ตอนที่ 9 ผู้เล่นกับงานแต่งอาหญิง

2395 คำ
พอถึงตอนเย็นหลังกินข้าวเสร็จ ย่าฟางก็เปิดการประชุมขึ้น "ฉันคิดว่าจะเลี้ยงหมู แล้วก็ให้สะใภ้ทั้งสามคนลดเวลาทำงานลงเหลือสักวันละแปดแต้มก็พอ แล้วเอาเวลามาผลัดกันดูแลบ้านกับเลี้ยงหมูแทน" ย่าฟางเอ่ยขึ้น จากที่บอกกับเธอว่าจะเอามาพูดคุย แต่หงอ้ายคิดว่าย่าฟางเพียงแค่บอกกล่าวเสียมากกว่า นับว่าเธอเลือกผู้ช่วยได้ไม่ผิดคน "เลี้ยงหมูมันก็ดี แต่อาหารของหมูล่ะจะทำยังไง แค่ที่พวกหลานๆ หาไปส่งแลกคะแนนก็หนักมากแล้วนะ" ปู่ฟางไห่เอ่ยขึ้น เพราะทุกวันนี้หลานชายทั้งสี่คนหลังจากไปเรียนในช่วงเช้า พอเลิกเรียนตอนเที่ยงก็ออกไปเก็บผักที่ใช้เลี้ยงหมูต่อ แล้วเอาไปส่งฝ่ายผลิตเพื่อแลกคะแนน กว่าจะกลับบ้านก็เย็นแล้ว "อาหารของหมูก็ให้หลานๆ แบ่งกลับมาสักครึ่งหนึ่งจากที่หานั่นแหละไม่ต้องส่งไปทั้งหมด เราเลี้ยงหมูก็ได้คะแนนเหมือนกัน แล้วอีกอย่าง ที่นั่น ก็มีอาหารหมูขายเหมือนอาหารไก่ด้วย" นางหวังซื่อก็เอ่ยตอบกลับไปตามที่ได้วางแผนเอาไว้ เพราะนางคิดเอาไว้แล้วว่าผักป่าที่หลานๆ ออกไปเก็บในทุกวันก็แบ่งมาใช้เลี้ยงหมูที่บ้านด้วย ถึงคะแนนตรงส่วนนี้จะน้อยลงแต่ก็ได้คะแนนจากการเลี้ยงหมูมาแทน "อืม ถ้าอย่างงั้นต้าฟางก็ไปแจ้งหัวหน้าฝ่ายผลิตว่าบ้านเราจะขอเลี้ยงหมู ถ้ายังไงก็ขอเป็นหลังฤดูหนาวก็ดี แล้วก็บอกเรื่องสะใภ้ทั้งสามคนจะขอลดเวลาทำงานลงด้วยเลย" ฟางไห่พอได้ฟังที่ภรรยาบอกก็เห็นด้วย เขาไม่อยากให้หลานๆ ต้องทำงานหนักมากเกินไป และพอได้ฟังว่า ที่นั่น หรือคนที่เอาของมาขายให้กับภรรยามีอาหารหมูด้วยก็เข้าใจในทันทีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงอยากจะเลี้ยงหมู เพราะอาหารของที่นั่นมันดีมากจริงๆ ดูอย่างไก่ที่เคยตัวผอมออกไข่บ้างไม่ออกบ้าง แต่ตอนนี้ทุกตัวอ้วนท้วนและยังออกไข่ทุกวันและทุกตัวอีกด้วย จึงบอกให้บุตรชายคนโตไปจัดการเรื่องนี้ "หนูคิดว่าปู่เองก็น่าจะลดเวลาทำงานลงเหมือนกันนะคะ ตอนนี้ปู่ไม่ใช่หนุ่มๆ เหมือนลุงใหญ่กับพ่อแล้วนะ" หงอ้ายที่นั่งฟังว่าเรื่องที่จะเลี้ยงหมูเป็นอันตกลงก็เอ่ยขึ้น เธอเห็นว่าปู่มีอายุมากแล้ว การต้องลงแปลงนา 10 คะแนนมันดูหนักเกินไป "นั่นสิ คุณเองก็ควรลดเวลาทำงานลงได้แล้ว ตอนนี้ที่บ้านก็ไม่ได้ลำบากอะไร และอีกหน่อยถ้าฉันออกไปในอำเภอ บ้านเราก็คงพอมีเงินแล้วล่ะ" นางหวังซื่อพอได้ยินที่หลานสาวพูดก็มองไปยังสามีของตนเอง อีกฝ่ายมีอายุมากกว่านาง 2 ปี แต่ตอนนี้ยังต้องลงแปลงนาเต็มเวลาอยู่เลย ก็เห็นด้วยกับความคิดของหลานสาวในทันที "ใช่ครับพ่อ ลดเวลาทำงานลงเถอะสักหกคะแนนก็พอแล้ว ยังไงก็ยังมีพวกผมทั้งสองคนอยู่" ฟางไป่ได้ยินบุตรสาว กับมารดาพูดก็เอ่ยสนับสนุนเช่นกัน บิดาเขาปีหน้าก็จะอายุ 57 ปีแล้วควรต้องพักผ่อนให้มากกว่านี้ "ได้ๆ แต่ลดเหลือแค่แปดแต้มเท่ากับพวกลูกสะใภ้ก็พอ ไว้ถ้าไปในอำเภอแล้วมันราบรื่นดี ก็ค่อยมาคุยกันอีกครั้ง" ปู่ฟางไห่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยตอบกลับมา เพียงแต่จากที่ทุกคนอยากให้ปู่ทำงานแค่ 6 ชั่วโมง ปู่ก็ต่อรองเหลือ 8 ชั่วโมงเท่ากับพวกผู้หญิงแทน ส่วนอาหญิงฟางม่านลงแปลงนาแค่วันละ 6 ชั่วโมงมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ในที่สุดการเก็บเกี่ยวก็แล้วเสร็จ เหลือเพียงแค่รอการแบ่งส่วนแบ่งอาหารตามคะแนนการทำงาน และจากนั้นก็จะเป็นงานแต่งของอาฟางม่าน ซึ่งตอนนี้เสื้อผ้าที่ตัดใหม่ของทุกคนก็เสร็จหมดแล้ว ตัวของหงอ้ายเองก็ยังได้ชุดใหม่มาหนึ่งชุดเป็นสีเหลืองสดใสเข้าคู่กับน้องชายคนเล็ก ส่วนเรื่องการเลี้ยงหมูหลังจากที่ลุงใหญ่ไปพูดคุยกับฝ่ายผลิต ซึ่งตอนนี้ก็เหลือเวลาอีก 2 เดือนจะถึงวันเชือดหมูตอนปีใหม่ แล้วต่อด้วยช่วงฤดูหนาวที่ยากแก่การหาผักป่ามาเลี้ยงหมู การเลี้ยงหมูของที่บ้านจึงจะเริ่มขึ้นในปีหน้าอย่างที่ตกลงกันไว้ ช่วงเวลาว่างลุงใหญ่กับพ่อจึงเตรียมคอกสำหรับเลี้ยงหมูไว้รอ ตอนนี้หงอ้ายมีหน้าที่คอยหาของในระบบเกมฟาร์มออกมาใช้บำรุงร่างกายของทุกคนในบ้าน ซึ่งพอได้ดูแลกันแบบจริงจังถึงได้รู้ว่าที่ดูเหมือนทุกคนแข็งแรง แต่จริงๆ แล้วร่างกายขาดสารอาหารและมีอาการเจ็บป่วยแฝงกันเกือบทุกคน ตอนนี้นอกจากดื่มนมสดในตอนเช้าแล้วก็มีก่อนนอนเพิ่มขึ้นมา ยังมีน้ำผึ้งที่เอาออกมาไว้ชงใส่น้ำร้อนให้ทุกคนใช้ดื่มระหว่างวันอีกด้วย "คุณไปเอาของพวกนี้มาจากไหนกันแน่ ในละแวกนี้ไม่มีใครเลี้ยงวัวนมเลย แม้แต่ในอำเภอก็ยังหาได้ยาก แต่นี่พวกเราได้ดื่มกันคนละสองขวดทุกวัน ไหนจะน้ำผึ้งอีก แต่เงินในบ้านก็ยังคงมีอยู่เท่าเดิม คุณจ่ายค่าของพวกนี้ไปราคาเท่าไรกัน" ฟางไห่เอ่ยถามภรรยาในคืนหนึ่ง ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเข้านอน "ตอนนี้ฉันยังบอกคุณไม่ได้ แต่ไม่ต้องห่วงฉันไม่ได้ไปขโมยใครมาหรอก" นางหวังซื่อได้ยินคำถามของสามีก็เอ่ยตอบกลับไปเท่าที่พอจะบอกได้ ตอนนี้สถานการณ์ยังอันตรายอยู่มาก ความลับของหลานสาวนางคิดว่ายังไม่ควรบอกกับคนอื่นๆ "มันจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหม" ฟางไห่ได้ยินคำตอบของภรรยาก็รู้ว่ายังไงอีกฝ่ายก็คงไม่บอกรายละเอียดอะไรไปมากกว่านี้ก็ไม่ถามในเรื่องนั้นอีก แต่เอ่ยถามถึงความปลอดภัยแทน "ถ้าไม่นับเรื่องการค้าขายที่ผิดกฎหมาย และเป็นความลับที่ต้องเก็บให้อยู่แค่ในบ้านของเราเท่านั้น การได้ของพวกนี้มาก็ถือว่าปลอดภัยดี" นางหวังซื่อเอ่ยตอบสามีกลับไป ถ้าไม่ใช่เพราะการควบคุมในเรื่องการค้าขาย กับเรื่องเชื่อถือสิ่งเหนือธรรมชาติที่รัฐบาลสั่งห้าม การที่หลานสาวเอาของออกมาจากระบบเกมก็ถือว่าปลอดภัยมากทีเดียว "เข้าใจแล้ว ไว้ผมจะเตือนพวกลูกๆ ให้ระมัดระวังเรื่องนี้เพิ่มขึ้นก็แล้วกัน" ฟางไห่ได้ยินคำตอบของภรรยาก็เบาใจลง อยู่ด้วยกันมา 30 กว่าปี เขารู้ดีว่าภรรยาเป็นคนระมัดระวังและรอบคอบมากขนาดไหน การที่ครอบครัวของเขายังมีชีวิตรอดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตมาได้ก็เพราะนิสัยนี้ของภรรยาเช่นกัน วันเวลาผ่านไปจนอีกสามวันก็จะถึงวันแต่งงานของอาฟางม่าน หลังมื้อเที่ยงและพวกผู้ใหญ่พากันนั่งพักอยู่ที่ด้านนอก หงอ้ายพาย่าเข้ามาในห้องของบ้านรอง แล้วก็เอาข้าวของออกมามากมาย มีทั้งน้ำตาลทรายแดง น้ำมัน น้ำผึ้ง กระติกน้ำร้อน กระทะเหล็ก เตาถ่าน ชุดผ้าห่มนวม หมอนขนเป็ด ลูกกวาด แยมผลไม้ เส้นบะหมี่ เส้นก๋วยเตี๋ยว ของทั้งหมดวางอยู่จนเต็มเตียงเตาของห้อง ส่วนของที่จะใช้ทำเลี้ยงคนที่มาร่วมงานแต่ง เธอคุยกับย่าแล้วว่าจะเอาออกมาก่อนวันงานหนึ่งวัน "ทำไมหลานถึงเอาของออกมามากมายขนาดนี้ล่ะ" ย่าฟางเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นข้าวของมากมายที่วางอยู่จนเต็มห้อง "หนูเอาของออกมาให้ย่าเอาเพิ่มไปในสินเดิมของอาม่านค่ะ" หงอ้ายเอ่ยตอบกลับไป เป็นเพราะเธอรู้สึกว่าแค่จักรยานกับจักรเย็บผ้ายังไม่เพียงพอกับการที่อาหญิงคนเดียวของเธอจะแต่งงานออกไป เธออยากให้ครอบครัวสามีของอาฟางม่านเกรงใจอาสาวผู้สงบปากสงบคำของเธอ จึงได้เลือกข้าวของที่เอาไปใช้งานได้ออกมาให้อีกมากมาย "แค่จักรเย็บผ้า กับจักรยานก็มากพอแล้ว" นางหวังซื่อเห็นข้าวของที่หลานสาวเอาออกมาก็รู้สึกพอใจมาก แต่ก็ยังอดคิดมากและเป็นกังวลกลัวคนอื่นจะสงสัยถึงที่มาของของพวกนี้ไม่ได้ "หลังอาม่านแต่งงานก็ต้องย้ายไปอยู่ในอำเภอ ของพวกนี้ยังไงก็ได้ใช้ แล้วอีกอย่างของพวกนี้ยังไม่ถึงหนึ่งในสิบของที่หนูมีอยู่ในระบบเกมเลยค่ะ" หงอ้ายเห็นท่าทางของย่าก็รู้ว่าอีกฝ่ายเองก็พอใจกับข้าวของที่เธอเอาออกมาเหมือนกัน เพียงแต่ด้วยความเกรงใจ และเป็นกังวลจึงยังไม่กล้าตัดสินใจที่จะรับไปมากกว่า "ขอบใจหลานมากนะ เอาล่ะเดี๋ยวรอให้ทุกคนออกไปทำงานรอบบ่ายก่อน ย่าค่อยมาขนไปนะ" นางหวังซื่อได้ยินที่หลานสาวบอกก็คิดตามไปด้วย ซึ่งนางเองก็เห็นด้วยว่าข้าวของพวกนี้จะทำให้บุตรสาวของนางแต่งออกไปได้อย่างดี และมีหน้ามีตากับครอบครัวของสามีมากขนาดไหน จึงตัดสินใจที่จะรับของพวกนี้เอาไว้ ส่วนเหตุผลนางจะบอกกับคนนอกบ้านว่าบุตรชายคนเล็กส่งตั๋วมาให้นางไปจองของพวกนี้เอาไว้นานแล้ว ส่วนคนในบ้านก็น่าจะเข้าใจกันดีอยู่แล้ว และเป็นเพราะสินเดิมที่มากมายของอาหญิงม่าน จึงทำให้งานแต่งในวันนี้ผู้คนต่างพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้น โดยเฉพาะบ้านของทางเจ้าบ่าวที่มีท่าทางที่ดีต่อเจ้าสาวอย่างเห็นได้ชัด "นั่นจักรยานใหม่เอี่ยมเลย ยังมีจักรเย็บผ้าอีก ไหนจะหม้อเหล็ก กระทะเหล็ก กระติกน้ำร้อน เตาถ่านอีก ผ้านวมนั่นก็ดูแล้วน่าจะหนักหลายชั่ง สงสัยบ้านฟางจะขนสมบัติที่มียกให้ลูกสาวไปจนหมดเลยล่ะมั้งนี่" เสียงของเหล่าผู้หญิงในหมู่บ้านต่างพูดคุยกันด้วยความอิจฉาที่เห็นข้าวของมากมายที่บ้านฟางยกให้บุตรสาวที่แต่งออกไป เป็นเพราะของพวกนี้ไม่ใช่ของที่หาได้ง่ายๆ เสียเมื่อไร แค่กระทะใบเดียวก็ยังต้องมีเงินไม่ต่ำกว่า 50 หยวนแล้วไหนจะคูปองอุตสาหกรรมที่ต้องใช้อีก ยังมีผ้าห่มนวมผืนใหญ่ที่หนัก 7 ชั่งนั่นอีก คูปองผ้า คูปองฝ้าย หายากมากแค่ไหนใครๆ ก็รู้ หงอ้ายที่ยืนรวมอยู่กับคนอื่นๆ ในครอบครัวที่ต่างพากันยิ้มแย้มด้วยความสุขกับงานแต่งของลูกสาว น้องสาว อาสาวของบ้าน เพราะข้าวของมากมายนอกจากทำให้พวกเขาได้หน้าแล้ว ยังทำให้บ้านฝ่ายสามีเกรงใจบ้านฝ่ายเจ้าสาวมากขึ้น ไม่ยกตนว่าเหนือกว่าเหมือนในตอนแรกเพราะลูกชายตัวเองได้ทำงานในอำเภออีกต่อไป ในหมู่ฝูงคนหงอ้ายเห็นยุวชนเจียงมายืนมองอยู่ด้วย ยิ่งตอนที่อีกฝ่ายเห็นข้าวของที่เป็นสินเดิมของอาฟางม่านก็แสดงสีหน้าว่าเสียดายออกมาอย่างชัดเจนเลย และเธอยังเห็นพี่เว่ยเว่ยลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้านก็มองมาด้วยสายตาอิจฉาอย่างไม่คิดปิดบังเช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นโชคดีที่อาม่านจะย้ายไปอยู่กับสามีที่ในอำเภอ คนทั้งสามจึงไม่ต้องเจอกันเพราะอาจจะสร้างความวุ่นวายให้ในภายหลัง การแต่งงานในช่วงปี 1970 ก็ไม่ได้มีพิธีการอะไรมากมาย มีแค่การยกน้ำชาให้พ่อกับแม่ของทั้งสองฝ่าย แล้วทั้งสองบ้านก็ร่วมกินเลี้ยงกันอีกนิดหน่อย ครอบครัวฟางก็ส่งอาม่านกับสามีกลับเข้าอำเภอด้วยรถไถที่ฝ่ายเจ้าบ่าวขอยืมมาจากฝ่ายผลิต เมื่อส่งคู่แต่งงานจากไปแล้ว บ้านฟางก็แจกลูกอมให้กับคนที่มาร่วมแสดงความยินดีเอากลับไปก็ถือว่าเสร็จงานแล้ว "เฮ้อ…ดีที่แม่หาสินเดิมของเสี่ยวม่านมาได้มากมายขนาดนี้ ตอนแรกผมยังกลัวว่าน้องจะถูกบ้านนั่นดูถูกอยู่เลย" ฟางไจ่เอ่ยขึ้น เมื่อทุกคนกลับเข้ามาพักในบ้าน หลังจากช่วยกันจัดการเก็บกวาดบ้านเรียบร้อยแล้ว "ข้าวของมากมายขนาดนี้ เขาจะไม่กดดันเราเรื่องเงินที่ต้องจ่ายคืนหรือครับแม่" ฟางไป่เอ่ยถามมารดา ด้วยความกังวลเพราะข้าวของพวกนั้นรวมๆ แล้วเขาคิดว่าน่าจะเกือบพันหยวนได้ ไม่ใช่ว่าพอถึงเวลาใช้คืนจะมาเพิ่มราคาหรือกดดันอะไรครอบครัวเขาเพื่อให้ชดใช้ในภายหลังหรอกนะ "ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันเอาอะไรมา ราคาเท่าไรก็จดเอาไว้ทั้งหมด แล้วก็ให้เขาลงลายมือชื่อไว้ด้วย ถ้าเขาคิดจะเก็บเงินที่นอกเหนือจากที่จดเอาไว้ ก็ไปหาตำรวจด้วยกันแค่นั้น" นางหวังซื่อเอ่ยตอบบุตรชายคนรอง ใจหนึ่งก็พอใจที่อีกฝ่ายรู้จักรอบคอบคิดกังวลในเรื่องนี้ แต่ใจหนึ่งก็ขุ่นเคืองที่อีกฝ่ายคิดระแวงบุตรสาวตนเอง ส่วนเรื่องจดรายการของ นางก็ทำการจดจริงๆ แม้แต่ของที่เอามาใช้ทำอาหารนางก็จดเอาไว้หมดทุกอย่าง ถึงแม้หลานสาวจะบอกว่าได้มาเปล่าๆ แต่ก็ควรจะให้ค่าตอบแทนกลับไปด้วย **********
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม