“รวี คุณรวี เปิดประตูหน่อยสิ”
นลินยืนตะโกนเรียกรวีอยู่บริเวณหน้าบ้านในยามเช้า จากนั้นไม่นานประตูก็ถูกเปิดขึ้นโดยเจ้าของบ้านที่ยังอยู่ในชุดนอนและดูเหมือนว่าเพิ่งจะลุกจากเตียงเสียด้วยซ้ำไป
สองอาทิตย์ที่ผ่านมานลินและรวีสนิทกันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“คุณนลินมาทำอะไรแต่เช้าคะเนี่ย”
รวีพูดพร้อมขยี้ตาเพื่อสู้กับแสงแดดในยามเช้า
“เช้าอะไร นี่มันจะเก้าโมงแล้วนะ”
นลินมองดูนาฬิกาข้อมือก่อนจะเดินเข้าบ้านของรวีเสมือนหนึ่งว่าเป็นบ้านอีกหลังของตน
“แต่นี่มันวันหยุดราชการนะคะ”
วันหยุดอื่นที่นอกเหนือจากเสาร์-อาทิตย์ ใคร ๆ ก็อยากที่จะนอนนิ่ง ๆ ทั้งวันโดยไม่ต้องทำอะไร รวีก็ต้องการที่จะนอนโง่ ๆ บนเตียงเช่นกัน
รวีเดินงัวเงียไปหยิบกุญแจบ้านของตนยื่นให้นลิน นลินรับมาอย่างงง ๆ
“ถ้าคุณเล่นมาบ้านวีทุกวันอย่างนี้เอากุญแจสำรองไปเถอะค่ะ วีฝากปิดบ้านด้วยนะคะ ขอตัวไปนอนต่อก่อนนะ”
พูดจบรวีก็พุ่งตัวไปยังบนที่นอนทันที
“นี่อย่าเพิ่งนอน ฉันอยากไปช็อปปิ้ง ตื่นเร็วเข้า”
นลินนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ รวี พร้อมเขย่าตัวรวีเบา ๆ หวังให้รวีตื่น แต่ก็ไม่เป็นผล
“นี่คุณ วีขอนอนต่ออีกแป๊บ คุณหาอะไรทำพลาง ๆ ไปก่อนนะ”
รวีพูดทั้งที่ยังหลับตา
นลินได้แต่ถอนหายใจ ตอนนี้เธอคงต้องรอ รอให้รวีตื่นเสียก่อน ดูท่าแล้วคงจะไม่ตื่นภายในห้าถึงสิบนาทีนี้แน่ ๆ นลินนั่งเล่นมือถือไปสักพักเธอก็เปลี่ยนบริบทเป็นเดินรอบบ้าน ดูโน้นดูนี่ไปเรื่อย ๆ จนไปสะดุดกับอัลบั้มรูปภาพ นลินจึงเปิดดูเพื่อฆ่าเวลาเล่น
รวีตอนเด็กนี่น่ารักใช่ย่อย นลินคิดในใจ
เมื่อนลินกำลังจะเปิดหน้าต่อไปของอัลบั้มก็เป็นจังหวะเดียวกับที่รวีตื่นพอดี รวีมองไปที่นลินด้วยความสงสัย ปกตินลินต้องทำทุกวีถีทางให้เธอตื่นให้ได้ แต่ทำไมวันนี้กลับนั่งนิ่งเชียว
“นี่คุณ ทำอะไรอยู่เหรอ?”
นลินหันหน้าไปทางเตียงที่รวีอยู่ พร้อมกับยิ้มกว้าง
“ตอนเด็ก ๆ คุณนี่ก็น่ารักเหมือนกันนะ แต่ทำไมโตขึ้นแล้วถึงไม่ได้เรื่องล่ะ?”
