“ขอโทษนะคะ คุณอาจจะมองว่าฉันทำอะไรปัญญาอ่อน แต่ฉันเป็นคนเลือกมากค่ะ เข้ากับคนอื่นยาก เอาใจใครไม่เก่ง ฉันแค่ไม่อยากต้องไปนั่งดูตัวกับผู้ชายที่คุณแม่หามาให้ ทั้งชีวิตที่ผ่านมาฉันอยู่ในกรอบตลอดเพราะเป็นพี่คนโต เรียนก็ต้องให้ได้ที่หนึ่ง ทำงานก็ต้องเก่ง” เธอเล่าให้เขาฟังตามความจริง บางครั้งก็หยุดเขินอายกลัวเขาหาว่าเธอเป็นผู้หญิงบ้า ที่มาเสียเวลาทำเรื่องแบบนี้
“เล่าต่อสิครับผมกำลังฟัง” เขานั่งฟังเธอเล่าด้วยท่าทางสบายเอนหลังบนโซฟานุ่ม จิบเบียร์เย็นๆ
“ฉันแค่อยากทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง อย่างน้อยเรื่องผู้ชายฉันก็อยากเลือกเอง หาคนที่คิดว่าใกล้เคียงกับผู้ชายที่ฉันตั้งเป้าไว้ให้มากที่สุด”
“คุณเลยจิ้มเอาผม เป็นผู้ชายคนนั้น”
“ค่ะ จากยี่สิบห้าคน”
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” คุณานนต์พอได้ฟังถึงกับร้องออกไปตาโต
“ฉันจริงจังมากเลยนะคะ นั่งอ่านโพรไฟล์เป็นวันๆ คัดแล้วคัดอีก”
“อย่างกับประกวดนางงามเลยนะครับ”
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะค่ะ” เธอตอบยิ้มๆ อย่างสบายอารมณ์ “ตลกมากเลยใช่ไหมคะ”
“เปล่าครับ แล้วผมคือผู้ชายโชคดีคนนั้นที่ได้เข้ารอบสิน่ะครับ” คุณานนต์เดาต่อได้ไม่ยากหลังจากนี้
“ค่ะโพรไฟล์ของคุณ ไลฟ์สไตล์เราใกล้เคียงกัน ฉันเลยคิดว่าบางทีเราน่าจะได้มาทำความรู้จักกัน ฉันไม่ใช่เด็กสาวแล้วนะคะ ฉันแก่แล้วไม่มีเวลาทำอะไรเล่นๆ หรอกค่ะ”
“แล้วถ้าผมไม่ชอบคุณ” เขาจี้ถามต่อว่าเธอจะทำยังไง
“ฉันเคารพการตัดสินใจของคุณค่ะ แต่อยากให้คุณให้เวลาฉันทำภารกิจให้เสร็จได้ไหมคะ ชอบไม่ชอบค่อยมาบอกกันค่ะ ฉันไม่ฟูมฟายแน่นอน เรายังเป็นเพื่อนกันได้ หรือคุณมีแฟนแล้วคะ?”
“เปล่าครับผมไม่เคยมีแฟน”
“แล้วคุณจะให้เวลาฉันทำภารกิจต่อไหมคะ”
“ก็น่าสนใจดีนะครับ”
“เป็นอันว่าคุณตกลงนะคะ”
“ดีลครับ”
“ขอบคุณนะคะที่ไม่มองว่าฉันบ้า”
“บ้าแต่ก็น่ารักดีครับ เหตุผลของคุณฟังขึ้น”
“ถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกันนะคะ”
“แต่คุณต้องเข้าใจว่าเราอยู่ในที่แจ้ง บางทีเราอาจจะเป็นข่าวด้วยกัน”
“เรื่องข่าวกอสซิปฉันไม่สนใจหรอกค่ะ กลัวแต่คุณ เพราะปกติฉันทำแต่งานไม่ค่อยมีข่าวค่ะ”
“จะบอกว่าตัวเองเรียบร้อย”
“เปล่า ฉันอาจจะจืดชืด วันๆ อยู่แต่กับจอคอมพิวเตอร์ กับตัวเลข”
“อาหารมาแล้ว ผมว่าเราไปทานข้าวกันดีกว่า ไปครับ” ชายหนุ่มรอเธอเดินก่อน “น่าทานมากเลยครับ”
“ใช่ค่ะ”
คุณานนต์เดินไปหยิบทิปให้พนักงานเป็นแบงก์ม่วงหนึ่งใบ เพราะเขาต้องการความเป็นส่วนตัว
“คุณจะรับไวน์ด้วยไหมครับ”
“ก็ได้ค่ะ ปกติฉันไม่ชอบดื่มตอนกลางวัน กลัวง่วงค่ะ”
“จิบนิดเดียวไม่ง่วงครับ ถึงง่วงก็นอนได้เพราะคุณไม่ได้อยู่ที่ทำงาน”
“คุณไปอยู่อังกฤษกี่ปีคะ”
“หกปีครับ ผมไปต่อโทแล้วก็ทำงานหาประสบการณ์ ก่อนจะกลับมารับช่วงธุรกิจที่บ้าน แล้วคุณล่ะ”
“เจ็ดปีค่ะ”
“ใกล้เคียงกัน คุณชอบอังกฤษไหมครับ”
“ฉันชอบอากาศหนาวค่ะ ถ้าร้อนฉันจะนอนไม่หลับคุณล่ะคะ”
“ชอบครับได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ หลายอย่าง ประสบการณ์ชีวิต การใช้ชีวิตคนเดียว”
“ฉันไปดูแข่งทุกแมตช์เลยค่ะ ตอนนี้ถึงจะทำงานแล้วช่วงไหนถ้าสามารถหยุดยาวได้เกินอาทิตย์ ฉันก็บินไปบ่อยๆ ค่ะ ฉันชอบเดินทางท่องเที่ยว ถ่ายรูป”
“เดี๋ยวเราจัดทริปไปเที่ยวด้วยกันดีไหมครับ”
“ถ้ามีโอกาสค่ะ งานคุณคงยุ่งมากนะคะ ยิ่งหน้าเทศกาลคงจะยุ่งเป็นเท่าตัว”
“ยุ่งอยู่ครับแต่บริษัทผมมีทีมบริหารที่เก่งมาก ก็เลยทุ่นแรงไปได้เยอะ มีแต่บางช่วงที่ต้องบินไปดูสาขาตามต่างจังหวัดบ้างครับ”
“ดีจังค่ะ”
“มื้อแรกของเราไม่เลวเลยครับ คุณว่าไหม ลองทานนี่ดูนะครับ”
“เมื่อก่อนฉันเคยคิดนะคะ ว่าถ้าเราเจอกันจะเป็นยังไง ฉันกลัวคุณไม่ยอมคุยด้วยค่ะ เพราะเห็นคุณควงแค่ผู้หญิงสวย”
“คุณจะบอกว่าตัวเองไม่สวย” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นถามเธอ
“ไม่รู้สิคะ ถ้าสวยคงไม่ขึ้นคานมาจนถึงทุกวันนี้ มันทำให้ฉันไม่ค่อยมั่นใจ”
“ถ้าคุณไม่สวยในโลกนี้คงไม่มีผู้หญิงสวยแล้วล่ะครับ”
“ฉันจะถือเป็นคำชมนะคะ”
“ผมไม่เคยโกหก คุณเชื่อคำพูดของผมได้เลย”
“ขอบคุณนะคะ” พิริยฉัตรส่งยิ้มกว้างไปให้ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างดีใจที่ได้รับคำชมจากเขา
“ยิ้มบ่อยๆ นะครับผมชอบเวลาคุณยิ้ม”
“…”
คุณานนต์มองรอยยิ้มของเธออย่างสนใจ ผู้หญิงที่ทำท่าทางเขินอายอย่างเป็นธรรมชาติ แถมกินเก่งมากถึงว่าเธอถึงไม่ผอมมากอย่างพวกนางแบบ เขาชอบนะกำลังดี ขุนให้เธออวบๆ เวลาจับกินจะได้อร่อย ‘บ้าไปแล้วแกมาคิดลามกกับเธอทั้งที่เจอกันครั้งแรก’
“อิ่มแล้วค่ะ รู้สึกดีขึ้นมากเลย เกือบจะสี่โมงแล้ว แล้วเราจะดินเนอร์กันตอนไหนดีคะ”
“สามทุ่มเป็นไงครับ”
“ได้ค่ะ”
“ไปนั่งพักตรงนั้นดีกว่าครับจะได้ดูบอลไปด้วย”
“ค่ะ”
นั่งดูบอลจิบไวน์ไปสักพัก เขาสังเกตว่าหน้าเธอเหมือนจะบวมขึ้น แล้วเป็นจ้ำสีแดงๆ
“ฉันต้องกลับห้องแล้วรู้สึกไม่ดีเลย” เธอลุกขึ้นยืนพร้อมกับเซนิดๆ
“คุณเป็นอะไรเหรอคุณหายใจแรง แล้วยังหน้าบวมอีก”
“ฉันรู้สึกคลื้นไส้ หายใจไม่ออกเลยค่ะ”
“ผมจะพาคุณไปส่งที่ห้อง”
คุณานนต์ประคองเธอเดินไปจนถึงห้อง เธอหยิบคีย์การ์ดออกมาแตะเปิดห้อง
“คุณกลับไปเถอะ”
“จะให้ผมปล่อยคุณไว้คนเดียวได้ไง ไปโรงพยาบาลกันไหม ผมจะพาไป”