bc

สาวใช้ของนายท่านเป็นปีศาจสาวตนหนึ่ง

book_age16+
594
ติดตาม
1.7K
อ่าน
รักต้องห้าม
reincarnation/transmigration
จบสุข
เดินทางข้ามเวลา
ชายจีบหญิง
เบาสมอง
มัธยมปลาย
ปิ๊งรักวัยเด็ก
like
intro-logo
คำนิยม

ว่ากันว่า...

เหล่าปีศาจจะกิน ‘พลังชีวิต’จากมนุษย์เพื่อให้ตนมีชีวิตอยู่ได้

แต่ถ้าได้เสพ ‘พลังหยาง’จากบุรุษจะเพิ่มอิทธิฤทธิ์ให้ตน

แต่การทำเช่นนั้นจะทำให้มนุษย์ผู้นั้นอายุไขสั้นลงหรือตายได้

ในขณะเดียวกัน ‘หัวใจ’ของปีศาจจิ้งจอกแดงเป็นตัวยาหายากชนิดหนึ่ง

ว่ากันว่าสามารถรักษาได้ทุกโรค

ปีศาจจิ้งจอกแดงจึงเป็นทั้งผู้ล่าและผู้ถูกล่าเช่นกัน

กุนซือหนุ่มนาม 'หานหรงเหยา' หลบมารักษาแผลใจไกลถึงชายแดน

สายลมแห่งโชคชะตานำพาให้เขาได้พบกับ 'หลิวเข่อซิง'

ปีศาจจิ้งจอกแดงตัวน้อยที่เข้าใจผิดคิดว่าชายหนุ่มกำลังจะฆ่าตัวตาย

แต่กลายเป็นว่า หานหรงเหยายื่นมือเข้าช่วยปีศาจสาวเสียเอง

เรื่องวุ่นของหนึ่งคนและปีศาจหนึ่งตนจึงเริ่มขึ้น

“ข้าช่วยเจ้า เจ้าไม่คิดจะตอบแทนบุญคุณข้าบ้างหรือ”

“ตอบแทนบุญคุณ?” นางทำเป็นไม่เข้าใจ

จะว่าไปเขาก็พูดถูก พลังชีวิตของเขาช่วยให้นางคืนร่างมนุษย์

จากที่บรรดาศิษย์พี่เล่าให้ฟัง แต่พวกมนุษย์หาดีไม่ได้สักคน

หรือว่าเขาเห็นนางในร่างจิ้งจอกแดงแล้วอยากได้หนังของนาง!

หานหรงเหยาเลิกคิ้วประหลาดใจ

จู่ๆ จิ้งจอกตัวน้อยก็หน้าซีดกอดห่อผ้าแน่น กลายเป็นนางที่แสดงท่าทีหวาดกลัวเขา

“แม่นาง...เอ่อ เข่อซิง...เจ้า...”

“เจ้า...เจ้าเห็นตัวตนของข้าแล้ว” นางกอดห่อผ้าแน่นขึ้นข่มกายไม่ให้สั่นเทา

ชายหนุ่มเพิ่งนึกได้ว่า เป็นตนเองที่เห็นร่างกายเปลือยเปล่าของนาง

หากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ต้องเป็นเขาที่รับผิดชอบต่อนาง

“เจ้าคงไม่คิดจะถลกหนังข้าหรอกนะ”

“ถลงหนัง?”

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
บทนำ
แนะนำตัวละคร หลิวเข่อซิง-เข่อซิง          : ปีศาจจิ้งจอกแดงอายหนึ่งร้อยสิบหกปี หานหรงเหยา                : ที่ปรึกษา(กุนซือ)ของกองทัพ มาทำงานร่วมกับซุนเจ้าเฟิง แม่ทัพใหญ่ที่อยู่ชายแดน หลิวชิงเซียง -ชิงเซียง      : ปีศาจจิ้งจอกแดงอายุห้าร้อยห้าสิบปี เป็นศิษย์พี่ของหลิวเข่อซิง ซุนเจ้าเฟิง                     : องค์ชายสามและเป็นแม่ทัพใหญ่ประจำชายแดน เป็นสหายรักของหานหรงเหยา ว่ากันว่า... เหล่าปีศาจจะกิน ‘พลังชีวิต’ จากมนุษย์เพื่อให้ตนมีชีวิตอยู่ได้ แต่ถ้าได้เสพ ‘พลังหยาง’ จากบุรุษจะเพิ่มอิทธิฤทธิ์ให้ตน แต่การทำเช่นนั้นจะทำให้มนุษย์ผู้นั้นอายุไขสั้นลงหรือตายได้ ในขณะเดียวกัน ‘หัวใจ’ของปีศาจจิ้งจอกแดงเป็นตัวยาหายากชนิดหนึ่ง ว่ากันว่าสามารถรักษาได้ทุกโรค ปีศาจจิ้งจอกแดงจึงเป็นทั้งผู้ล่าและผู้ถูกล่าเช่นกัน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นจากจิตนาการเพื่อความบันเทิง ไม่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับบุคคลหรือสถานที่จริงแต่อย่างใด พิธีแต่งงานจัดอย่างยิ่งใหญ่สมกับเป็นงานมงคลของตระกูลหานและเจ้าสาวแสนงามดุจบุปผาสวรรค์ เสียงดนตรี คำอวยพร ของขวัญ วิจิตรตระการตาราวกับงานรื่นเริงของเหล่าปวงเทพ งานมงคลยิ่งใหญ่นี้คงกลายเป็นที่กล่าวถึงไปอีกนานแสนนาน            ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาวในชุดสีแดงสวยงดงาม  ขณะที่เจ้าสาวค้อมเอวคำนับเจ้าบ่าวแล้วเงยตัวขึ้น สายลมพัดผ่านทำให้ผ้าคลุมหน้าสีแดงขยับไหวเผยเห็นรอยยิ้มเปี่ยมสุขของหญิงสาว            ทว่ารอยยิ้มนั้น ไม่ใช่ของเขาอีกแล้ว            ชายหนุ่มกล่ำกลืนความปวดร้าวในอก ฝืนทนจนเจ้าสาวเดินผ่านสายตาเข้าห้องหอแล้ว เขาจึงหมุนตัวเดินจากจวนตระกูลหาน เขาเกิดที่นี่ เติบโตที่นี่จวบจนวันนี้ที่เขาอายุสิบเจ็ดปี เขาจึงก้าวเท้าออกจากสถานที่ที่เรียกว่า ‘บ้าน’ อย่างไม่รู้ว่าจะหวนกลับเมื่อใดคิดจะหวนกลับ            จะให้เขาอยู่อย่างไร ในเมื่อหญิงสาวที่เขาหลงรักและเติบโตมาพร้อมกัน มาบัดนี้นางได้กลายเป็น ‘พี่สะใภ้’ ของเขาไปแล้ว ตอนที่1. หานหรงเหยา          บานประตูห้องทำงานเปิดออกอย่างไม่เกรงใจคนในห้อง ตามมาด้วยเท้าหนักๆ ที่เดินยำเข้ามาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะไม้สลักลายงดงาม บุรุษหนุ่มตวัดมือร่างแบบบนกระดาษเสร็จพอดีจึงเงยหน้าขึ้น  สีหน้าเรียบนิ่งราวกับแผ่นน้ำแข็งแห่งฤดูเหมันต์ไร้อารมณ์ แต่กระนั้นก็ไม่อาจลดทอนความหล่อเหลาบนใบหน้าได้แม้แต่น้อย            “หน้าตาเจ้านี่มันไร้อารมณ์สิ้นดี” องค์ชายสามหรือองค์ชายซุนเจ้าเฟิง ผู้รับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ประจำชายแดนตะวันตก เขาส่ายหน้าไปมาด้วยท่าทีอ่อนใจพลางเอื้อมมือไปรินน้ำชาให้ตนเอง “ข้าให้เจ้าหาเด็กรับใช้ข้างกายสักคน เหตุใดยังไม่มีใครมาปรนนิบัติเจ้าอีก” “จะให้ข้าต้อนรับท่านแม่ทัพอย่างไรดี จุดประทัดดีหรือไม่”  หานหรงเหยา คลี่ยิ้มเพียงเล็กน้อย มันน้อยเสียจนแทบมองไม่เห็นเป็นรอยยิ้ม หรือคนผู้นี้อาจหลงลืมการยิ้มไปแล้วว่าควรทำเช่นไร            “อยู่ค่ายทหารไม่จำเป็นต้องมีบ่าวข้างกาย” ชายหนุ่มวางพู่กันแล้วหยิบผ้ามาเช็ดมือ            “แต่สุขภาพของเจ้า...”  องค์ชายสามชะงักปากไป เป็นสหายกันมานาน รู้จักกันตั้งแต่เด็กเพราะหานหรงเหยาเองก็เป็นสหายร่วมเรียนกับเขา และสกุลหานเองรับใช้ราชสำนักมาหลายชั่วอายุคน หานหรงเหยาเป็นบุตรชายคนรองของสกุลหาน รูปร่างผอมบางไปสักหน่อยแต่ใบหน้าหล่อเหลาและโดดเด่นด้วยความรู้ความสามารถไม่ด้อยไปกว่าคุณชายตระกูลใดในเมืองหลวง ทว่าหัวใจของหานหรงเหยาไม่แข็งแรงมาตั้งแต่กำเนิด หมอทั่วแคว้นต่างลงความเห็นเดียวกันว่าไม่อาจรักษาได้ ทำได้เพียงพยุงให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ปีต่อปี            ไม่ใช่แค่ ‘หัวใจ’ เท่านั้น แต่หานหรงเหยายังเป็น ‘โรคใจ’ อีกด้วย นั้นเป็นเหตุผลที่หานหรงเหยาเขียนจดหมายมาถึงซุนเจ้าเฟิงเพื่อรับตำแหน่ง ‘ที่ปรึกษา’ หรือ ‘กุนซือ’ ณ ค่ายทหารแห่งนี้            “ข้าสบายดี” หานหรงเหยารู้ทันความคิดขององค์ชายสาม ด้วยความสนิทสนมคุ้นเคย ทั้งสองจึงพูดคุยสนทนากันอย่างเป็นกันเอง ซึ่งจะว่าไปก็เป็นความคิดของซุนเจ้าเฟิงที่ไม่ยินยอมให้เขาพูดจาแบ่งฐานะชัดเจน            ‘เก็บถ้อยคำเหล่านั้นไว้ใช้ที่เมืองหลวงเถอะ! ข้าอยู่ห่างไกลเสด็จพ่อขนาดนี้ คงไม่มีใครเอาไปฟ้องว่าเจ้าพูดจากับข้าเสมอเท่าเทียมกัน’            “เอาเถอะๆ ร่างกายของเจ้า เจ้าย่อมรู้ตัวดี” ซุนเจ้าเฟิงถอนหายใจเบาๆ หานหรงเหยาเป็นเจ้าดื้อหัวแข็ง ไม่ดื้อดึงจริงคงไม่สามารถออกจากเมืองหลวงมาอยู่ไกลถึงชายแดนกับเขาได้ เพราะสุขภาพไม่สู้ดี ทั้งบิดามารดาจึงระวังหานหรงเหยาทุกฝีก้าว จำได้ว่าหานหรงเหยาให้เขาสอนเพลงหมัดมวยให้ เมื่อมารดารู้เข้าก็เป็นลมล้มพับไปทันที ส่วนบิดานั้นด้วยเกรงฐานะของเขาจึงได้แต่กัดฟันข่มความโกรธไว้            หากไม่เป็นเพราะ สตรีที่หานหรงเหยาปักใจรักนั้นไปแต่งงานกับบุรุษอื่น และบุรุษผู้นั้นคือพี่ชายของหานหรงเหยาเอง นางกลายเป็น ‘พี่สะใภ้’ ของเขาไปเสียนี่ ด้วยเหตุนี้หานหรงเหยาจึงไม่อาจใช้ชีวิตในเมืองหลงได้อีก ซุนเจ้าเฟิงถอนหายใจให้โชคชะตาของหานหรงเหยาอีกครั้ง            “ว่าแต่ เจ้าทำอะไรอยู่” เขาถามชะโงกหน้ามาดูกระดาษบนโต๊ะทำงานของสหายรัก เขาไม่เข้าใจรูปวาดเหล่านี้จนกว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยปากอธิบาย แต่ก็ไม่เคยห้ามปรามขัดขวางเพราะแต่ละชิ้นที่ ‘ที่ปรึกษาหาน’หรือหานหรงเหยาคุณชายรองสกุลหานล้วนมีประโยชน์ต่อกิจการค่ายทหารประจำชายแดนตะวันตกของเขายิ่งนัก            “จากบันทึกที่อ่านมา ยามฤดูน้ำหลากมักมีเหตุดินถล่มตัดเส้นทาง ข้าคิดว่าจะหาเส้นทางสำรองอ้อมภูเขา หากมีเหตุไม่คาดฝันจะได้มีเส้นทางอื่นให้ใช้งาน หรือหากมีข้าศึกมาทิศทางนี้ สามารถใช้เส้นทางใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของกลศึกตีโอบเหล่าข้าศึกได้”            “ไม่เลว” ซุนเจ้าเฟิงพยักหน้ารับแล้วตบไหล่สหายเบาๆ “มาเถิด ข้ามีสุราดีจากเจียงหนานรอเจ้ามาลิ้มรสเป็นเพื่อนข้า”             “ช่างเป็นของตอบแทนที่ข้าอยู่เฝ้าค่ายให้เสียจริง” หานหรงเหยาแสร้งตัดพ้อ แต่เพราะสีหน้าเรียบนิ่งและท่าทางสูงส่งของเขานั้น คนฟังได้แต่โคลงศีรษะไปมา “งานที่นี่ไม่มีอะไรมาก เจ้าพักที่จวนก็ได้ หากมีเรื่องเร่งด่วน ข้าจะให้คนไปเชิญเจ้าเอง”  องค์ชายสามกล่าวขณะเดินออกจากกระโจมพร้อมหานหรงเหยา บุรุษทั้งสองเดินผ่านเหล่าทหารที่ให้ความเคารพยำเกรง มิใช่เพราะฐานะตำแหน่งเท่านั้น แต่ซุนเจ้าเฟิงเป็นแม่ทัพที่รักพวกพ้อง ไม่ทิ้งพี่น้องไว้ด้านหลัง และเมื่อหานหรงเหยาเป็นสหายรักของแม่ทัพซุนมาเป็นที่ปรึกษา เขาไม่ถือยศศักดิ์ พูดจาเป็นกันเองกับเหล่าทหารไม่ว่าจะระดับใด ทำให้คนในค่ายให้เคารพและเทิดทูนยิ่งนัก  ทั้งสองควบอาชางามสง่ากลับมาที่จวน พ่อบ้านจูเส้ากันเห็นผู้เป็นนายกลับมาก็รีบสั่งบ่าวไพร่ให้ดูแลนายท่านทั้งสอง จูอี้ซิน หลานสาวพ่อบ้านจูยกมือขึ้นแตะทรงผมเพิ่มความมั่นใจแล้วเดินเข้าไปหมายปรนนิบัติองค์ชายสาม นางหวังใจว่าจะใช้รูปโฉมงดงามของตนไต่เต้ามีหน้ามีหน้าในเมืองหลวง ต่อให้เป็นเพียงอนุแต่ก็เป็นอนุขององค์ชายสาม นับว่าดีกว่าเป็นภรรยาชาวบ้านร้อยเท่าพันเท่า “คารวะองค์ชายสาม ที่ปรึกษาหาน” จูอี้ซินคาวรวะเต็มพิธีการ แต่บุรุษทั้งสองเพียงปรายตาเล็กน้อยแล้วเดินผ่านไปราวกับนางเป็นเพียงก้อนกรวดบนพื้น  

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

สะใภ้ขัดดอก

read
39.8K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
4.2K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
13.7K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.9K
bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
14.7K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook