพอดี
“ยัยเด็กแสบน่าจะหายตัวไปเลย หืม...แล้วทำไมเราต้องเป็นห่วงเด็กบ้านี้ด้วยนี่ ขนาดพ่อแท้ๆ ยังทิ้งเลย”
ชายหนุ่มสบถด่าพ่อของหนูน้อยขณะเดินมาหาด้วยความเป็นห่วง
หนูน้อยทั้งสองได้แต่ยืนจ้องมองพนักงานขายไอศกรีมด้วยความน่าสงสาร ตอนแรกมาถึงหนูน้อยทั้งสองสั่งไอศกรีมรสช็อกโกแลต แต่พอพนักงานถามหาเงินเท่านั้นแหละ หนูน้อยทั้งสองก็ส่ายหัวไปมาว่าไม่มี จึงเป็นเหตุให้หนูน้อยทั้งสองได้แต่จ้องมองพนักงานขาย
“พอลี่อยากกินค่าพี่เซน” หนูน้อยเอ่ยเสียงเศร้า
“เรากาบไปหาแด๊ดกับมันกันดีกว่า...”
“เราจาปาย...ทางหนาย...คะ...” พอลี่เอ่ยด้วยความมึนงง เมื่อมองไปรอบๆ ก็มีแต่ผู้คน แถมเป็นสถานที่ไม่คุ้นเคยด้วย
“พี่เซนก็ม่าย...รุ...” เซนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลับไปทางไหน
“ฮือๆๆๆ พี่เซน พอลี่อยากหามี๊เตร่า...ฮือๆ...” หนูน้อยพอลี่ปล่อยเสียงร้องออกมาทันที เมื่อเริ่มรู้แล้วว่าตัวเองหลงทาง
เซนรีบกอดปลอบพอลี่ทันที ด้วยความเป็นลูกผู้ชาย เพราะพ่อของตนนั้นสอนมาว่าให้ปกป้องผู้หญิงและห้ามร้องไห้เด็ดขาด
พนักงานขายไอศกรีมก็เริ่มทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน เพราะอยู่ดีๆ หนูน้อยดวงตาสีฟ้าก็ร้องไห้ออกมา พร้อมกับได้ยินเสียงประชาสัมพันธ์ประกาศตามหาเด็กรูปร่างลักษณะเหมือนทั้งสองคนด้วย จึงคิดจะช่วย แต่ก็ช้าไป เมื่อมีเสียงเข้มของใครบางคนร้องเรียกเด็กๆ
“พอลี่มาหาลุงพอลมา” เมื่อมาถึงเห็นว่าตอนนี้หนูน้อยกำลังร้องไห้อยู่จึงร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง
ด้านเซนเห็นมีคนแปลกหน้าที่ตนไม่คุ้นเคยเรียกพอลี่ เขาก็รีบปล่อยคนในอ้อมกอดออกแล้วมายืนขวางทางชายหนุ่มไว้ ส่วนพอลี่เมื่อได้ยินเสียงและจำได้ว่าเป็นใคร ก็รีบวิ่งเข้าไปกอดขาคนที่เรียกแทนตัวเองว่าลุงทันที
“ฮือๆ...ลุงพอลมาต้วย!...พอลี่แล้ว...ฮือๆๆ” หนูน้อยร้องออกมาด้วยความดีใจ
พอลรีบอุ้มหนูน้อยขึ้นมาทันทีพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ส่วนหนูเซนได้แต่มองตาแป๋วด้วยความสงสัย ส่วนพนักงานขายไอศกรีมก็หมดห่วง เมื่อเห็นว่าญาติของเด็กๆ มารับแล้ว แถมคนที่มารับยังหล่อบาดตาบาดใจเธออีก และดูยังไงหนูน้อยกับคนที่เรียกแทนตัวเองว่าลุงนั้น มองยังไงก็เป็นพ่อลูกกันชัดๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นลุงกับหลาน พนักงานขายไอศกรีมได้แต่เก็บความคิดนั้นไว้ในใจ ก่อนจะหันไปขายไอศกรีมให้ลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้ามา
“ไม่ร้องนะ ลุงพอลอยู่นี่แล้ว แล้วพอลี่มากับใครคะ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม
พอลี่รีบปาดน้ำตาพร้อมกับหอมแก้มสากชายหนุ่มเพื่อเป็นการขอบคุณ ก่อนจะแนะนำเซนให้ชายหนุ่มรู้จัก
“พี่เซนลูกของป้าอ้อกับลุงไบรอันค่า...”
พอลนั้นไม่ได้รับรู้เลยว่าพอลี่นั้นเอ่ยอะไรกับตน เพราะตอนนี้หัวใจของชายหนุ่มกำลังเต้นแรงกับจูบที่เด็กน้อยในอ้อมแขนมอบให้ก่อนหน้านี้
‘ทำไมเรารู้สึกแบบนี้ หรือว่าเราตกหลุมรักเด็ก 4 ขวบคนนี้กัน คงไม่หรอกมั้ง เด็กแสบแบบนี้ใครจะรักลง เรารักน้องต่อคนเดียว ส่วนยัยเด็กนี้เราเกลียด’ เอ่ยถามตัวเองในใจอย่างสับสน
“พอลี่ว่าอะไรนะแด๊ดดี้ อุ้ย!...ลุงพอลไม่ได้ยินจ้า”
พอลก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากเป็นพ่อของพอลี่นัก แต่ที่แน่ๆ หนูน้อยจุ๊บแก้มเมื่อกี้นี้หัวใจเขาเต้นแรงแทบทะลุออกมานอกเสื้อเลยก็ว่าได้
“พอลี่บอกว่า...พี่เซนลูกของป้าอ้อกับลุงไบรอันค่า...” หนูน้อยเอ่ยอีกครั้ง
“หวัดดีก๊าบ...ลุงพอล...” เมื่อถูกแนะนำตัว เซนสุดป่วนก็สวัสดีชายหนุ่มทันที พร้อมกับถือโอกาสเรียกว่าลุงตามพอลี่เลย
“ไปนั่งในร้านอาหารกับลุงดีกว่านะ พอดีลุงพอลมาทำงานคุยกับลูกค้าค้างไว้อยู่ เราไปกันเถอะ” พอลไม่ถือสาพร้อมกับชวนเด็กทั้งสองไปยังร้านที่ตนนั่งอยู่ก่อนหน้านี้
“ม่าย...พอลี่จะไปหามี๊...” พอลี่เอ่ยพร้อมกับส่ายหน้า
“เซนก็ตวยก๊าบ...” เซนเอ่ยอีกคน
“ได้ไปหามี๊แน่ครับ แต่รอลุงพอลคุยงานเสร็จก่อนนะ” ชายหนุ่มเอ่ย ‘ทำไมเขาไม่ขอเบอร์รัตนาไว้นะเมื่อเช้า เฮ้อ...ใครจะไปรู้ว่าจะเจอเรื่องไร้สาระแบบนี้’ เอ่ยว่าตัวเองในใจ
“ก็ได้ค่ะ/ครับ” หนูน้อยทั้งสองเอ่ยอย่างว่าง่าย
แล้วเขาก็พาเด็กน้อยทั้งสองไปยังร้านที่ตนจากมาก่อนหน้านี้ พอมาถึงเขาก็จัดการสั่งนมให้เด็กทั้งสองนั่งดื่มอยู่ข้างๆ ส่วนตัวเขานั้นก็คุยธุระกับลูกค้าต่อ และเวลาผ่านไปนานธุระก็เสร็จ เมื่อเสร็จชายหนุ่มจึงหันไปมองดูพอลี่ แต่ปรากฏว่าหนูน้อยนั้นหลับไปแล้ว จะเหลือก็แต่เซนที่ยังนั่งเล่นนมในแก้วอยู่
“ลูกสาวน่ารักนะครับคุณพอล ผมไม่ยักรู้ว่าคุณพอลมีลูกสาวน่ารักแบบนี้” ลูกค้าเอ่ยชมหนูน้อยพอลี่ที่นอนหลับ
“ไม่ใช่นะครับ เด็กทั้งสองเป็นหลานผมครับ” พอลเอ่ยปฏิเสธ
“ผมนึกว่าเด็กผู้หญิงเป็นลูกคุณพอลเสียอีกครับ ขอโทษด้วยนะครับ”
ก็เขาคิดอย่างงั้นจริงๆ ตอนเห็นพอลกลับมาอีกครั้งพร้อมกับหนูน้อยตาสีฟ้าในอ้อมกอด เขาก็คิดว่าเป็นลูกของชายหนุ่ม ก็เล่นเหมือนกันอย่างกับพิมพ์เดียว ถามใครใครก็คิดว่าเป็นลูกเขาทั้งนั้นแหละ
“ไม่เป็นไรครับ”
พอลเอ่ยอย่างเขินๆ ใช่ว่าเขาจะไม่ดีใจที่มีคนว่าพอลี่เป็นลูกของเขา เพราะในใจลึกๆ แล้วอยากให้พอลี่เรียกตัวเองว่าพ่อเช่นกัน
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ครับ โอกาสหน้าเราคงได้ร่วมธุรกิจกันอีกนะครับ”
จากนั้นพอลก็เดินไปส่งลูกค้าที่หน้าร้านอาหาร แล้วก็เดินมาเคลียร์ค่าอาหารพร้อมกับอุ้มหนูน้อยพอลี่ออกจากร้านไป และอีกมือจูงมือหนูเซนเดินไปด้วยกัน พอเดินออกมาจากร้านก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยร้องเรียกหนูน้อยในอ้อมกอดทันที
“พอลี่ของมี๊...” รัตนารีบวิ่งเข้ามาหาชายหนุ่มและลูกทันที
“มัม แด๊ด...” เซนน้อยก็รีบวิ่งไปหาพ่อกับแม่ทันที เมื่อมองไปเห็นว่าพ่อกับแม่ของตนก็วิ่งมาหาตนเช่นกัน
“พี่พอลเจอพอลี่ที่ไหนคะ” เมื่อมาถึงตัวชายหนุ่ม หญิงสาวก็ถามทันที
“เรื่องมันยาวน่ะ กลับบ้านพี่ค่อยเล่าให้ฟัง แต่ตอนนี้รีบพาพอลี่กลับไปนอนดีกว่า พอกินนมอิ่มก็หลับเลย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบา เพราะกลัวว่าคนในอ้อมแขนจะตื่นเอา
“มัมกับแด๊ดก๊าบ...ลุงพอลเลี้ยงนมเซนตวย...” เซนที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อเอ่ยให้พ่อกับแม่ฟัง เมื่อพ่อกับแม่พามาหยุดยืนตรงหน้าชายหนุ่ม
“ขอบคุณพี่พอลนะคะ ไม่ได้เจอกันนานเลย สบายดีนะคะ”
ดอกอ้อเป็นคนเอ่ย เพราะนานจริงๆ ที่ไม่ได้เจอสามีของเพื่อน หญิงสาวมองหน้าของพอลกับพอลี่ที่หลับซบอกชายหนุ่มก็อดยิ้มไม่ได้ เมื่อพ่อลูกทั้งสองหน้าออกมาพิมพ์เดียวกันเป๊ะมาก
“สบายดี แล้วอ้อกับไบรอันไปไงมาไง จะกลับมาอยู่เมืองไทยถาวรแล้วเหรอ” พอลเอ่ย
“ครับพี่พอล ผมจะพาน้องอ้อกับเซนมาอยู่เมืองไทยถาวรแล้วครับ”
ไบรอันเป็นคนเอ่ย ไบรอันนั้นเป็นรุ่นน้องของพอลอยู่หนึ่งปี จึงเรียกชายหนุ่มว่าพี่
“ดีๆ กลับมาอยู่บ้านเราเถอะ” พอลเอ่ยอย่างสนับสนุน ก่อนจะหันมาพูดกับรัตนา “ต่อ...เรากลับกันเถอะ พี่ไม่อยากให้พอลี่นอนซบอกพี่แบบนี้ กลัวว่าจะไม่สบายตัวเอา”
“ค่ะ” รัตนาเอ่ยเพียงสั้นๆ
“ไว้โอกาสหน้าเจอกันใหม่นะไบรอัน น้องอ้อ เห็นทีวันนี้คงไม่ไหว พี่ต้องรีบพาพอลี่กลับไปนอนก่อนน่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบา เพราะกลัวว่าคนที่ซุกบนอกกว้างจะตื่นเอา
“ค่ะ ไว้โอกาสหน้าเจอกันนะคะพี่พอล และหวังว่าพี่พอลจะดูแลพอลี่ให้เหมือนลูกจริงๆ เลยนะคะ” ดอกอ้อเอ่ยเน้นท้ายประโยค ก่อนจะพาสามีและลูกเดินจากไป
ส่วนพอลได้แต่งุนงงกับน้ำคำของดอกอ้อ ก็จะไม่ให้งงได้ไง เพราะใครๆ ก็ต่างพูดให้เขาสงสัย ไหนจะนมหอม แล้วมาดอกอ้ออีก ชายหนุ่มปัดความสงสัยนั้นทิ้งไป ก่อนจะพารัตนากลับบ้าง เพราะตอนนี้ก็จะสี่โมงเย็นแล้ว เขาไม่มีงานต่อที่ไหนด้วย เลยอยากกลับไปพักผ่อนที่บ้านกับหญิงสาวและพอลี่