รวีเห็นอัลบั้มภาพของเธอในมือนลินก็รีบพุ่งตัวไปแย่งคืนทันทีด้วยความอาย
“แอบมาดูรูปวีตอนเด็กทำไมคะเนี่ย แล้วอีกอย่างไม่ว่าจะตอนไหนวีก็น่ารักเถอะค่ะ”
หน๊อย มาแอบดูไม่พอยังจะวิจารณ์เธออีกเสียนี่
“ก็เธอบอกฉันเองนะว่าให้ฉันหาอะไรทำไปพลาง ๆ แล้วบังเอิญก็มาจากอัลบั้มเนี่ย”
รวียอมรับ เธอผิดเองที่ดันไปพูดอย่างนั้น เลยหาจงข้ออ้างมาแก้ตัวไม่ได้ เมื่อรวีตื่นเต็มตาแล้วก็ลุกไปอาบน้ำ
“คุณนลิน วีไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
นลินพยักหน้าให้รวี แต่เมื่อรวีเดินออกไปไม่ถึงก้าวก็เดินกลับเข้ามา
“คุณนั่งรอวีเฉย ๆ นะ เข้าใจไหมคะ?”
“จ๊า ๆ คุณรวี!”
ตอนแรกเธอก็กะจะนั่งเล่นมือถือรออยู่หรอก แต่เมื่อลูกน้องคนสนิทของเธอบอกอย่างนี้แล้ว ชักจะไม่อยากนิ่งรอเฉย ๆ แล้วสิ นลินนั่งคิดนิดนึงว่าจะเริ่มสำรวจอะไรเป็นอย่างแรกดี
ใช่แล้ว ตู้เสื้อผ้าดีกว่า
ในขณะที่รวีกำลังอาบน้ำอย่างมีความสุข ทางด้านนลินก็กำลังรื้อและวิจารณ์เสื้อผ้าเธออย่างสนุกเช่นกัน
“อี๋ ตัวนี้เชยมาก ยุคคุณป้า ใส่เข้าไปได้ไงเนี่ย”
นลินชูชุดกระโปรงลายลูกไม้ขึ้นเพื่อพิจารณาก่อนจะแขวนไว้ที่เดิม จากนั้นก็หยิบอีกตัวขึ้นมาดูแทน
“ตัวนี้ก็ใช้ไม่ได้” ขณะที่นลินกำลังเพลินกับการรื้อเสื้อผ้าอยู่นั้นรวีก็เดินออกจากห้องน้ำพอดี ก็เห็นภาพนลินกำลังหยิบเสื้อของเธอออกมา
“นั้นคุณนลินทำอะไรคะ”
นลินหันไปเห็นรวีก็อ้าปากค้าง เธอกะจะเก็บให้เรียบร้อยก่อนรวีจะเดินออกมาเห็น แต่ก็ไม่ทันการเสียนี่
“เปล๊า ฉันไม่ได้ทำไรเลยจริง ๆ นะ”
นลินรีบปฏิเสธทันควัน
“หลักฐานคามือยังจะปฏิเสธอีกนะคะ”
รวีชี้ไปที่มือของนลินที่ยังถือเสื้อของเธออยู่
“โอเค ๆ ฉันแค่อยากรู้เฉย ๆ ว่าเธอใส่เสื้อสไตล์ไหน”
“ได้ดูแล้วคุณนลินว่าวีใส่สไตล์ไหนคะ?”
“สไตล์เฉิ่ม”
นลินพูดพลางเก็บเสื้อผ้าเข้าที่อย่างเป็นระเบียบ
“คุณนลิน!!!”
รวีหน้างอแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ แล้วจึงถามนลินต่อเรื่องที่เธอสงสัยมาตั้งแต่เช้า
“แล้วคุณมาหาวีมีอะไรคะ วีแต่งตัวเสร็จแล้วนะ”
“ฉันอยากไปเดินเล่น ฉันอยากช้องปิ้ง ฉันเลยมาชวนเธอไปเป็นเพื่อนไง” นลินพูดจบก็ดึงมือรวีให้ออกจากบ้านทันที
“เดี๋ยวสิคะ วีไปเอากระเป๋าก่อน คุณไปรอที่รถเลย เดี๋ยววีตามไป”
พูดจบรวีก็เดินไปหยิบกระเป๋าสะพายสีชมพูอ่อนที่ใช้เป็นประจำ
“เร็วสิ ช้าจริง”
นลินลดกระจกรถลงก่อนตะโกนเร่งรวีที่กำลังล็อคบ้าน
“ใจเย็น ๆ สิคะ”
ณ ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง เป็นศูนย์กลางของนักช้อป มีของให้จับจ่ายใช้สอยมากมายหลายระดับ ระดับราคามาตรฐานจนถึงแพงหูฉี่ รวมทั้งอาหารคาวหวาน แต่ละร้านมีป้ายเซลล์ลดราคาเพื่อดึงดูดเหยื่อการตลาด เหยื่อที่ว่านั้นรวมถึงหญิงสาวในชุดเดรสสีแดง สวมแว่นตาดำที่กำลังเดินหิ้วข้าวของที่เพิ่งซื้อมาจากร้านแบรนด์ต่าง ๆ
“ทำไมมีแต่คนมองฉันนักนะรวี หรือเป็นเพราะความสวย ต้องใช่แน่ ๆ”
นลินหันมาถามรวีก่อนจะแวะร้านเสื้อผ้าอีกร้าน
“โอ๊ย เขามองว่าคุณแปลกสิไม่ว่า คนบ้าที่ไหนใส่แว่นดำเดินห้างคะ ถอดออกเลยนะวีอายคนอื่น ถ้าไม่ถอดวีขอเดินห่าง ๆ นะคะ”
พูดจบรวีก็เดินถอยหลังทิ้งระยะห่างกันนลินทันที ข้าวของพะรุงพะรังที่เธอถืออยู่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินถอยหลังซะเท่าไหร่ถ้าเทียบกับความอาย
“เออ ถอดแล้ว ๆ … ก็แสงไฟมันเข้าตานี่”
นลินถอดแว่นออกแต่โดยดี แต่ก็แอบบ่นอุบอิบนิดหน่อย
“คุณนลินคะ ยังจะเข้าอีกเหรอคะเนี่ย ที่คุณซื้อไปไปเนี่ย ใส่อีกสามปียังใส่ไม่ครบเลยนะคะ”
รวีชูถุงร่วมสิบถุงที่อยู่ในมือของเธอให้นลินดู
“อีกอย่างวีว่ากล้ามแขนของวีใกล้จะขึ้นแล้ว เดี๋ยวอีกหน่อยคงเล่นเพาะกายได้แล้วเนี่ย”
“เอาน่า ฉันขอร้านเสื้อร้านนี้ร้านสุดท้ายนะ โอเคไหม?”
รวีทันได้ตอบตกลง นลินก็เดินหายเข้างไปดงเสื้อผ้า ใครจะไปขัดใจคุณเธอเขาได้ล่ะ คงต้องปล่อยให้นลินเลือกเสื้อไปพลาง ๆ ส่วนเธอคงต้องเอาของไปเก็บที่รถก่อน โชคดีที่นลินทิ้ทุกอย่างเอาไว้ที่เธอ เอาเพียงกระเป๋าเงินติดตัวไปอย่างเดียว โธ่วันหยุดของเธอทั้งทีต้องมาเป็นเบ้แบกของเหรอเนี่ย
“วี วี ทางนี้”
รวีหันไปทางต้นเสียงก็พบกับปรีดาและเมื่อเธอของในมือของรวีก็ตะลึง
“โหวี รวยมาจากไหนเนี่ย ถูกหวยหรือไง ทำไมข้าวของเต็มมืออย่างนี้” ปรีดาพูดพร้อมพลิกถุงในมือรวีไปมา “มีแต่ของแพง ๆ ทั้งนั้นเลย สรุปถูกหวย?” ปรีดาถามต่อ
“ถ้าถูกจริงฉันลาออกจากงานไปนานแล้วดา ส่วนของทั้งหมดนี่ไม่ใช่ของฉัน ของคุณนลินเขาน่ะ”
รวีรีบพูดก่อนจะถูกถามต่อว่าของในมือคือของใคร
“นี่มากับคุณนลินหรอกเหรอ?”
รวีพยักหน้า
“คุณนลินนี่ใช้ไม่ได้เลยนะ วันหยุดแท้ ๆ ดันใช้พนักไม่หยุดหย่อน คอยดูเถอะฉันจะฟ้องกรมแรงงานฯ”
ปรีดาพูดด้วยน้ำเสียงขึงขัง
“เห้ย ดาไม่ใช่อย่างนั้น”
รวีรีบปฏิเสธปรีดา กลัวปรีดามีอคติกับนลินไปมากกว่านี้
“จะไม่ใช่ได้ยังไงล่ะวี ก็ตลอดสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา คุณนลินจิกหัวใช้แกตลอดเวลา ให้ทำโน้นนี่ไม่หยุดหย่อน ขนาดวันนี้ยังไม่เว้น”
จริงอย่างที่ปรีดาเอ่ย เพียงแต่นลินไม่ได้จิกหัวใช้เธอ แต่เป็นเธอต่างหากที่เสนอตัวเข้าไปหานลินตลอดเวลา
“ดา ทำไรอยู่ ไปกันเถอะหนังจะเล่นแล้ว”
รวีกำลังปรับความเข้าใจใหม่ให้กับความคิดของปรีดา แต่ทันได้บอกชญานีก็เดินเข้ามาพอดี
“อ้าววี มาทำไรเนี่ย โห ซื้อไปถมที่เหรอ?”
ชญานีตกใจอีกคนเมื่อเห็นของในมือรวี
“บ้าเหรอพี่นี นี่ของคุณนลินเขา”
“แล้วพี่นีกับดามาทำไรกันสองคนล่ะ?”
รวีเอ่ยถามบ้าง
“พวกฉันมาดูหนังกันน่ะ มีเจ๊สุอีกคนด้วย แต่ตอนนี้ไม่รู้เจ๊แอบไปอ่อยเหยื่อที่ไหน เออพี่กับดาไปก่อนนะวี ใกล้เวลาเข้าโรงแล้ว”
เมื่อรวีแยกย้ายกับปรีดาและชญานีแล้วก็เดินตรงไปที่ลานจอดรถ เธออยากรีบเก็บข้าวของพวกนี่เสียที เมื่อยจะแย่แล้ว
ตุบ!
เสียงถุงเสื้อผ้าในมือรวีตก รวีมองไปยังถุงที่ตกลงพื้น เธอก็ครุ่นคิดว่าจะเก็บมันอย่างไรดีให้ของในมือชิ้นอื่น ๆ ไม่หล่นตามไปอีก ในขณะที่กำลังยืนคิดวิธีเก็บอยู่นั้นก็มีมือหนึ่งเอื่อมลงไปเก็บและยื่นให้กับรวี รวีเงยหน้ามองด้วยความซาบซึ้ง
“ขอบคุณนะคะ.. อ่าวพี่ชัช”
รวีกล่าวขอบคุณก่อนเงยหน้าขึ้นแล้วพบว่าเป็นรณชัช รุ่นพี่ในคณะสมัยเธอเรียนมหาลัยนั่นเอง
“ว่าไงวี มาพี่ช่วยถือของ”
รณชัชหยิบของบางส่วนในมือรวีเพื่อให้รวีไม่ต้องถือของหนักมากนัก
“วีมาคนเดียวเหรอ ซื้อของซะเยอะเลย”
รณชัชกล่าวถามก่อนเอาของใส่หลังรถ
“เปล่าค่ะ วีมากับหัวหน้าน่ะค่ะ ส่วนของพวกนี้ก็ของหัวหน้าวีเอง”
“หัวหน้าหรือแฟน?”
“ยังเป็นแค่หัวหน้าค่ะ แต่อีกไม่นานหรอกค่ะ”
รวียิ้มอ่อน
“แล้วพี่ชัชไปไงมาไงคะเนี่ย กลับไทยนานแล้วเหรอคะ?”
“ได้สักพักแล้วล่ะ ว่าจะกลับมาง้อแฟนหน่อย”
รณชัชมีสีหน้าสลดลงนิดหน่อย
“พี่ชัชคะ วีไปก่อนนะคะ วีออกมานานแล้ว ไม่รู้ป่านนี้หัวหน้าคงรอวีอยู่”
รวีมองนาฬาข้อมือ กว่ารวีจะเดินมาที่รถก็ใช้เวลานานพอควร ไหนจะแวะคุยกับชญานีและปรีดา แถมยังมาเจอรณชัชอีก
“ได้ ๆ ไว้วันหลังค่อยคุยกันนะวี”
“ได้ค่ะพี่ชัช ไว้เจอกันค่ะ”
หลังแยกจากรณชัช รวีรีบเดินกลับไปที่ร้านเสื้อผ้าร้านที่นลินอยู่ทันที หวังว่านลินคงจะยังเลือกไม่เสร็จหรอกนะ เธอไม่อยากตอบคำถามของนลินว่าเธอไปไหนมา คงโดนซักถามเหมือนทำแบบสอบถามเป็นแน่ เมื่อเดินมาถึงก็เห็นนลินกำลังจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์พอดิบพอดี โชคดีเสียจริงที่มาทัน
“โห คุณนลินคะวีเพิ่งจะไปเก็บของมาให้เองนะคะ”
รวีมองถุงในมือนลินอย่างเหนื่อยใจ
“ไม่เยอะหรอก เราก็ช่วยกันถือไง ฉันหนึ่งถุง เธอสี่ถุง แฟร์ๆ”
พูดจบนลินก็ถือของมายัดใส่มือรวีทันที
มันแฟร์ตรงไหนกัน?
“แล้วเราจะไปไหนกันต่อไหมคะคุณนลิน”
“เอิ่ม ฉันอยากไปตลาดนัดน่ะ อยากลองกินอาหาร ของคาวหวานต่าง ๆ ที่นั้นด้วย”
หลังจากที่เคยลิ้มรสข้าวเหนียวหมูปิ้งก็ทำให้นลินเริ่มมีความึงคิดที่อยากจะลองชิมอาหารอื่น ๆ ในตลาดบ้าง
“ไปอีกแล้วเหรอคะ? อาทิตย์นี้คุณเล่นชวนวีไปทุกตลาดในระแวกนี้เลย”
“ก็ฉันไม่เคยกินตั้งหลายอย่าง ฉันก็อยากลองกินไปเรื่อย ๆ”
“วีไม่อยากมีเจ้านายเป็นตุ่มนะคะ”
“ใครแคร์ ฟิตเนสมีไว้ทำไมล่ะ เดี๋ยวฉันก็ไปเบิร์นออกเอา”
“คุณนลินเปิดท้ายรถเร็ว ๆ หน่อยสิคะ วีหนัก”
“รู้แล้ว บ่นจริง ใครเจ้านายใครลูกน้องเนี่ยฮะ!”
“นี่นอกเวลางานวีไม่ถือหรอกค่ะ”
“ฉันสิต้องเป็นคนพูดไม่ใช่เธอ แล้วตกลงตลาดที่ฉันบอกมันอยู่แถวไหนจะได้ขับไปถูก”
“มาค่ะ เดี๋ยววีขับเอง คุณเชิญนั่งสวย ๆ บนรถเลย”
“สวยอยู่แล้ว จะนั่ง เดิน กิน นอน ฉันก็สวย”
รวีมองคนหลงตัวเองพร้อมถอนหายใจ เธออยากจะตะโกนออกไปว่าเธอเองก็สวยไม่แพ้กัน