เพราะเหตุนี้

1238 คำ
ซุนเจ้าเฟิงเป่าลมออกทางปากทำหน้าบูดบึงแล้วเอ่ยขึ้น “เพราะเหตุนี้เจ้าจึงเป็นห่วงนางใช่หรือไม่” ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ แล้วเอ่ย “เจ้าคงนึกหัวเราะเยาะข้าอยู่ในใจสินะ พบกันเพียงครู่เดียวกลับเป็นกังวลเช่นนี้” “ไม่ๆ เหตุใดข้าต้องหัวเราะเจ้าด้วย” ซุนเจ้าเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พบกันล้วนเกิดจากวาสนา เจ้าเป็นห่วงนางก็เป็นเรื่องดี เอาอย่างนี้ ลองแวะไปเยี่ยมนางดูสักครา หากนางต้องการให้ช่วยเหลือก็ทำตามสมควรเถิด” “ถ้าเช่นนั้น...” “ไป ไปกัน” “ไปไหน?” “ไปหอชมบุหลันอย่างไรเล่า” “ไปกลางวันแสกๆ อย่างนี้รึ” “วันนี้ไม่มีงานอะไรแล้วนี่” เขาเองก็กลับมาที่จวนเพราะสั่งงานที่ค่ายทหารเรียบร้อยดีแล้ว “ยาเจ้าก็กินแล้วไปกันตอนนี้เลย” หานหรงเหยากระดากใจเล็กน้อย มิใช่ว่าไม่เคยย่างเท้าเข้าหอนางโลม แต่ทุกครั้งที่ไปก็พาเหล่าทหารไปผ่อนหลังทำภารกิจสำคัญลุล่วง แต่ครั้งนี้.... ซุนเจ้าเฟิงไม่รอให้หานหรงเหยาคิดนาน คว้าข้อมือของสหายได้ก็แทบลากตัวปลิวมุ่งหน้าไปหอนางโลมอันดับหนึ่งของเมืองทันที ปลายนิ้วเรียวงามกำลังดีดกู่ฉินหรือพิณเจ็ดสายชะงักไปทันทีที่บ่าวรับใช้มารายงานว่ามีบุรุษต้องการพบ ‘หลิวเข่อซิง’ หลิวชิงเซียงเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เข่อซิงเพิ่งมาอยู่ได้แค่สัปดาห์เดียว นางทำให้บรรดาเหล่าพี่น้องปวดหัวมิใช่น้อย เคี่ยวเข็นอย่างไรก็เอาดีไม่ได้สักทาง จำใจจับนางให้เป็นทำงานขั้นต่ำเป็นสาวใช้ทั่วไป แม้ถูกผู้อื่นกระแหนะกระแหนหรือจิกหัวใช้งานอย่างไร นางไม่เคยปริปากบน ยังคงใบหน้าเปื้อนยิ้มโง่งมอยู่เรื่อยไป “เจาะจงเรียกเข่อซิงรึ?” “เจ้าค่ะ” “ข้าจะออกไปดูเอง” หลิวชิงเซียงวางพิณเจ็ดสายลงแล้วลุกขึ้นเดินไปยังบุรุษสองคนที่เข้ามาขอพบเข่อซิง ไม่รู้ว่าเข่อซิงไปทำเรื่องอันใดไว้ หรือเปิดเผยร่องรอยจนมีนักล่าปีศาจมาเยือน ทว่าเมื่อนางเดินไปถึงที่หมายกลับพบแม่ทัพซุนเจ้าเฟิงที่แต่งกายเรียบง่ายแต่ตัดเย็บประณีตบ่งบอกสถานะองค์ชายสามได้ดีเยี่ยม ส่วนบุรุษอีกคน หากนางจำไม่ผิด จากที่เคยได้ยินมาบุรุษที่รูปร่างแบบบางแต่สูงโปร่ง แลดูสุภาพราวเทพเซียนคือที่ปรึกษาหานหรงเหยา “ผู้น้อยหลิวชิงเซียงคารวะท่านแม่ทัพซุนและที่ปรึกษาหานเจ้าค่ะ” ซุนเจ้าเฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มุมปากกระตุกยิ้ม นับว่าสายตาหญิงงามอันดับหนึ่งแหลมคมที่มองเขาสองคนปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้ใด “แม่นางคือหลิวชิงเซียงเองหรือ? สมแล้วที่ผู้อื่นล่ำลือกัน” “เรียกข้าว่าผู้ดูแลหลิวก็ได้เจ้าค่ะ” หญิงสาวยิ้มให้ “เสียงเล่าลือเป็นเพียงลมปาก เกรงว่าจะทำให้แม่ทัพซุนผิดหวังแล้ว” แม่ทัพหนุ่มกวาดตามองหญิงงามตรงหน้าอย่างเปิดเผย เรือนร่างอรชรเย้ายวน ดวงหน้างดงามไร้ที่ติ ยามชม้ายตามองราวกับสะกดผู้คนให้หลงใหลในดวงตาคู่งาม ริมฝีปากสีชาดยกยิ้มจางๆ ประหนึ่งลมวสันต์มาเยือน แต่เขากลับรู้สึกว่าความงามนี้งดงามเกินกว่าจะเป็นจริง ทำให้รู้สึกระแวงอยู่บ้าง “ผู้ดูแลหลิว ข้ามารบกวนเพื่อขอพบหลิวเข่อซิง” หานหรงเหยาเอ่ยวาจาเข้าประเด็น ใจหนึ่งไม่อยากรั้งอยู่ในหอนางโลมนานนัก และที่สำคัญ เขาเป็นห่วงเจ้าจิ้งจอกแดงโง่งมตัวน้อย สถานที่ที่เต็มไปด้วยจริตเล่ห์กลเช่นนี้ นางจะอยู่อย่างไร “เข่อซิงเป็นเด็กใหม่ของที่นี่ ไม่ทราบว่าคุณชายรู้จักนางได้อย่างไรกัน” “แล้วแม่นางน้อยผู้นั้นไม่เล่าให้เจ้าฟังหรือว่า สหายของข้าเป็นผู้นางไว้” “ช่วยชีวิต?” หลิวชิงเซียงไม่อาจเก็บซ่อนความฉงนไว้ในแววตาได้ “ถูกต้อง นับได้ว่า สหายของข้าเป็นผู้มีพระคุณของนาง” ซุนเจ้าเฟิงยอมรับว่าสตรีนางนี้งดงามนัก แต่ก็ไม่รู้สึกว่าความงามนี้น่าหลงใหลสยบแทบเท้านางได้ “เข่อซิงเป็นเด็กกำพร้าที่ท่านแม่เมตตาเลี้ยงดู หากนางทำเรื่องใดล่วงเกินท่านทั้งสอง ข้าในฐานะผู้ดูแลหอชมบุหลันต้องขออภัยแทนนางด้วย” “แม่นางหลิวเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่เป็นห่วงนาง หากนางสบายดี ข้าก็จะไม่รบกวน” ท่าทีสุภาพและติดร้อนใจนิดๆ ทำให้หลิวชิงเซียงแอบชื่นชมอยู่ในใจ นางเดินนวยนาดไปใกล้ ยื่นมือออกไปแต่ยังไม่ทันแตะแขนของหานหรงเหยาก็ถูกพัดอันหนึ่งยื่นมาตีมือนางไว้ก่อน นางถึงกับชักมือกลับตวัดสายตาจ้องมองอย่างขุ่นเคือง ด้วยไม่เคยถูกใครเสียมารยาทเช่นนี้ แม่ทัพหนุ่มสะบัดข้อมือกลับแล้วคลี่พัดโบกเบาๆ ท่าทางราวหนุ่มเจ้าสำราญทั้งที่เป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่กำยำยิ่ง “สหายข้าเพียงต้องการพบคน เจ้าก็พามาเถิด” หากไม่เพราะได้กลิ่นพลังชีวิตเข้มข้นมากกว่าคนทั่วไป นางคงไม่ปรายตาสนใจเป็นแน่ ยิ่งคุณชายหานที่ดูเปราะบางผู้นี้ยิ่งมีพลังหยางบริสุทธิ์ นางสูดลมหายใจลึกข่มโทสะไว้ในอกแล้วระบายยิ้มอ่อนหวาน “ได้ เชิญตามข้ามาทางนี้” นางหมุนตัวแล้วเดินนำไปที่ห้องด้านใน จำได้ว่านางสั่งให้หลิวเข่อซิงศึกษาหนังสือภาพวังวสันต์ “อีกไม่กี่วันเราจะจัดงานชิมชาชมบุปผา ข้าหวังจะให้นางออกรับแขกครั้งแรก จึงให้นางศึกษาเรื่องที่ควรศึกษาที่เรือนด้านหลังนี้” “รับแขก...” สองคำนี้ทำเอาฝีเท้าของหานหรงเหยาไม่มั่นคง เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้เป็นห่วงนางถึงเพียงนี้ ห่วงจนรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ หรือโรคของเขาจะกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว. ณ เรือนด้านหลัง “เจ้านี่มัน...” “พี่สาวทั้งสอง เมตตาข้าด้วย” เสียงอ่อนระโหยนั้นน่าสงสารยิ่ง แต่หญิงงามสองคนยืนมองด้วยความโมโห “เรื่องง่ายๆ แค่นี้เจ้ายังทำไม่ได้ แล้วจะไปทำอะไรได้อีก!” “ได้ๆ ข้าสัญญา ข้าจะพยายามให้มากกว่านี้ แต่ตอนนี้...ข้าขอ..ขอกินพลังชีวิตนิดหนึ่งได้ไหม” “ไม่ได้!” สาวงามทั้งสองตวาดพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เสียงตวาดนั้นทำให้เข่อซิงถึงกับยกมือขึ้นปิดหู แล้วนางก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าหูของตนเปลี่ยนเป็นหูจิ้งจอกแล้ว “หูของข้า!” หลิวเข่อซิงร้องอย่างลนลาน “หางก็โผล่!” “ดี! กลายเป็นจิ้งจอกแดงแล้วกลับหุบเขาไปเลย! ทำตัวน่ารำคาญจริง!” ไม่ได้นะ! นางจะกลายร่างเป็นจิ้งจอกแดงไม่ได้ พลังนางเหลือน้อยเต็มที หากกลายร่างเป็นจิ้งจอกแดงแล้ว ไม่รู้ว่านานเพียงใดกว่าจะได้กลายร่างเป็นมนุษย์อีกครั้ง หรือไม่ก็...อยู่ในร่างจิ้งจอกแดงตลอดไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม