“สมองนายถูกควักหายไปหรือยังไง ลูกผู้ชายมันต้องยิ่งใหญ่ คิดโง่ๆ อยากมาทำงานงกๆ ในครัวแบบผู้หญิง นายไม่อายคนอื่นหรือเสี่ยวเกอ!” หญิงสาวตั้งใจใช้คำแรงๆ เข้าไว้เพื่อเตือนสติเขา อีกทั้งอยากปั่นหัวให้เขาเดือดอีกทางหนึ่ง
“ไม่ แล้วทำไมต้องอายคนอื่น อีกอย่างผมไม่ทิ้งอาม๊าและอาซ้อไปอย่างต้าเกอแน่นอน”
ได้ยินเด็กหนุ่มเอ่ยอย่างนั้น โจวฟางจื่อก็สะเทือนใจ เธอทนทำงานมานาน ดูแลแม่สามี และหวังเสี่ยวเกอ คิดว่าพอเขาเรียนจบ มีการมีงานทำที่ดีๆ คงรับหน้าที่ดูแลแม่สามีต่อไป ส่วนเธออยากสลัดทิ้งอดีตไปใช้ชีวิตใหม่ เธอจะแยกออกไปอยู่ต่างหาก หาบ้านเช่าเล็กๆ ใช้ชีวิตของตนตามเดิมอย่างก่อนที่จะแต่งงานกับหวังต้าเซียนซี และนั่นคือความคิดเดิมของตัวละคร
“ไม่มีใครทิ้งฉันไป ต้าเกออย่างไรต้องกลับมา เขารักฉัน!” โจวฟางจื่อกำลังหลอกตัวเอง และน้ำเสียงเธอจงใจทำให้ดูเหมือนว่ามีความหวังเสียเต็มประดา
“หึๆ ๆ เชื่อผมสิ ป่านนี้เขาอาจมีเมียมีลูกอยู่ที่อื่น คงไม่สนใจกลับมาดูดำดีดีอาซ้ออีก คนอย่างต้าเกอ มักใหญ่ใฝ่สูง พอได้ดีก็ลืมทุกคน อีกอย่าง เมื่อก่อนอาซ้อขึ้นชื่อว่า มาจาก...ตรอกนางจ้าง*(แหล่งขายบริการ) เป็นผู้หญิงที่แม่เล้าเลี้ยงเอาไว้เพื่อช่วยหาเงิน”
โจวฟางจื่อตกใจ เธอไม่เชื่อว่าเด็กหนุ่มจะกล่าวเช่นนี้ เขาใจร้ายกับเธอเหลือเกิน ยามนั้นฝ่ามือเรียวที่หยาบกร้านอยู่สักหน่อย เพราะทำงานครัวหนักตบลงบนใบหน้าอ่อนใสราวกับเด็กน้อยของเขา และมันเกิดปื้นแดงๆ ทันที
“อย่ามาพูดต่ำๆ ให้ร้ายฉัน”
“ตะ แต่... อาซ้อ ก็เป็นผู้หญิงที่ต้าเกอซื้อมาเป็นเมียใช่เหรอ และเพราะอย่างนี้ไง เขาถึงไม่กลับมาที่นี่ เขาอายและกลัวคนอื่นจะรู้ว่า มีเมียที่มาจากโรงรับจ้างทำชำเราบุรุษ เป็นพวกที่อาศัยหอโคมเขียวซุกหัวนอน”
เธอไม่รู้ว่าหวังเสี่ยวเกอคิดสิ่งใดอยู่ เด็กหนุ่มถึงกล่าวเช่นนี้ไม่หยุด โจวฟางจื่ออดทนไม่ไหว อยากตบใบหน้าอีกฝ่ายหลายๆ ที ทว่าเธอมือไม้อ่อน และร่างกายก็เหมือนจะไม่มีแรง ดังนั้นจึงรีบผละออกจากเขา ก้าวไปให้พ้นห้องของเด็กหนุ่มด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม แต่ที่ไหนได้ แข้งขาเธออ่อนแรงเสียดื้อๆ และมือใหญ่ที่อุ่นซ่านของหวังเสี่ยวเกอ กระชากเธอกลับคืน
“โอ้... เสี่ยวเกอ นะ นายจะทำอะไร”
เสียงของโจวฟางจื่อตื่นตระหนก ดวงตากลมโตมองเด็กหนุ่มอย่างเค้นเอาคำตอบ ทว่าในใจของเธอลิงโลด ราวกับรอช่วงเวลานี้มานานแล้ว!
“บ้านหลังนี้ถ้ามีผม ต้องไม่ผู้ชายคนอื่น โดยเฉพาะต้าเกอ เขาจะกลับมาที่นี่ไม่ได้อีก” หวังเสี่ยวเกอยืนยันเสียงหนักแน่น และมือที่เขาบีบแขนเรียวเสลาออกแรงหนัก จนโจวฟางจื่อร้องเจ็บ
“เอ่อ อาซ้อ คืนนี้อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนได้ไหม”
จู่ๆ ท่าทีเขาสงบเขา เนื่องจากกลับมามีสติ น้ำเสียงเลยไม่ห้วน และแข็งกร้าว ทว่าร่างกายของหวังเสี่ยวเกอกับส่งไอผะผ่าวร้อนออกมา เมื่อเธอมองลงไปที่กางเกงของเขา โจวฟางจื่อต้องตกตะลึง ยามนี้เธอมั่นใจว่า เขาไม่ใช่เด็กน้อยอย่างเช่นเมื่อก่อนแล้ว!!
จากนั้น หวังเสี่ยวเกอกึ่งลากกึ่งดึงให้หญิงสาวตามเขาไปข้างในพื้นที่ส่วนตัวของตน ที่เขามั่นใจว่าจะไม่มีใครพบเห็น หากทั้งคู่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ฝ่ายเขาคิดถึงเรื่องนี้มาพักใหญ่ ตั้งแต่พี่ชายหาย เขาก็เชื่อเหลือเกินว่า อีกฝ่ายมีแผนการบางอย่าง และยังไม่ต้องการกลับมาที่เรือนหวังจนกว่าจะทำสิ่งนั้นสำเร็จ อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องของปู่ (ตระกูลจง) ซึ่งไม่ต้องการสายเลือดจากมารดาเขา ทั้งหมดเกิดขึ้นตั้งแต่บิดาเสียชีวิต นั่นจึงทำให้พวกเขาใช้นามสกุลของมารดานั่นเอง
“อาซ้อ อย่าดิ้นสิ”
เขาบอก น้ำเสียงทุ้มๆ และความอุ่นจัดจากร่างกายสูงใหญ่ส่งถึงเธอ
ถึงอย่างนั้น โจวฟางจื่อไม่ใช่แค่พี่สะใภ้ของอีกฝ่าย แต่เธอโตกว่าเขามากและรู้ดีรู้ชั่ว สติเธอมี แต่แรงปรารถนาของร่างกายเร่าร้อน ยิ่งกว่านั้นนิยายเรื่องนี้ เธอกำลังจะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวละครให้พลิกตลบไปอีกด้าน
หวังเสี่ยวเกอที่เธอรู้จัก คือหนุ่มหล่อจิตใจดี แต่เขาอ่อนไหวอยู่สักหน่อย เนื้อเรื่องเดิมคือ พอรู้ความจริงว่าตนไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ของจงสวี่ผู้ล่วงลับจากปากของพี่ชายคนโต ก็มีปากเสียงกันรุนแรง พร้อมมีการทำร้ายร่างกายกัน จากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าออกจากบ้านหลังนี้ไป แม้จะส่งข่าวคราวมาบ้าง แต่เขาไม่คิดหวนกลับ นั่นเป็นเพราะเขาปกป้องโจวฟางจื่อหลายหน จากการที่หวังต้าเซียนซีพยายามทำร้ายเธอทั้งทางร่างกายกับจิตใจ จวบจนเป็นเธอเองที่ตบหน้าเขา และออกปากไล่ด้วยตนเอง หัวใจของเด็กหนุ่มคนนี้ก็แตกสลายลง นั่นคือฟางเส้นสุดท้ายที่ขาด จึงทำให้เขาหายไปจากชีวิตโจวฟางจื่อ
ทว่าคืนนี้เธอจะเปลี่ยนแปลงมัน มีคนที่รักอยู่ใกล้ชิด และเป็นเด็กน้อยในกำมือของเธอ มันไม่ดีกว่าเหรอ เธออาจต้องเห็นแก่ตัว นั่นเป็นเพราะชีวิตในนิยายเรื่องนี้ไม่ง่ายสักนิด ที่สำคัญหากเธอพลิกบทบาทได้เร็วเท่าไหร่ เรื่องจะเร่งเดินไปข้างหน้า ในไม่ช้าเงินก้อนใหญ่คงจะเข้ากระเป๋าเธอ ซึ่งไม่นานโจวฟางจื่อคนนี้จะตั้งตัวได้ โดยไม่ต้องทนใช้แรงงานหนักๆ อีก
“เอ๊ะ นายจะทำอะไรกันแน่เสี่ยวเกอ”
เธอถาม สายตาวนเวียนอยู่กับแผงอกกว้าง และหน้าท้องเป็นลอนแกร่ง เขาออกกำลังกายทั้งที่บ้าน นอกจากนั้นยังไปโรงฝึกกังฟูด้วย จึงไม่น่าแปลกใจหรอกหากหวังเสี่ยวเกอรูปร่างดีถึงเพียงนี้
“ผมอยากบอกอาซ้อว่า ผะ ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างแทนต้าเกอ นับแต่นี้ไป”
หญิงสาวไม่ได้อยากดูถูกน้ำใจเขาหรอก แต่อีกฝ่ายอายุยังน้อยเพิ่งจะสิบเก้าปีเท่านั้น
“เรื่องของผู้ใหญ่ นายจะมารับผิดชอบทำไม ตั้งใจเรียน เมื่อจบก็ทำงาน ดูแลแม่ กับพี่สาวนายก็ยังไม่สายหรอก”
หวังเสี่ยวเกอส่ายหน้า เขารวบรวมความกล้า เอ่ยออกมาว่า “อาซ้อ อย่ารอพี่ใหญ่อีกเลย ยังไงเขาก็ไม่กลับมา และเอ่อ... ถึงจะกลับ เขาก็ทำตัวแย่ๆ ตบตีอาซ้อ อีกทั้ง...เขาเจ้าชู้ และ.. ไม่คิดมีอาซ้อแค่คนเดียว”
โจวฟางจื่อรู้ว่าเขาอ่อนต่อโลก ไม่ประสีประสานัก หมกหมุ่นกับตำรา โลกยังแคบ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็มักถูกเปรียบเทียบกับพี่ชายซึ่งฝ่ายนั้นเป็นที่รักของมารดา
“นายลืมไปแล้วหรือ ฉันแต่งงานกับต้าเกอ และจดทะเบียนกันอย่างถูกต้อง เมื่อฉันยังไม่หย่า อีกทั้งไม่พบศพเขา ฉันก็ยังเป็นภรรยาของเขาตามกฎหมาย”
หวังเสี่ยวเกอกำหมัดแน่น เป็นตอนนั้นที่เขาอดทนไม่ไหวเลยชกไปที่กำแพงอย่างแรง ซึ่งแม้แต่โจวฟางจื่อยังตกใจ
“เพราะผมยังเด็กเกินไปใช่ไหม อาซ้อจึงไม่เคยมองเห็นผมเลย” เมื่อหวังเสี่ยวเกอกล่าวออกมาอย่างนี้ โจวฟางจื่อก็อยากย้อนเวลากลับไปยังโลกเดิม สั่งสอนคนเขียนนิยายเรื่องนี้เสียใหม่ เหตุใดหนอถึงได้สร้างตัวละครที่แสนดี น่าสงสารอย่างหวังเสี่ยวเกอออกมา และยังให้เขาเป็นพวกที่เจ็บปวดกับความรักด้วย
“ใช่นายยังเด็ก เด็กมาก และเมื่อครู่ก็ไม่เกียรติฉัน... ไม่ว่าต้าเกอ จะซื้อฉันมาจากแม่เล้าหรือไม่อย่างไร แต่ตอนนี้ฉันก็ยืนต่อหน้านาย และเป็นอาซ้อใหญ่ของบ้านหวัง”
หวังเสี่ยวเกอหัวเราะเสียงขื่น หัวใจปวดหนึบ เขาจำได้ดี ตอนที่หวังต้าเซียนซี พาไปยังตรอกฟูจิ่ง และชี้ให้เขามองไปที่โจวฟางจื่อ หัวใจหนุ่มน้อยก็เต้นไหวรุนแรง เขาหลงเสน่ห์เธอในแวบแรกทันที ผิวขาวจัด แก้มแดงระเรื่อ ทั้งดวงตากลมโตที่เหมือนมีดวงดาวกลิ้งไปมาอยู่ข้างในนั้น ทำให้หวังเสี่ยวเกอไม่อาจหันไปทางใดได้อีก
“ชอบไหม นั่นแหละ อาซ้อของแก เดือนหน้าอั๊วจะพาเข้าบ้าน”
พี่ชายบอกเขาอย่างนั้น ตอนแรกก็เสียใจ ทว่าการที่มีคนสวยไปอยู่บ้านหวัง ไม่ว่าในฐานะใดเขาก็จะได้พบหน้าของเธอทุกวัน
“เป็นอาซ้อใหญ่ แบบนี้ก็ดีเลย ผมเบื่ออาหารฝีมืออาม๊า และเหม็นขี้หน้าเจี่ยหยวนจะแย่แล้ว มีคนสวยๆ อยู่ด้วยกัน แบบนี้คงหลับในดีทุกคืน”
“เฮ้อ... อาจื่อไปเป็นเมียอั๊ว และห้ามเลยนะ ห้ามแกคิดลามกกับเธอ”
แม้พี่ชายจะพูดขู่ไว้อย่างนั้น ทว่านับแต่แตกเนื้อหนุ่ม หวังเสี่ยวเกอก็มีภาพของโจวฟางจื่ออยู่ในหัวเสมอยามที่เขาว้าวุ่นใจ
หวังเสี่ยวเกอดึงตนกลับคืนเรื่องตรงหน้า และหูเขายังได้ยินเสียงหญิงสาวย้ำเรื่องเดิมไปมา
‘ฉันเป็นอาซ้อใหญ่ของบ้านหวัง’
แล้วจู่ๆ เขาก็ขาดสติ เลยเอ่ยกับโจวฟางจื่อว่า
“เมื่อเป็นอาซ้อแล้ว ทำไมจะเป็นเมียผมด้วยไม่ได้ ในเมื่อต้าเกอ ยังไงก็ตั้งใจทิ้งอาซ้อไว้รับใช้คนทั้งบ้านหวัง ให้เป็นขี้ข้าไปตลอดชาติ!”
อึดใจต่อมา เขาก็ผลักร่างเธอติดกับผนังของบ้าน แล้วแนบชิดกายสูงใหญ่เข้ามา ลมหายใจร้อนๆ ราดรดใบหน้างามล้ำ ดวงตากลมโตของเธอจ้องเขาอย่างท้าทาย
“อย่าทำอะไรโง่ๆ นายรับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ไหวหรอก เสี่ยวเกอ”
สิ่งที่เธอกล่าวเหมือนราดน้ำมันลงบนกองเพลิงที่กำลังลุกโชนดีๆ นี่เอง
ใบหน้าหล่อเหลา และดูไร้เดียงสาบิดเบี้ยว ดวงตาเรียวคู่สีดำสนิทมีประกายวาบน่ากลัว
“ผมไม่คิดทำร้ายอาซ้อ ผมไม่ได้ชั่วเหมือนต้าเกอ แต่ถ้าผมอยากได้อะไรแล้ว ของสิ่งนั้น หรือคนๆ นั้น ผมจะไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือ”
เขากล่าวจบจึงส่งนิ้วใหญ่ๆ เข้าไปในโพรงปากเธอ พอหญิงสาวจะขัดขืน เขาก็คำรามเสียงดัง ขณะเดียวกัน เขาใช้อีกมือ บีบลำคอละหง บีบจนแก้มของเธอแต้มสีแดงจัด และดวงตากลมโตมีน้ำตาเอ่อขอบคลอหน่วย