ภารกิจผลิตลูกสาวของน้ำปั่นยังดำเนินการไม่ได้เนื่องจากมี กขค.อย่างสองแฝดที่ติดบิดาแจคอยขัดขวาง
ไม่ว่าพ่อจ๋าจะเดินไปทางซ้าย หรือพ่อจ๋าจะเดินไปทางขวา สองหนุ่มน้อยจะตามติดเป็นเงาตามตัวเหมือนกลัวพ่อจะหายไป ขนาดเข้านอนสองพี่น้องยังร้องขอนอนกับพ่อจ๋าเลย
“พ่อว่าเราสองคนไปนอนที่ห้องของตัวเองไหม”
คินน์กลัวตัวเองนอนไม่หลับ เพราะปกตินอนคนเดียวมาตลอด ดูท่าสองแฝดจะนอนดิ้นเสียด้วย เด็กอะไรก็ไม่รู้แบตอึดเหลือเกิน ขนาดเล่นซนมาทั้งวันยังไม่มีวี่แววจะง่วงนอน
“ทำไมคับพ่อจ๋า พี่ลูกอยากนอนกับพ่อจ๋า”
เจ้าเด็กรู้มากเด้งตัวขึ้นมานั่งขัดสมาธิถามพ่อด้วยแววตาสงสัย คิ้วชนกันเป็นแพยาว ทำไมพ่อไม่ให้นอนด้วย พี่ลูกไม่เข้าใจพ่อจ๋าเลย
“ก็พวกหนูโตแล้วไง นอนห้องตัวเองดีกว่า”
คุณพ่อพยายามอธิบายอย่างใจเย็น การมีลูกฉลาดมันก็ดีแต่เหนื่อยมาก สองแสบอยากรู้อยากเห็นไปหมดทุกเรื่อง ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่คินน์กลับภูมิใจที่ลูกมีความฉลาดเหมือนตนเอง
“ไม่เอาคับน้องจั๊มจะนอนกับพ่อจ๋า นอนกอดกับสามคน”
เต็มรักเด้งตัวลุกขึ้นมาเจรจากับพ่ออีกคนพลางส่ายหน้าไม่ยอม น้ำปั่นถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก ทำไมลูกชายอยากนอนกันแค่สามคน
“อ้าวแล้วแม่ล่ะคะน้องจั๊ม ไม่ให้นอนกอดด้วยเหรอ”
คุณแม่เอ่ยถามลูกชายด้วยความไม่เข้าใจ นี่แม่ของพวกหนูนะลูก แม่ที่อุ้มท้องลูกแฝดมาอย่างยากลำบาก
แม่ที่อดหลับอดนอน ปั๊มนม ป้อนข้าว เช็ดอึ เช็ดฉี่ ทำสารพัดอย่าง ลูกไม่คิดจะชวนแม่นอนเลยเหรอ มันน่าน้อยใจนัก
“เตียงเต็มแล้ว แม่จ๋าไปนอนห้องอื่น ใช่ไหมพี่ลูก”
เป็นคำตอบที่แม่ได้ฟังแล้วชื่นใจมากลูก เตียงออกจะใหญ่แต่ลูกบอกว่าเต็ม คินน์ยืนมองสามแม่ลูกเจรจาด้วยความขบขัน ลูกชายของเขาคิดได้ยังไง
“ช่ายยย แม่จ๋าไปนอนห้องอื่น พี่ลูก น้องจั๊ม พ่อจ๋าจะนอนด้วยกัน” เติมรักพยักหน้าจริงจังเห็นด้วยกับเต็มรัก ก่อนจะเอานิ้วขึ้นมาชี้ตัวเอง พ่อจ๋า แล้วก็น้องชาย มีแค่สามคนนี้เท่านั้นที่นอนด้วยกันได้
คุณแม่ถึงกับหน้าเหวอหลังจากถูกไอ้ลูกชายตัวแสบไล่ไปนอนห้องอื่น
“ได้ยังไงกัน แม่จะนอนด้วย เราสองคนนั่นแหละ กลับไปนอนห้องตัวเองเลย พ่อจ๋าเป็นของแม่จ๋าคนเดียว”
“ไม่เอา” / “ไม่เอา”
“พี่ลูกชิ้น น้องจัมโบ้”
“แม่จ๋า!”
เด็กแฝดลุกขึ้นมายืนจังก้าประชันหน้าแม่อย่างไม่ยอม คนพี่เอามือกอดอก คนน้องเอามือเท้าสะเอว เรื่องอื่นพวกเขายอมแม่แต่เรื่องพ่อพวกเขาไม่ยอมเด็ดขาด
สามคนแม่ลูกจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายคินน์ต้องกลายร่างเป็นกรรมการห้ามศึก ไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตนี้จะถูกแย่งชิงแต่แย่งโดยผู้หญิงและเด็กสี่ขวบตัวกลม
“พอแล้วไม่ต้องเถียงกัน นอนด้วยกันหมดนี่แหละ พี่ลูกกับน้องจั๊มนอนตรงกลาง พ่อกับแม่นอนข้างๆ โอเคไหม”
“ไม่เอาคับน้องจั๊มจะนอนกับพ่อจ๋าทางนี้”
“พี่ลูกก็จะนอนกับพ่อจ๋าทางนี้”
“คือพวกหนูจะให้พ่อนอนตรงกลางใช่ไหม”
“คับ” เด็กสมบูรณ์หมายเลขหนึ่งกับสองพยักหน้าพร้อมกัน แววตาคาดหวังว่าพ่อจะมานอนตรงกลางตามที่ต้องการ
น้ำปั่นได้แต่ยืนมองด้วยความหมั่นไส้ แม่กลายเป็นอากาศไปแล้วใช่ไหมถึงไม่มีใครสนใจเลย เพลงแม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวงลอยมาเข้าหูแม่ แล้วแม่จะทำอะไรได้นอกจากยืนมองพ่อลูกเขาเจรจากัน
“โอเคครับ นอนแบบนั้นก็ได้ พ่อตามใจพวกหนู”
“เย่ นอนคับพ่อจ๋า” / “ตรงนี้คับพ่อจ๋า” สองแฝดตบเตียงด้วยความกระตือรือร้นหาได้สนใจสีหน้าของมารดาที่กำลังมองด้วยความน้อยใจ
คินน์รู้สึกเกร็งไม่น้อยหลังจากล้มตัวลงนอน แล้วมีเด็กผู้ชายมานอนอยู่ข้างกาย แถมยังเรียกร้องบอกให้พ่อจ๋าอ่านนิทานด้วย
คุณพ่อความจำเสื่อมจึงส่งสายตาขอร้องไปให้คุณแม่ช่วยหน่อย แต่น้ำปั่นกลับส่ายหน้าไม่ตกลง ก่อนจะเดินขึ้นไปนอนข้างลูกชายคนเล็กเพื่อฟังนิทานด้วยคน ทว่าสามแม่ลูกนอนรอไปสักพักก็ยังไม่ได้ยินเสียงคุณพ่อ
“ทำไมไม่อ่านล่ะคะ เราสามคนรอฟังอยู่”
“ช่ายคับพ่อจ๋า พี่ลูกอยากฟังนิทาน”
“น้องจั๊มก็อยากฟังคับ พ่อจ๋าเร็วๆ หน่อย”
“เอ่อพ่อว่าพี่ลูกกับน้องจั๊มอ่านให้ฟังดีกว่าไหม”
คุณพ่อนำเสนอหลังจากลองขยับปากจะอ่านนิทานตามที่ลูกขอแต่รู้สึกเขิน
เด็กชอบฟังนิทานพยักหน้าตกลงทันที ถึงตัวเองจะอ่านหนังสือไม่ออกแต่ความจำดี ไม่ว่านิทานเล่มไหนพี่ลูกกับน้องจั๊มจำได้หมด
“ดีคับพี่ลูกเล่าเอง พี่ลูกจำได้แม่น”
“น้องจั๊มก็จำได้เหมือนกัน น้องจั๊มจะอ่านเอง”
“ไม่ให้พี่ลูกจะอ่าน”
“น้องจั๊มจะอ่าน”
กลายเป็นว่าสองแฝดลุกขึ้นมาเถียงกันโดยมีคุณพ่อนั่งอยู่ตรงกลาง คินน์มองซ้ายสลับมองขวาไม่รู้จะเอายังไงดีกับลูก สุดท้ายน้ำปั่นก็ต้องเป็นคนตัดสินใจหยิบนิทานขึ้นมาอ่านเอง ถ้าไม่ทำแบบนี้สองแฝดเถียงกันไม่หยุดแน่นอน
“ไม่ทะเลาะกันค่ะ แม่อ่านเองแต่พวกหนูต้องเปลี่ยนที่นอน ไปนอนตรงกลางทั้งคู่ ให้พ่อจ๋านอนข้างๆ แทน ถ้าดื้อคืนนี้ไม่ต้องฟังนิทาน”
“ไม่ดื้อคับพี่ลูกเชื่อฟังแม่จ๋า”
“น้องจั๊มครับ หนูเอายังไง หรือจะกลับไปนอนห้องตัวเอง”
“เชื่อฟังแม่จ๋าคับ”
“งั้นก็นอนครับ เดี๋ยวแม่อ่านให้ฟัง เฮ้อ”
“พ่ออ่านให้ฟังก็ได้ พวกหนูอยากฟังนิทานเรื่องไหน บอกมาเลยครับ”
คินน์แอบสงสารน้ำปั่นจึงยอมพับความเขินพลางปลอบใจตัวเอง อ่านนิทานให้เด็กฟังแค่นี้มันจะไปยากอะไรกัน สามแม่ลูกไม่ใช่คนอื่นคนไกล ไม่เห็นเขาต้องเขินเลย
เด็กแสบตาลุกวาวรีบบอกพ่อว่าอยากฟังเรื่องไหนด้วยความดีใจ เพราะปกติพ่อไม่ค่อยมาเล่านิทานให้ฟัง จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนรอฟังนิทานจากปากบิดาอย่างใจจดใจจ่อ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะพ่ออ่านนิทานไม่สนุก ไม่เหมือนแม่ที่อ่านแล้วเห็นภาพทุกหน้าทุกบท
“หลับไปสักทีนะไอ้ตัวแสบ แสบทั้งพี่ทั้งน้องพ่อแทบหมดแรง”
“คุณคินน์เจอแค่นี้ยังน้อยไปค่ะ แสบไม่พอซนอีกต่างหาก เวลาดื้อก็ชอบดื้อแบบแพ็กคู่ จนบางครั้งน้ำอยากเอาไม้แขวนไปตีก้น”
“ก็เด็กผู้ชายอะคุณ แสบบ้างซนบ้างตามประสา อย่าตีลูกเลย”
“เราอุ้มลูกกลับไปนอนที่ห้องพวกแกดีไหมคะ”
“ผมว่าให้พวกแกนอนในห้องนี้แหละ ไม่เป็นไรหรอก”
“งั้นก็ได้ค่ะ แต่คืนต่อไปไม่ได้แล้วนะคะ เรามีภารกิจ...”
หญิงสาวกรีดนิ้วไปตามแผงอกชายหนุ่มอย่างไม่เคอะเขินพร้อมกับส่งสายตายั่วยวน
อันที่จริงน้ำปั่นอยากเริ่มภารกิจคืนนี้เลยแต่มีก้างชิ้นใหญ่มาขวาง ไม่อย่างนั้นละก็ป่านนี้เธอกับเขาคงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว
คินน์ถึงกับขนลุกซู่เมื่อเจอน้ำปั่นในโหมดแม่เสือสาวพร้อมล่าเหยื่อ ทำเอาร่างกายรู้สึกวูบวาบไม่น้อย แต่เขาไม่ต้องการให้เธอได้ใจจึงกลบเกลื่อนด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก เหมือนไม่ค่อยอยากทำภารกิจสักเท่าไร
“ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้คุณ ผมไม่รีบหรอก ว่าแต่ทำไมดูสองแสบดีใจมากที่ผมจะเล่านิทานให้ฟัง ผมไม่เคยเล่าให้พวกแกฟังเหรอ”
“ก็มีบ้างค่ะแต่ไม่บ่อย ปกติคุณคินน์จะมาหาพวกเราอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง แต่ไม่เคยนอนค้าง เด็กๆ ก็เลยตื่นเต้นค่ะเวลาพ่ออยากอ่านนิทานให้ฟัง”
“ผมทำแบบนั้นกับพวกแกเหรอ ทำไมผมใจร้ายจังเลย”
คุณพ่อเอ่ยเสียงเศร้ามองลูกน้อยที่กำลังหลับปุ๋ยด้วยสายตาขอโทษ เขาอยากรู้จริงๆ ตัวเองในช่วงห้าปีให้หลังเป็นคนแบบไหนกัน ทำไมถึงไม่อยากเปิดตัวลูกเมียขนาดนี้
เติมรักกับเต็มรักคงโหยหาอ้อมกอดของพ่อน่าดู เขาไม่แปลกใจแล้วทำไมลูกถึงได้ติดพ่อหนักมาก เพราะไม่ค่อยได้เจอพ่อนี่เอง
น้ำปั่นเห็นคินน์คอตกก็อดสงสารไม่ได้ ใช่ว่าคินน์จะเป็นพ่อใจร้าย อะไรเกี่ยวกับลูกเขาตกลงทุกอย่าง ตามใจลูกเป็นที่หนึ่ง ขอให้ลูกบอกพ่อพร้อมซัปพอร์ต
“แต่คุณคินน์ชดเชยด้วยการซื้อของเล่นมาให้แทน สองหนุ่มมีของเล่นเต็มบ้านเลยค่ะ ขนาดเอาไปบริจาคแล้วยังเหลือเยอะ อย่างที่คุณคินน์เห็นนั่นแหละ”
“ดูเหมือนผมจะเป็นพ่อนิสัยไม่ดีเอาซะเลย ไม่มีเวลาให้ลูก แล้วยังเลี้ยงลูกด้วยของเล่นอีก”
“ไม่หรอกค่ะ คุณคินน์เป็นพ่อที่ดีมาก รักลูกมากด้วย”
“แล้วผมเคยตีลูกไหม สองแสบซนมากไหม”
“เรื่องซนไม่ต้องบอก ถ้าได้อยู่กับพ่อเหมือนน้ำมีลูกสามคน ส่วนตีไม่เคยค่ะ ดุก็ไม่เคย ตามใจลูกมากจนบางครั้งน้ำก็กลัวเหมือนกัน กลัวว่าสองพี่น้องจะกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจเกินไป”
เรื่องนี้เธอกังวลมาตลอดเพราะคินน์ตามใจลูกมากจริงๆ เธอกับเขาเคยทะเลาะกันเพราะเรื่องตามใจลูก ไม่คุยกันหลายวันเลยจนต้องปรับความคิดเรื่องการเลี้ยงลูกกันใหม่ ทว่าสุดท้ายพ่อก็ยังตามใจลูกอยู่ดี แม่จึงกลายเป็นฝ่ายห้ามแทน ลูกถึงได้กลัวแม่และรักพ่อมาก
“ผมอยากจำทุกอย่างได้เร็วๆ จังเลยคุณ ทำไมถึงลืมเรื่องคุณกับลูกไปได้นะไม่เข้าใจ มีเรื่องให้ลืมมากมายกลับไม่ลืม”
“ไม่ต้องรีบจำหรอกค่ะ ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า”
“อืม เราเข้านอนเถอะคุณ พรุ่งนี้ผมจะพาไปจดทะเบียน”
“ฮะ! จริงเหรอคะ”
“จริง ผมไม่หลอกคุณหรอก”
“เย่ คุณคินน์น่ารักที่สุดเลยค่ะ”
หญิงสาวกระโดดกอดคอชายหนุ่มราวกับเด็กน้อยได้ของขวัญจากผู้ใหญ่ก็ไม่ปาน คินน์หลุดยิ้มอย่างไม่รู้ตัวหลังจากเอามือขึ้นมากอดน้ำปั่น หัวใจของเขาเต้นแรงมากทำให้เธอต้องเงยหน้าถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณคินน์ไม่สบายเหรอคะ ทำไมใจเต้นแรงจัง อื้อออ” แต่เขากลับให้คำตอบด้วยการปิดปากเธอ บอกตามตรงเขาอดใจไม่ไหวร่างกายมันร่ำร้อง
จูบของคินน์เริ่มต้นด้วยความหวาน แล้วค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมากลายเป็นจูบร้อนแรงและดูดดื่มจนน้ำปั่นหายใจแทบไม่ทัน สองหนุ่มสาวคงลืมไปแล้วว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ในห้องกันตามลำพัง
บทจูบที่กำลังไปได้สวยมีอันต้องสะดุดเมื่อเด็กชายเต็มรักละเมอขึ้นมาบอกว่า อยากได้น้องสาว แล้วเอาแขนไปฟาดหน้าพี่ชาย ทำให้เติมรักตกใจร้องไห้เสียงดังลั่น เดือดร้อนพ่อกับแม่ต้องเข้าไปกอดปลอบ เนิ่นนานทีเดียวกว่าเจ้าลูกหมูคนโตจะหยุดร้องแล้วผล็อยหลับไปอีกครั้ง
คินน์เงยหน้าจะถามน้ำปั่นเรื่องแหวนแต่งงาน เห็นเธอหลับสนิทตามลูกไปแล้วจึงส่ายหัวน้อยๆ มุมปากมีรอยยิ้มประดับ รู้สึกเอ็นดูคุณแม่ของเจ้าแฝดอย่างไม่รู้ตัว
ถ้ามีลูกสาวมาเพิ่มอีกคน ลูกจะเหมือนใคร ชายหนุ่มถามตัวเองหลังจากได้มองหน้าหญิงสาวเต็มตา
“ก็ต้องเหมือนพ่อสิ เพราะพ่อหล่อ แต่เหมือนแม่ก็ไม่ได้ขี้เหร่นะ น่ารักดี”
เขาให้คำตอบก่อนจะเอื้อมมือไปปิดไฟบนหัวเตียง ทว่าสมองปรากฏภาพบางอย่าง เป็นภาพตอนที่ตัวเองทะเลาะกับน้ำปั่น เขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายเดินไปหาเธอแทน จากนั้นก็เอามือขึ้นมาลูบหัวเธออย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“ผมคงทำไม่ดีกับคุณมากใช่ไหม”
คนความจำเสื่อมเอ่ยเสียงเศร้า รู้สึกสงสารหญิงสาวจับใจ ลูกก็ต้องเลี้ยง งานก็ต้องทำ แล้วยังต้องมาเอาใจผัวใจร้ายอย่างเขาอีก เขานับถือใจของเธอเหลือเกิน
“อือ คุณคินน์ขา อย่าใจร้ายกับน้ำเลย”
คนหลับละเมอเหมือนลูกชายไม่มีผิด น้ำปั่นฝันว่าคินน์พรากเธอกับลูกแฝดออกจากกันหลังจากความจำกลับมา เขาโกรธเธอที่โกหกเรื่องความรัก ถึงขนาดไม่ให้สองแฝดเจอหน้าแม่ไปตลอดชีวิต
“ผมสัญญาต่อไปผมจะดีกับคุณให้มากๆ”
คินน์คิดว่าน้ำปั่นฝันถึงเรื่องในอดีต ยิ่งรู้สึกสงสารเธอจับใจ เขาบอกตัวเองหลังจากวันพรุ่งนี้จะเป็นสามีที่ดี ดูแลลูกดูแลเมียให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้
“อยากจูบคุณคินน์จัง”
คนละเมอทำปากจู๋เหมือนในความฝัน คินน์เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้แต่ก็ยอมโน้มหน้าลงไปแนบริมฝีปาก ก่อนจะถอนออกมาอย่างอ้อยอิ่ง บอกตามตรงตอนนี้เขาอยากทำมากกว่าจูบ