“ยังไงหรอคะ” หญิงสาวถามออกไปด้วยความสงสัย
“ความจริงแล้วเราสองคนเป็นเพื่อนกันครับ เราทั้งสองคนโดนคนร้ายวางยาในงานเลี้ยงเลยทำให้พลาดพลั้งมีอะไรกันน่ะครับ”
“ตายจริงมีเรื่องแบบนี้ด้วยหรอคะ” หญิงสาวยกมือทาบอกด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าจะมีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นจริงคิดว่าจะมีแต่ในละครซะอีก แต่เธอคงลืมไปว่าละครส่วนใหญ่ก็ดัดแปลงมาจากเค้าโครงเรื่องจริงทั้งนั้น
“ใช่ครับ จนป่านนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าเป็นฝีมือของใครแต่คิดว่าเป็นคนงานในไร่นี่แหละครับแต่แค่ยังหาหลักฐานไม่ได้น่ะครับ”
“ในไร่ไม่ปลอดภัยจริงๆค่ะ”
"สำหรับผมกับอดีตภรรยาเราสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อนกันมากกว่าครับ ที่สำคัญเราแยกห้องนอนกันด้วยแม่นมท่านก็รู้เรื่องนี้ดี”
“ปรีสงสารเธอจังเลยค่ะ”
“ตอนนี้เธอคงจะไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์แล้วล่ะครับเพราะพี่ชวิศหาคนที่จะมาดูแลลูกชายของเธอได้แล้ว”
“มะ หมายถึงปรีหรอคะ”
“ใช่ครับ ผมไม่เคยเห็นลูกชายของผมติดใครแจแบบนี้เลยสักครั้ง คุณคนแรกครับ”
“ปกติไม่ค่อยมีคนมาเล่นกับแกหรือเปล่าคะ”
“คิดผิดแล้วครับ ปกติก็มีคนรู้จักแวะเวียนมาหาเป็นประจำจนน่าปวดหัวเลยละครับ ผมขอร้องนะครับ ผมอยากให้คุณดูแลลูกชายของผมจนกว่าจะเปิดเทอม คุณอดทนหน่อยนะครับ”
“ค่ะ เรื่องนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ปรีรับหน้าที่นี้มาแล้วก็ต้องทำมันอย่างเต็มที่ค่ะ” เธอเข้าใจความหมายของชายหนุ่มก็วันนี้เอง เขาต้องการให้เธออยู่ที่นี่จนกว่าลูกของเขาจะเข้าโรงเรียน เธอรู้แล้วว่าเธอมีความสำคัญยังไงกับเขาในเมื่อเขาชัดเจนขนาดนี้
“งั้นคืนนี้เราก็แยกย้ายกันเถอะครับ ผมรบกวนเวลานอนคุณมามากแล้ว”
“ค่ะ”
“ฝันดีครับ” หญิงสาวไม่ได้ตอบกลับอะไรแต่ในใจมันกลับเจ็บแปลบๆ บอกให้เธออยู่ถึงตอนไหนก็ว่าใจร้ายแล้วแต่นี่ยังมาส่งยิ้มให้เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นมันไม่ใจร้ายเกินไปหรอ ด้านชายหนุ่มบอกฝันดีหญิงสาวยิ้มๆแล้วก็เดินจากไป
เช้าวันต่อมาหญิงสาวก็ชวนหนุ่มน้อยมารับประทานอาหารเช้าโดยไม่รอคนตัวโตที่ลงมาช้ากว่าทุกวัน นั่นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสงสัยเพราะปกติแล้วเธอจะรอเขามาทานข้าวพร้อมกัน
“วันนี้ทำไมทานข้าวแล้วล่ะครับ”
“ปรียังต้องมีงานต้องทำอีกเยอะค่ะเพราะเจ๊วิศจะยกกองถ่ายมาน่ะค่ะ” ชวิศโทรมาหาปรียาดาเพื่อที่จะบอกว่าเขากำลังจะยกกองถ่ายมาที่ไร่ อยากให้เธอเตรียมพร้อมเรื่องอาหารการกินให้คนในกองถ่ายซึ่งเธอก็ยินดีทำให้ด้วยความเต็มใจโดยมีลูกมืออย่างสองสาวฝาแฝดและแม่ครัวประจำบ้าน
“เรื่องนี้นี่เองผมทราบแล้วครับ ผมฝากด้วยนะครับ”
“ค่ะ”
เมื่อถึงวันเวลาที่ชวิศนัดหมายฝ่ายเขาก็พาคนทั้งกองบุกมาที่ไร่ ทุกคนต่างตื่นเต้นดีใจที่ได้ออกมาทำงานนอกสถานที่ แถมสถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่แห่งความทรงจำเพราะไม่ว่าจะถ่ายมุมไหนก็สวยไปหมด
“พวกคุณชวิศมาแล้วค่ะพี่ปรี”
“รีบออกไปต้อนรับพวกเขากันเถอะ”
“คุณปรียาดาขาพวกเรามาแล้วค่ะ”
“สบายดีนะคะเจ๊ คิดถึงจัง” ปรียาดาโผเข้ากอดชวิศด้วยความคิดถึง
“สบายดีที่ไหนล่ะทุกวันนี้หัวหมุนจะแย่” ชวิศดันตัวหญิงสาวออกเบาๆแล้วก็หน้างอพร้อมทั้งบ่นให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าเขาเหนื่อยเหลือเกิน
“คิกๆ เจ๊ก็ลองมาใช้ชีวิตที่นี่บ้างสิคะจะได้ไม่วุ่นวาย”
“เชิญอยู่ไปเถอะจ้ะที่นี่ไม่มีแสงสีเจ๊ไม่ชอบ อยู่ไม่ได้หรอก” ชวิศปฏิเสธออกไปทันทีเขาไม่คิดจะกลับมาอยู่ที่นี่อยู่แล้วเพราะแค่น้องชายกับหลานก็เพียงพอแล้วที่จะดูแลที่นี่ต่อจากคุณพ่อคุณแม่
“ตายจริงนี่ใครคะ ใช่พี่ปรียาดาหรือเปล่าเนี่ย” พชิราหรือเพชรดาราสาวรุ่นน้องที่เคยมีเรื่องกับปรียาดาเอ่ยถามน้ำเสียงเหยียดๆ ในใจหล่อนคิดว่าปรียาดาตกอับได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ดูเสื้อผ้าหน้าผมของหล่อนสิราศีไม่จับเลย
“ใช่ค่ะ น้องเพชรมีปัญหาอะไรหรือเปล่าละคะ”
“เพชรไม่กล้ามีปัญหาหรอกค่ะเพชรกลัวโดนตบ คิกๆ” จบประโยคพชิราก็หัวเราะชอบใจออกมา เหตุการณ์ในวันนั้นเธอเป็นเหยื่อใครๆก็เห็น แค่คิดว่าเธอสามารถทำให้ปรียาดากระเด็นออกจากวงการได้ก็มีความสุขแล้ว
“นี่นายหัวชรัณไม่อยู่หรอคะพี่ปรีถึงต้องออกมาต้อนรับ”
“นายหัวเขามีงานสำคัญต้องทำไม่จำเป็นต้องเสียเวลามาต้อนรับหล่อนหรอกนะเพราะหล่อนไม่ใช่คนสำคัญนี่”
“นังปรียาดา!” พชิรากำมือแน่นรู้สึกเสียหน้ามากๆเพราะปรียาดาจงใจให้ผู้คนรอบข้างได้ยินด้วย
“จะทำไมหรอคะน้องเพชรหม่นแสง ตบสิคะพี่จะได้ตบกลับ”
“พอๆสองคนนี้เจอกันทีไรมีเรื่องทุกที เจ๊ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกว่าเพชรเขาจะมาด้วย พอดีทางช่องขอพี่มาน่ะ” ชวิศออกโรงห้ามสองสาวก่อนที่จะมีเรื่องราวใหญ่โตเกิดขึ้น
“ปรีไม่มีปัญหาอยู่แล้วแต่อย่าให้ใครมามีปัญหากับปรียาดาคนนี้ก็แล้วกันเพราะปรีสู้ไม่ถอย ยิ่งตอนนี้ยิ่งไม่ต้องห่วงหน้าตาปรีสามารถตบได้ยับเลย”
“เจ๊ชวิศขา เพชรขอไปเดินเล่นก่อนได้ไหมคะ” พชิราเห็นท่าไม่ดีจึงต้องรีบหาทางหลบหลีก
“จะไปไหนก็ไปเถอะอย่าลืมเอาโทรศัพท์ไปด้วยเผื่อมีอะไรจะได้โทรตาม”
“ค่ะเจ๊”
“นังนี่มันวอนหาเรื่องจริงๆ”
“ใจเย็นๆนะ ยัยเพชรแกต้องการปั่นประสาทปรีนะ ปรีต้องห้ามใช้อารมณ์เด็ดขาดเลยรู้ไหม”
“ค่ะ”