ตอนที่ 4 ผู้เล่นกับความลับ

2353 คำ
"หลานเก็บของพวกนั้นไว้ในห้องอย่างงั้นเหรอ อากาศร้อนมากขนาดนี้มันจะไม่เน่าเสียไปก่อนเหรอ" นางหวังซื่อที่ถูกหลานสาวพาเข้ามาในห้องก็นึกไปว่าหลานสาวเก็บของพวกนั้นเอาไว้ในนี้ แต่หลานสาวป่วยและสลบไปนานถึง 3 วันกว่าจะฟื้นขึ้นมา ของพวกนั้นโดยเฉพาะเนื้อหมูป่านนี้อาจจะเน่าเสียแล้วก็เป็นได้ เพราะอากาศในช่วงนี้ร้อนมาก "หนูเก็บพวกมันไว้กับตัวค่ะ นี่ยังไงคะ" หงอ้ายเอ่ยตอบย่าฟางกลับไป พร้อมกับเรียกเอาไข่ไก่ เนื้อหมู และข้าวสาลีออกมาวางบนเตียงเตา ดีที่ระบบเกมแปลงข้าวสาลีให้อยู่ในถุงผ้ากระสอบใบเล็กที่มีน้ำหนัก 1 ชั่ง ไข่ไก่ก็ใส่อยู่ในกล่องกระดาษจำนวน 10 ฟอง ส่วนเนื้อหมู 1 ชิ้นก็ห่อกระดาษเอาไว้อย่างดี และเธอเตรียมที่จะเอาของอย่างอื่นออกมาอีก แต่ได้ยินเสียงของย่าฟางห้ามเอาไว้ก่อน "นะ…นี่มัน!! หงอ้ายหยุดก่อน" นางหวังซื่อเห็นสิ่งที่หลานสาวทำ โดยการหยิบเอาสิ่งของออกมาจากอากาศก็ถึงกับตกใจ แต่ก็รีบหยุดหลานสาวเอาไว้ แล้วรีบเปิดประตูออกไปดูที่ด้านนอกและที่หน้าประตูบ้านว่ามีใครผ่านไปผ่านมาบ้างหรือไม่ รวมถึงมองไปที่รั้วข้างบ้านที่อยู่ด้านหลังติดกับห้องของบ้านรองด้วย ถึงแม้อีกฝั่งจะเป็นเพียงพื้นที่ว่างรกร้างเท่านั้นก็ตาม และเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอื่นอยู่ในบริเวณนี้ก็ปิดประตูหน้าบ้านอย่างแน่นหนา และไม่ลืมไปดูหลานชายที่อยู่อีกห้อง ซึ่งทั้งสองคนยังคงนอนหลับกันอยู่ "หงอ้าย หลานทำได้ยังไง" นางหวังซื่อเอ่ยถามหลานสาว เมื่อแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีใครมาได้ยินหรือเห็นเรื่องนี้อย่างแน่นอน นางกลัวว่าจะมีใครเอาเรื่องนี้ไปบอกพวกทหารแดง ครอบครัวฟางทั้งหมดและหลานสาวอาจจะถูกจับตัวไปลงโทษในข้อหางมงายหรือนับถือสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติได้ แล้วเด็กสิบขวบจะทนการทรมานได้ยังไง แค่ล้มหัวฟาดกับโต๊ะก็ยังสลบไปถึงสามวันเลย "หนูก็ไม่รู้ค่ะ หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาก็เห็นว่ามีอะไรบางอย่างลอยอยู่ตรงหน้าพอลองแตะดูก็เห็นเป็นภาพมีของมากมายอยู่ในนั้น และมีบอกไว้ว่าเป็นหน้าจอของระบบเกมฟาร์มค่ะ" หงอ้ายเอ่ยตอบไปตามความจริง ยกเว้นเรื่องที่เธอไม่ใช่หลานสาวของตระกูลฟางตัวจริง และเพราะเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้มาที่นี่และได้รับระบบเกมฟาร์มนี้มา ถึงแม้จะมีบอกว่าเธอเป็นผู้โชคดีแต่มันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่า และเป็นเพราะความไม่รู้นี้แหละ เธอถึงได้ยินยอมรับร่างนี้เอาไว้ "เอาล่ะ ย่าเข้าใจแล้ว แต่หงอ้ายเรื่องนี้หลานต้องจำไว้นะว่าจะบอกให้ใครรู้ไม่ได้ แม้แต่พ่อกับแม่ของหลานหรือพวกพี่ชายก็ด้วย ตอนนี้มันยังไม่ปลอดภัย ถ้ามีใครรู้ว่าหลานทำอะไรแบบนี้ได้ หลานอาจจะถูกพวกทหารแดงมาจับตัวไปก็ได้ ถ้าถูกจับตัวไปก็จะไม่ได้อยู่กับทุกคนอีก เข้าใจใช่ไหม" นางหวังซื่อที่ได้ฟังคำตอบของหลานสาวก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี จะขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มอบระบบอะไรนี้มาให้ก็ทำไม่ได้ จะไปบอกกับใครก็ยิ่งไม่ได้ เลยได้แต่กำชับหลานสาวให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ "หนูเข้าใจแล้วค่ะ เพียงแต่หนูไม่อยากกินน้ำข้าวต้มใสๆ นี่อีก ถึงได้เลือกบอกกับย่าค่ะ" หงอ้ายก็ตอบรับคำของย่าฟาง และบอกถึงสาเหตุที่เธอยอมบอกเรื่องนี้กับผู้เป็นย่า "โถ่ หลานย่า ถ้าอย่างนั้นระบบอะไรนี่ มันมีข้าวสาร ไข่ไก่ กับเนื้อหมูมาให้อย่างนั้นเหรอ แล้วหลานต้องทำอะไรหรือว่าแลกเปลี่ยนกับอะไรไหม" นางหวังซื่อได้ยินคำตอบของหลานสาวก็อดรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้ นี่ขนาดครอบครัวของเธอที่ว่ามีฐานะดีกว่าครอบครัวอื่นๆ ในหมู่บ้าน เพราะลูกชายคนเล็กที่เป็นทหารคอยส่งเงินกับคูปองมาให้ ก็ยังกินอาหารได้เพียงแค่สองมื้อต่อวัน และกินอิ่มกันได้แค่ครึ่งท้องเท่านั้น แต่ครอบครัวอื่นๆ ในหมู่บ้านไม่ได้มีชีวิตที่ดีแบบนี้ บางบ้านได้กินแค่มื้อเดียว บางบ้านก็แทบไม่มีอะไรจะกินต้องไปหารากไม้มากินประทังชีวิตกันเสียด้วยซ้ำไป "ระบบที่หนูมี มันเรียกว่า ระบบเกมฟาร์ม ค่ะ โดยจะให้เราจัดการงานในฟาร์ม เช่นปลูกผัก ปลูกต้นผลไม้ แล้วก็เลี้ยงสัตว์เพื่อเก็บผลผลิต เพียงแต่ระบบเกมของหลานมันพิเศษกว่านั้น คือการที่หลานสามารถเอาของในเกมฟาร์มออกมากินมาใช้ที่ด้านนอกได้ และยังมีเครื่องผลิตต่างๆ ที่ไว้ใช้แปรรูปอาหารหรือผลิตสิ่งของได้อีกด้วย แล้วหนูก็ไม่ต้องแลกเปลี่ยนกับอะไร เพียงแค่ว่าของทุกอย่างหนูต้องจัดการเก็บเกี่ยวหรือปลูกมันด้วยตนเองภายในเกมเท่านั้น" หงอ้ายอธิบายระบบเกมที่ตนเองมีให้ผู้เป็นย่าฟัง "ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี นี่หมายความว่านอกจากข้าวสาร ไข่ไก่ กับเนื้อหมูที่หลานเอาออกมาแล้ว ยังมีของอย่างอื่นอีกอย่างงั้นเหรอ" นางหวังซื่อได้ฟังคำบอกเล่าจากหลานสาวก็ได้แต่รู้สึกตกตะลึงปนโล่งใจที่สิ่งของพวกนี้หลานสาวเธอได้มาโดยไม่ต้องเสี่ยงหรือแลกเปลี่ยนกับอะไรที่เป็นอันตราย "ค่ะ มีหนิวหน่าย (นมสด) เมี่ยนเป่า (ขนมปัง) ตั้นเกา (ขนมเค้ก) เฉี่ยวเค่อลี่ (ช็อกโกแลต) ปิงฉีหลิน (ไอศกรีม) เถียนเถียน (โดนัท) ชวีฉีปิ่ง (คุ้กกี้) เป้าหมี่ฮวา (ป๊อปคอร์น) ปี่ซ่า (พิซซ่า) ซันหมิงจื้อ (แซนด์วิช) ฮั่นเป่าเปา (แฮมเบอร์เกอร์) แล้วก็…" หงอ้ายเลือกเอ่ยบอกรายการขนมที่เธอชื่นชอบออกไป (**ต่อไปชื่อเรียกของในเกมจะขอใช้เป็นคำไทยนะคะ เพื่อความสะดวกและอ่านง่าย**) "พอก่อน พอก่อน ย่าฟังไม่ทันแล้ว แสดงว่ามีของในเกมอะไรนี่เยอะมากเลยสินะ" นางหวังซื่อนั่งฟังรายชื่อสิ่งของที่มีในระบบเกมที่หลานสาวบอกด้วยใจที่เต้นแรง เพราะหมายความว่าครอบครัวของนางจะมีอาหารให้กินเพิ่มมากขึ้น เพียงแต่ต้องคิดให้รอบคอบว่าจะทำอย่างไรในการนำออกมาใช้ถึงจะปลอดภัยมากที่สุด "ใช่ค่ะ นอกจากของกินที่หนูบอกไปแล้ว ยังมีอาหารอื่นๆ อีกหลายอย่างเลย ของใช้หรือว่าผ้าฝ้ายก็มีนะคะ ที่นี่ย่าคิดว่าของพวกนี้เอาออกไปขายได้ไหมคะ บ้านเราจะได้มีเงิน แล้วก็เอาออกไปทำให้ทุกคนในบ้านได้กินด้วย" หงอ้ายที่เห็นย่ามีสีหน้าที่ดูยินดี ก็คิดว่าเธอทำถูกต้องแล้วที่เลือกบอกกับอีกฝ่าย และไม่ลืมเอ่ยถึงสิ่งที่คิดเอาไว้ออกไปด้วย "เอาล่ะ ย่าเข้าใจแล้ว แต่ขอย่ากลับไปคิดให้ดีก่อน ตอนนี้ดูเหมือนเจ้าห้ากับเจ้าเล็กจะตื่นแล้ว ย่าไปดูน้องก่อนนะ" นางหวังซื่อเองก็คิดเหมือนกับหลานสาว เพียงแต่เรื่องนี้ยังต้องคิดให้รอบคอบอีกหน่อย ก็พอดีได้ยินเสียงของหลานชายที่น่าจะตื่นกันแล้ว จึงต้องออกไปดูทั้งสองก่อน "ย่าเอานมนี่ให้น้องๆ ดื่มด้วยค่ะ น้องจะได้แข็งแรง" หงอ้ายเองก็ได้ยินเสียงของน้องทั้งสองเช่นกัน จึงเรียกนมสดออกมาสองขวด แล้วส่งให้ผู้เป็นย่าให้เอาไปให้น้องชายดื่ม เด็กน้อยทั้งสองก็ตัวผอมแห้งไม่ต่างจากเธอสักเท่าไร "ได้ๆ ขอบใจนะหงอ้าย แล้วก็ไม่ต้องเอาอะไรออกมาอีกแล้วนะ แค่ข้าวสาร ไข่ไก่ และเนื้อหมูนี่ก็พอแล้ว เดี๋ยวถ้าย่าอยากได้อะไรจะมาบอกเอง" นางหวังซื่อรับของทั้งหมดที่หลานสาวเอาออกมาถือออกไปด้วย และไม่ลืมเอ่ยกำชับอีกฝ่ายไปอีกครั้ง หงอ้ายหลังจากส่งย่าฟางออกไปแล้ว ก็เรียกจอเกมขึ้นมาแล้วทำการจัดการงานในฟาร์มต่อ อะไรที่น่าจะได้ใช้ก็สั่งผลิตเอาไว้ อะไรที่น่าจะเอาไปขายได้ก็ทำการเก็บไว้มากหน่อย และเธอคงนั่งเล่นเกมไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงคนหลายคนกำลังเดินมาทางนี้ก็ปิดเกมลง แล้วนั่งมองไปที่ประตู "น้องสาวพี่ชายกลับมาแล้ว" เสียงของเด็กผู้ชายหลายคนดังขึ้นที่หน้าห้อง และจากนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออก หงอ้ายที่เห็นกลุ่มเด็กชายที่เดินเข้ามาก็ถึงกับแปลกใจ เพราะแต่ละคนถึงแม้จะดูผอมแห้งและดูขาดสารอาหารกันไปหน่อย แต่ว่ามีเค้าโครงหน้าตาที่ดีกันทุกคน ตาคม จมูกโด่ง แม้สีผิวจะดูคล้ำเหลืองไปบ้าง แต่ก็รู้ว่าทั้งหมดเป็นคนผิวขาวอย่างแน่นอน "หงอ้าย น้องเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บแผล หรือปวดหัวอยู่ไหม" เสียงของเด็กชายคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยถามขึ้น ซึ่งหงอ้ายจำได้ว่านี่คือพี่ชายแท้ๆ ของตนเอง ที่ชื่อฟางตงอวี้อายุ 12 ปีหรือพี่รองของบ้านนั้นเอง "น้องสาวนี่พี่สี่มีดอกไม้มาฝากด้วย" เสียงของเด็กชายอีกคนก็ดังขึ้นตามมาคนนี้คือลูกชายของบ้านสามหรือบ้านอาเล็กที่ไปเป็นทหาร ชื่อฟางตงชิงอายุ 10 ปีเท่ากับเธอแต่แก่เดือนกว่าเลยได้เป็นพี่สี่ "เบาเสียงลงหน่อย น้องสาวเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา แล้วอีกอย่างน้องสาวก็ไม่ชอบเสียงดังจำไม่ได้กันหรือยังไง" เสียงห้าวที่กำลังจะแตกหนุ่มดังขึ้น ซึ่งคนนี้คือพี่ใหญ่ฟางตงจิ้งอายุ 13 ปี ลูกชายคนโตของท่านลุงใหญ่ "น้องสาวยังไม่สบายตรงไหนอีกไหม บอกพี่สามมาเลย" คนสุดท้ายที่พูดนี้คือพี่สามฟางตงจื้ออายุ 12 ปี ลูกชายของท่านลุงใหญ่ ซึ่งอีกฝ่ายนั่งอยู่ใกล้เธอที่สุด "ฉันหายดีแล้ว ขอบคุณพี่ชาย" หงอ้ายเอ่ยตอบกลับไป พร้อมกับส่งรอยยิ้มดีใจในความเป็นห่วงให้พี่ชายทั้งสี่คน "น้องสาวยอมพูดแล้ว และยังยิ้มอีกด้วย" เสียงของพี่รองตงอวี้เอ่ยขึ้น ซึ่งเด็กชายทั้งสีก็มีสีหน้าประหลาดใจออกมาเหมือนกัน "มามุงอะไรกัน เข้ามานี่ได้ล้างหน้าล้างมือกันหรือยัง เดี๋ยวถ้าน้องไม่สบายเพราะพวกเธอละก็ ย่าจะตีให้" นางหวังซื่อที่ไปจัดการเรื่องอาหารมื้อเย็นในครัวให้ลูกสะใภ้ทั้งสามคนเสร็จ กำลังจะเดินมาดูหลานสาวก็ได้ยินเสียงบรรดาหลานชายทั้งสี่กำลังพูดคุยกันอยู่ก็อดจะเอ่ยเตือนออกไปไม่ได้ "ย่าครับ เมื่อกี้นี้น้องหงอ้ายยิ้มแล้วก็พูดด้วยล่ะ" พี่สี่ตงชิงเอ่ยบอกย่าฟางด้วยความตื่นเต้น "ก็ตอนนี้หงอ้ายหายดีแล้วยังไงล่ะ ไปๆ ออกไปล้างหน้าล้างตัวกันได้แล้ว ดูสิสกปรกกันขนาดนี้ไม่กลัวน้องจะรังเกียจหรือยังไง" นางหวังซื่อเอ่ยกับเด็กชายตัวเหม็นทั้งสี่คน แต่นางก็รู้ดีว่าพวกเขาเป็นห่วงน้องสาวคนเดียวนี้กันมาก แต่พอเห็นสภาพของแต่ละคนก็ทนไม่ไหวรีบไล่ให้ออกไปจากห้อง "หงอ้ายเดี๋ยวพวกพี่มาหาใหม่นะ" เด็กชายทั้งสี่เอ่ยบอกก่อนที่จะพากันเดินออกไปจากห้อง "อือ" หงอ้ายส่งเสียงรับพร้อมกับพยักหน้าให้เด็กชายทั้งสี่ พวกเขาก็เดินยิ้มกันออกไปด้วยความดีใจ ดูไปแล้วร่างนี้คงเป็นที่รักของคนในบ้านจริงๆ อย่างที่ได้เห็น "เด็กพวกนี้นี่จริงๆ เลย" หวังซื่ออดที่จะบ่นหลานชายทั้งสี่ไม่ได้ แต่ก็รู้ว่าแต่ละคนรักน้องสาวคนเดียวคนนี้มาก ตอนที่เด็กหญิงสลบก็คอยแวะมาเฝ้าดูอยู่บ่อยๆ "ย่าเอานมกับขนมปังออกไปให้พวกพี่ชายกินด้วยได้ไหมคะ หนูสงสารพวกพี่ชายทุกคนดูผอมกันมากเลย และอีกอย่างของในระบบเกมของหนูก็มีตั้งมากมาย" หงอ้ายเห็นความรักและเป็นห่วงจากสายตาของเหล่าพี่ชายทั้งสี่ก็รู้สึกซาบซึ้งใจและมีความสุขมาก แต่พอเห็นร่างกายของแต่ละคนผอมกันมาก ทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงวัยกำลังเติบโตก็รู้สึกจุกที่อกจนน้ำตาคลอ จึงเอ่ยปากถามย่าฟางว่าเธอจะเอาของออกไปให้พวกเขากินได้ไหม "เอาออกมาเถอะ ย่าจะจัดการให้เอง" นางหวังซื่อเองก็รู้สึกสงสารหลานชายอยู่เหมือนกัน ทั้งที่พวกเขาอยู่ในช่วงที่กำลังเติบโต แต่กลับไม่เคยได้กินอิ่มสักมื้อ และของที่หลานสาวมีมันก็ดีมากจริงๆ เมื่อคิดทบทวนไปมาแค่ระวังไม่ให้คนนอกรู้ ต่อไปครอบครัวฟางของเธอก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้แล้ว **********
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม