“ถางหญ้าหรือขอรับ” มู่เฉินถามย้ำอีกครั้ง ไม่คิดว่าสิ่งแรกที่มารดาอยากทำคือการถางหญ้าแทนการเข้าป่าหาอาหาร นางก็พยักหน้ายืนยันคำพูดชี้ขึ้นฟ้า
“ใช่ ตอนสายค่อยเข้าป่า ตอนนี้ยังเช้าอยู่เลย แม่คิดว่าพึ่งปลายยามเหม่า (06:00) เองกระมัง” นางชี้แจงให้บุตรชายฟัง ซึ่งบุตรชายก็เข้าใจ มู่เฉินมองดูต้นหญ้ารอบบ้านก็สมควรต้องจัดการจริง ๆ
“เช่นนั้นข้ากับอาถงจะไปยืมจอบเสียบกับท่านลุงเสินนะขอรับ”
“รีบไปรีบมาเล่า”
“ขอรับบ” เสียงอาถงตะโกนตอบมารดาขณะวิ่งตามพี่ชายไป นางได้แต่ยิ้มอย่างนึกเอ็นดู ตอนนี้ยังเช้าอยู่จึงอยากถางหญ้าเสียก่อน เข้าป่านั้นมีต้นไม้ให้ร่มเงา แต่บริเวณบ้านไม่มีที่บังแดด หากทำช่วงสายจะร้อนเอา หญ้าสูงเพียงนี้สัตว์อันตรายอาจเข้ามาในบ้านได้หากปล่อยเอาไว้นานกว่านี้
สองพี่น้องวิ่งมาถึงบ้านท่านปู่ด้วยรอยยิ้มตรงดิ่งไปหาสหายที่นั่งอยู่บนแคร่หน้าบ้าน ฮุ่ยเฟินเป็นบุตรชายของท่านอาฮุ่ยซิวอายุสิบหนาวเท่าเขา ส่วนบุตรชายสองคนของท่านลุงเสินนั้น พี่ชายจางจิ้งอายุสิบสองหนาวแล้ว ส่วนหลี่เฉียงอายุหกหนาว
“ท่านลุงวันนี้ข้าไม่มีฟืนมาขายนะขอรับ ท่านแม่ให้ข้าดูแลอาถงแทน” มู่เฉินบอกท่านลุงก่อนท่านลุงจะได้ไม่รอและหาคนอื่นทำงานแทน
เมื่อบ้านอันได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา เยว่ซินกลับมาวันแรกก็ไม่ให้บุตรชายทำงานหนักแล้ว นางยังคงเป็นมารดาที่ดีเช่นเดิม
“ดีแล้ว ๆ” ชายชราลูบศีรษะทั้งสองคนพลางยัดขนมที่สะใภ้รองซื้อมาใส่มือพวกเขาคนละชิ้นสองชิ้น อาถงเอ่ยขอบคุณท่านปูโดยไวนำมันเข้าปากทันที
หากเป็นยาพิษก็คงไม่ทันดูกระมังเด็กน้อยผู้นี้
“เช่นนั้นเจ้ากับอาถงมาเล่นกับพวกข้าหรือ” หลี่เฉียงดวงตาเป็นประกายคิดว่าทั้งสองมาเล่นกับพวกเรา ปกติแล้วพี่ใหญ่กับพี่รองจะอ่านตำราและเรียนสมุนไพรกับท่านปู่ นานครั้งจะมีเวลาเล่นสนุกกับเขา หลายครั้งที่ว่างคนอื่นก็ไม่ว่าง ยิ่งอาเฉินยิ่งต้องไปทำงานตลอด มีบางครั้งบางครากระมังที่อีกฝ่ายจะนำอาถงมาฝากไว้ที่นี่
“มิใช่ขอรับเฉียงเกอ ข้ามาขอยืมจอบและเสียมขอรับ ท่านแม่จะถางหญ้า” เป็นเด็กน้อยหยู่ถงที่เอ่ยตอบพี่ชายไปอีกรอบ ก่อนจะรับขนมจากพี่ใหญ่ที่หักแบ่งครึ่งให้เขาเข้าปากไป ปากก็กระซิบบอกรักพี่ใหญ่อยู่เช่นนั้น มู่เฉินจึงยิ้มออกมาอย่างนึกเอ็นดู ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้นเขาเก็บเอาไว้ให้ท่านแม่
เมื่อรู้ว่าบ้านผิงจะถางหญ้ารอบบ้านเด็กน้อยทั้งสามคนก็รู้แล้วว่าตนจะทำสิ่งใดดี
“เช่นนั้นพวกข้าไปช่วย”
“พวกท่านจะไปช่วยท่านแม่ข้าหรือขอรับ” อาถงเอ่ยขึ้นเขย่าแขนเฟินเกอไม่หยุด
“ดี ๆ ท่านน้ายังไม่หายดี พวกเจ้าไปช่วยนางเสียหน่อย” จางลี่เอ่ยบอกก่อนจะให้ทั้งห้าคนนั่งกินขนมต่อ สามีนางและน้องสามีเดินไปหาจอบหาเสียมให้เด็กๆ บางอันต้องซ่อมเสียก่อน
ส่วนนางจะเข้าไปเอาของสักครู่ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากแบ่งให้เยว่ซิน ลู่ฟางจึงตามนางไปด้วยเช่นกัน นางมีผ้ารองระดูเก็บไว้มาก แบ่งให้สหายสักห้าแผ่นให้นางเก็บไว้ใช้
ท่านปู่ท่งเองก็จัดเทียบยาให้นางเพิ่มโดยไม่คิดเงินสักอีแปะ ทุกวันนี้บ้านเรามิได้ขัดสนเงินทอง ไม่รวยแต่ไม่อดอยาก ทำสบู่สมุนไพรและผงขัดฟันขายก็ได้เงินพอใช้จ่ายทั้งเดือนแล้ว ยังไม่รวมรายได้จากการขายสมุนไพรและรักษาคนป่วยอีก
บ้านอันยังเมตตาบ้านผิงไม่เคยเปลี่ยน
เห็นว่าหัวไชเท้าของนางยังไม่กลับมาเยว่ซินจึงกลับเข้ามาในบ้านก่อน หยิบไม้กวาดมาปัดฝุ่นและกวาดบ้าน กวาดไปก็เอ็นดูเจ้าใหญ่ไป เด็กน้อยกวาดบ้านเหมือนนางตอนเด็ก กวาดบ้านโดยที่ไม่ยกของขึ้น ตะกร้าวางทับฝุ่นก็ปล่อยไว้เช่นนั้น กวาดพื้นคือกวาดพื้นจริง ๆ เวลาที่หม่าม้ามากวาดอีกรอบย่อมถูกดุเสียทุกครั้งไป
กวาดออกมาด้านนอกก็หากระบุงเล็กมาใส่ไปทิ้งไกลจากบ้านจะได้ไม่ปลิวเข้ามาอีกรอบ จากนั้นนางก็ถูพื้นต่อ เยว่ซินเป็นคนทำงานไว ใจเย็นกับทุกเรื่องยกเว้นเรื่องแบบนี้ อาจจะเพราะนางขี้เกียจกระมัง เขาบอกว่าคนขี้เกียจจะรีบทำงานให้เสร็จไวที่สุดเพราะขี้เกียจทำ
ผ้าชุบน้ำถูตามพื้นและเครื่องเรือน ขอบหน้าต่าง รวมถึงเปิดตู้ออกมาเช็ดให้ทั่วด้วย อย่างน้อยให้พออยู่ขึ้นกว่าเดิม ค่อย ๆ ทำไปทีละเล็กละน้อย ใช้เวลาไม่นานก็ถูบ้านเสร็จ จัดการกวาดฝุ่นอีกรอบเด็ก ๆ ก็ยังไม่มาจนนางนึกเป็นห่วงเสียแล้ว มิใช่ว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นหรือ
“ท่านแม่ มาแล้วขอรับบบ” พูดยังไม่ทันขาดคำ เดินออกมานอกบ้านก็ได้ยินเสียงอาถงดังมาก่อน ก่อนจะปรากฏเด็กห้าคนถือเสียมถือจอบมาเหมือนจะไปสู้รบที่ใด
“ข้าและน้องชายมาช่วยถางหญ้าขอรับ นี่คือของที่ท่านแม่และอาสะใภ้ฝากมาให้ท่านขอรับ” จางจิ้งยื่นกระบุงของที่ท่านแม่ฝากมาให้ท่านน้า มองดูนางแล้วเหมือนคนไม่เคยตกหน้าผาเช่นที่ท่านปู่บอกจริง ๆ ท่านเทพช่างเมตตาท่านน้ายิ่งนัก
“ขอบใจเจ้ามาก เข้ามาเถิด” ร่างบางรับกระบุงมาถือเดินพาเด็ก ๆ มาที่โถงโล่งหลังบ้าน ไม่รู้จะเรียกโถงหรือลานหลังบ้านหรืออะไรดี ของในกระบุงนั้นนางยังไม่เปิดดู หันมาสนใจจอบเสียมที่พวกเขานำมาแทน ตอนนี้เป็นเวลาไม่เช้าแล้วควรเริ่มงานได้แล้วกระมัง
“เริ่มเลยหรือไม่ขอรับ” จางจิ้งพี่ใหญ่เอ่ยขึ้น เยว่ซินจึงพยักหน้ารับ หากแต่เหมือนเด็ก ๆ ไม่ส่งจอบเสียมให้นางถือสักอัน เดินตามกันสามคนไปเริ่มงานปล่อยนางและเด็กน้อยสองคนยืนมองอยู่ใบหน้าเหรอหรา
“ท่านน้าไม่ต้องทำขอรับ พวกเจ้าก็ด้วย พี่ชายสามคนจะทำเอง” เพราะมีอุปกรณ์การถางหญ้าจึงไม่ยากเท่าใด จางจิ้งพี่ใหญ่อายุสิบสองหนาวลงความเห็นว่าให้อาถง อาเฉียง และท่านน้าเยว่ซินไม่ต้องทำก็ได้ พวกเขาสามคนจะทำเองเพราะเป็นบุรุษอายุเกินสิบหนาวกันหมดแล้ว
เยว่ซินจึงทำได้เพียงพยักหน้ารับ เด็กยุคนี้สิบห้าหนาวก็ตบแต่งหรือสอบขุนนางแล้ว จึงมีความเป็นผู้ใหญ่และผู้นำอยู่ตั้งแต่เด็กกระมัง อยากทำนางก็ปล่อยให้ทั้งสามทำไป
มู่เฉินยิ้มตามมารดาที่พาน้อง ๆ ไปนั่งในร่มเดินตามสหายและจิ้งเกอไปทำงาน ตอนนี้มีแดดอ่อน ๆ ไม่ถึงกับร้อนแต่ไม่ให้ท่านแม่มาตากแดดจะดีกว่า
“เจ้าสองคนเอาฝั่งนี้ ข้าจะเอาฝั่งนั้นเอง” จางจิ้งชี้ไปที่ดงหญ้าเตี้ย ๆ ให้เด็ก ๆ ไปทำ ส่วนเขาจะจัดการต้นหญ้าสูง ๆ ตรงนี้เอง แน่นอนว่าทั้งสองตามใจพี่ชาย ถือจอบเดินตามกันไปอีกฝั่ง
ตกลงกันเสร็จก็เริ่มลงมือทำงานโดยมีน้อง ๆ ตะโกนให้กำลังใจอยู่ที่โถง บ้างก็วิ่งเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้ พลอยให้พี่ ๆ รู้สึกดีระหว่างทำงานยิ่งนัก กว่าสองเค่อที่สามบุรุษถางหญ้ากองเอาไว้จนกองใหญ่ก็เริ่มขัดหูขัดตาเยว่ซินแล้ว
“แม่ว่าแม่ไปหอบหญ้าดีกว่า” เยว่ซินอดทนนั่งเฉยไม่ได้ ลุกขึ้นไปหอบหญ้าที่ทั้งสามกองไว้ไปรวมกัน ไม่รู้มีคนในหมู่บ้านเลี้ยงวัวควายหรือม้าอยากได้หรือไม่ พอทั้งสองเห็นก็สวมรองเท้าวิ่งตามไปทันที
“ข้าช่วยขอรับท่านน้า หญ้านี้เอาไปให้ม้าข้ากินได้”
“จริงด้วย บ้านอาเฉียงมีม้านี่” นางพึ่งนึกได้ว่าบ้านท่านปู่มีเกวียนเทียมม้า ดังนั้นทั้งสามจึงช่วยกันหอบหญ้ากองเอาไว้ ให้อาเฉียงวิ่งกลับไปเอารถเข็นเล็ก ๆ มาจะได้หอบใส่รอบเดียวเลยไม่ต้องเหนื่อยหอบหลายครั้ง
กลายเป็นว่าสามคนที่เหล่าบุรุษหนุ่มให้อยู่เฉย ๆ บัดนี้กำลังช่วยกันหอบหญ้าใส่รถเข็นอย่างขะมักเขม้น
หญ้าต้นใหญ่ถูกถอนออกเรื่อย ๆ จากนั้นก็ถูกหอบไปใส่รถ หอบใส่รถเต็มอาเฉียงก็พาอาถงลากไปที่บ้านแล้วกลับมาใหม่ อาถงตัวน้อยกว่าใครเขาแต่ขยันขันแข็งช่วยมารดาได้ดียิ่งนัก
“ระวังเล่า”
“ขอรับ” เด็กน้อยทั้งสองคนมีผ้าคลุมลำคอเอาไว้ไม่ให้หญ้าโดนหอบหญ้ากองใหญ่จนมองไม่เห็นทางหลี่เฉียงต้องคอยยืนบอกทางให้ แต่บอกอย่างไรไม่รู้สองพี่น้องจึงล้มคะมำลงบนกองหญ้าเช่นนั้น
“คิกคิก เฉียงเกอท่านมัวแต่บอกทางข้าจนสะดุดเอง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ก็พี่ชายกลัวเจ้าล้ม” เยว่ซินยืนหัวเราะตามสองคนนี้อย่างอดไม่ได้ นั่งคุยกันอยู่บนกองหญ้าอยู่นานนางก็อุ้มพวกเขาออกมากลัวจะระคายผิวเอา
มู่เฉินมองน้องชายสองคนและมารดาหอบหญ้าอย่างเป็นห่วง คราแรกปรึกษากันกับสหายและจิ้งเกอว่าจะทำเองให้ทั้งสามคนนั่งดูหรือทำอย่างอื่นที่มารดาอยากทำ ไม่คิดว่ามารดาจะดื้อดึงไปหอบหญ้าแทน แดดก็เริ่มมาแล้วพวกเขาจึงเป็นฝ่ายเร่งมือจะได้เสร็จโดยเร็ว
แต่จางจิ้งและฮุ๋ยเฟินกลับเห็นอาเฉินซ้อนทับท่านน้ามากกว่า ยิ่งอาเฉินคิดว่ามารดาดื้อดึงมากเท่าไหร่ยิ่งเหมือนอีกฝ่ายมากเท่านั้น ยามพวกเขาเอาข้าวของไปให้ต้องใช้เวลาหว่านล้อมกว่าสองเค่อถึงจะรับได้แต่ละครั้ง
ใช้เวลาถางหญ้าไม่นานก็เสร็จแล้ว ขนใส่รถเข็นอีกสองสามรอบหลังบ้านก็โล่งเตียน หากไม่ทยอยขนไปกองหญ้าคงสูงกว่าเด็ก ๆ กระมัง
ดีที่ไม่มีสัตว์ร้ายหรืองูซุกซ่อนอยู่ บริเวณรอบบ้านของพวกเราตอนนี้จึงสะอาดสะอ้านน่ามอง ดูแล้วสบายตายิ่งนัก เยว่ซินคิดว่าอยากจะปลูกผักหรือเลี้ยงไก่ด้วยสักตัวสองตัวคงจะดี
“ตรงนั้นทำเล้าไก่เล็ก ๆ คงจะดี ตรงนี้ปลูกผักดีหรือไม่เด็ก ๆ ”
มู่เฉินเห็นนางชี้ตรงนั้นทีตรงนี้ทีว่าอยากปลูกผัก บริเวณนี้ทำเล้าไก่เขาก็พลอยมีความสุขไปด้วย ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อครู่หายไปในพริบตา
ทั้งหกคนเดินกลับมานั่งพักที่ลานหลังบ้านในช่วงสาย เยว่ซินนำน้ำออกมาให้พวกเขาดื่ม นั่งพักพูดคุยกันไปในระหว่างนี้ นางเล่าเรื่องราวระหว่างทางให้ทุกคนฟังเพราะเด็ก ๆ อยากรู้ คงเหมือนนิทานผจญภัยเรื่องหนึ่งกระมัง ทุกคนจึงจับแก้วน้ำค้างอยู่อย่างนั้นไม่ยอมกินเสียทีกลัวจะขาดตอน
หลังเล่าจบก็นั่งพักจริง ๆ แล้ว จางจิ้งพาน้องเอารถเข็นและจอบเสียมไปเก็บกลับมาก็นั่งพูดคุยกับท่านน้าพลางมองดูผลงานตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
มู่เฉินเดินมาหามารดาหลังจากล้างมือเสร็จ ในมือมีขนมชิ้นหนึ่งยื่นให้นางรับมาถือไว้ด้วยความงงงวย
“ท่านแม่ขอรับ”
“เจ้าไม่กินหรือ”
“ข้ากินครึ่งหนึ่งแล้วขอรับ” เยว่ซินพยักหน้าเข้าใจ มองทั้งสามคนบ้านอันก็เห็นพวกเขามีขนมของตนเองแล้ว มือบางรับมาแต่ยังไม่กิน
นางแบ่งขนมชิ้นใหญ่ออกเป็นสามชิ้น ให้บุตรชายคนโต และอาถงที่ยืนจ้องอยู่นานหนึ่งชิ้น มู่เฉินจะได้ไม่ต้องแบ่งน้องชายอีกจากนั้นนางก็กัดขนมลองชิมดู บุตรชายเองก็ยิ้มกัดขนมกินตาม มองอาถงที่จับมือพี่ใหญ่ไกวไปมาอย่างมีความสุขพร้อมขนมเต็มปาก
“ข้ารักท่านแม่และพี่ใหญ่”
“เช่นนั้นข้าแบ่งให้เจ้าด้วย” เสียงดังมาจากด้านหลัง จางจิ้งมีน้องชายอายุหกหนาวย่อมไม่ได้ยินน้องชายบอกรักเลย มือหนาหักขนมครึ่งหนึ่งหลอกล่อให้อาถงมาหา แน่นอนว่าเด็กน้อยวิ่งไปกอดพี่ชายหยิบขนมเข้าปาก
“ข้ารักจิ้งเกอ”
“พี่ชายแบ่งให้เจ้าด้วย” ทั้งสองคนที่เหลือมีหรือจะยอมให้พี่ใหญ่ได้เปรียบ สามพี่น้องแย่งกันแบ่งขนมน้องชายเสียจนเยว่ซินและมู่เฉินเหมือนถูกแย่งความรัก หัวเราะตามภาพตรงหน้าอย่างขบขัน อาถงก็ตามใจพี่ชายเสียจริง
“เสร็จจากนี้ท่านน้าจะทำสิ่งใดต่อหรือขอรับ พวกข้าว่างทั้งวันเลยขอรับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามท่านน้าขณะยกน้ำขึ้นดื่ม ตอนนี้พักจนหายเหนื่อยแล้ว หากท่านน้ามีสิ่งใดอยากทำพวกเขาย่อมพร้อมช่วยเหลือ
มู่เฉินกินน้ำตามหลังจากกินขนมหมดแล้วชี้ไปที่ภูเขาเอ่ยบอกแทนมารดา
“ข้าจะพาท่านแม่ขึ้นเขาขอรับ”
“ข้าไปด้วย”
“เช่นนั้นไปกันเถิด น้าอยากไปเดินดูผักป่าเท่านั้นเผื่อนำมาทำอาหารได้” ทุกคนพยักหน้าเข้าใจที่ท่านน้ากล่าว อาเฉินเล่าให้ฟังว่าวันนี้มารดาให้พาไปดูแม่น้ำเพราะท่านยายที่ช่วยเหลือสอนการทำอาหารจากปลา หากได้ขึ้นเขานางอาจจะได้อาหารมาทำให้ทั้งสองคนกินมากขึ้นพวกเขาย่อมอยากช่วยเหลือ
ทั้งหกคนเดินตามกันขึ้นเขาในยามซื่อ (09:00-10:59) หลังจากพักเสร็จแล้ว บนหลังเด็กหนุ่มทั้งสามคนมีกระบุงอันใหญ่สะพายอยู่ บนหลังเด็กอีกสองคนนั้นเป็นกระบุงอันเล็ก
ส่วนเยว่ซินนั้นถูกห้ามไม่ให้แบกสิ่งใดเลย เดินกันมากว่าหนึ่งเค่อก็เริ่มเข้าสู่ป่า แดดเริ่มไม่โดนตัวเพราะต้นไม้รอบข้างคอยบดบังให้ ทั้งยังมีลมเย็น ๆ พัดอยู่ตลอด ไม่ได้ร้อนอบอ้าวอย่างที่นางคิดในตอนแรกเลย
“ป่ากินภูเขาไปกี่ลูกหรือ นานแล้วน้าแทบจำไม่ได้”
“ตอนนี้หกลูกแล้วขอรับท่านน้า เมื่อสองปีก่อนห้าลูกเท่านั้น ที่นาแห้งแล้งแต่เหมือนป่าไม้เติบโตอุดมสมบูรณ์ดียิ่งนักขอรับ” เยว่ซินมองต้นไม้ใบหญ้าขณะฟังฮุ่ยเฟินบอก ป่าอุดมสมบูรณ์จริง ๆ อย่างที่เด็กหนุ่มบอก อาเฉินเดินอยู่ด้านหน้ามารดาก็ช่วยระมัดระวังให้คงเพราะแต่ก่อนนางก็ไม่ได้เข้าป่า เป็นสามีที่เข้าป่าล่าสัตว์ตลอด
เสียงน้ำตกดังอยู่เบื้องหน้า หากมีเวลานางคงให้พวกเขาพาไปดู ตอนนี้ทั้งหกคนหยุดมองดูเผื่อจะมีสิ่งใดเก็บกลับไปได้ อาถงและอาเฉียงไม่ค่อยได้เข้าป่าทำได้เพียงเดินตามมาเงียบ ๆ พร้อมขนมเต็มปาก
จางจิ้งและมู่เฉินออกเดินด้านหน้าพามารดาไปอีกฝั่งของป่าเพราะตรงนี้ไม่มีสิ่งใดเลย เดินมาสักพักท่านแม่ก็ยกมือขึ้นพร้อมชี้ไปที่ลูกสีเขียวแข็ง ๆ พวกเขาย่อมเคยเห็นแต่มันแข็งเกินไปและไม่รู้ว่ามันคือผลไม้ชนิดใด
“เก็บฟักทองก่อนลูก”
“มันกินได้หรือขอรับ”
“กินได้ ด้านนอกเป็นเปลือกแข็ง แต่ด้านในกินได้เป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกาย ประเดี๋ยวน้าทำอาหารแล้วให้บ้านอันลองชิมดูดีหรือไม่” เสียงหวานกล่าวด้วยความดีใจ ฟักทองทำสังขยาฟักทองก็ได้ แกงฟักทองใส่ไก่ก็อร่อย
“ขอรับ” เมื่อได้ยินว่าท่านน้าจะทำอาหารให้กินพวกเขาก็กระตือรือร้นรีบไปเก็บช่วยนาง ฟักทองลูกใหญ่สามลูก บนหลังจางจิ้ง ฮุ่ยเฟินและมู่เฉินคนละลูก
ส่วนอาถงและอาเฉียงนั้นนางเก็บยอดฟักทองใส่กระบุงให้พวกเขาแบก ยอดฟักทองก็มีประโยชน์เช่นกัน ทำอาหารอร่อย นางจะนำไปผัดน้ำมันหอยหรือผัดใส่ไข่เพราะตอนนี้ยังไม่มีน้ำมันหอย
ทั้งหกคนเดินต่อเข้าไปอีกหน่อยท่านน้าก็ขอหยุดเก็บผลไม้สีแดงอีกครั้ง นางเรียกมันว่าพริก ให้รสเผ็ด ระหว่างนั้นเด็กหนุ่มทั้งสามคนจึงขอไปขุดหน่อไม้รอ มู่เฉินย้ำกับอาถงและอาเฉียงหลายรอบให้ดูแลมารดาดี ๆ
“แม่ดูแลตนเองและเด็ก ๆ ได้ เจ้าสามคนไปเถิด” เยว่ซินเอ็นดูบุตรชายเสียจริง ทำเหมือนนางเป็นเด็กไปเสียได้ มู่เฉินลูบหลังคออย่างเขินอายที่ห่วงมารดาเกินไปก่อนจะแยกไปขุดหน่อไม้
เยว่ซินลุกขึ้นยืนมองสำรวจส่วนอื่นของป่า ป่าอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก แต่ด้านนอกเหมือนชาวบ้านจะเก็บนั่นเก็บนี่ไปจนหมดแล้วจึงไม่มีแม้แต่เห็ดสักดอกเหลืออยู่เลย
หนึ่งสตรีและเด็กอีกสองคนเดินต่อเข้าไปอีกเล็กน้อย ได้หอมป่ากระเทียมป่าอย่างแน่นอนอยู่แล้ว แต่สมุนไพรนั้นมีหรือไม่นางไม่รู้เพราะไม่รู้จักสมุนไพรชนิดใดเลย
เดินต่อมาอีกหน่อยก็ไม่เจอสิ่งใดแล้ว คงได้เพียงฟักทองและยอดฟักทองไปทำอาหารกระมัง ต้นหอมนำไปใส่ไข่ตุ๋นก็อร่อยดี กระเทียมนำไปผัดกับพริก ได้เท่านี้ก็ยังดีกว่าไม่ได้ เอาไปผัดกับไข่จะได้ไม่จำเจ
“แม่ขอเก็บมะพร้าวก่อน” หยู่ถงดึงแขนเฉียงเกอให้หยุดกะทันหัน มองมารดาเดินไปเก็บมะพร้าวกินไม่ได้ใส่กระบุงมาสามลูกเงียบ ๆ เพราะไม่รู้มารดาจะนำมันไปทำอะไร
หากนางนำไปทำอาหารได้คงต้องยกความดีความชอบให้ท่านยายแล้วกระมังที่มีความรู้มากมายเพียงนี้ ทั้งฟักทองทั้งมะพร้าว เยว่ซินเก็บมะพร้าวแห้งเสร็จก็เดินกลับมาหาเด็ก ๆ
“สังขยาฟักทองต้องใส่สิ่งที่อยู่ในมะพร้าว” นางเอ่ยจบเด็ก ๆ ก็มีสีหน้าเหมือนพึ่งเข้าใจ จากนั้นก็เดินต่อ ไม่นานสายตาอันยอดเยี่ยมของนางก็สะดุดเข้ากับโพรงสัตว์ชนิดหนึ่ง เยว่ซินหยุดชะงักทันที
“นั่นโพรงกระต่ายนี่ กระต่ายขายได้ราคาดีหรือไม่อาเฉียง”
“ท่านพ่อเคยยิงได้ ข้าจำได้ว่าขายได้สองร้อยกว่าอีแปะเลยขอรับท่านน้า” เยว่ซินเหมือนตาออกแสงหลังจากฟังหลี่เฉียงตัวน้อยเอ่ยจบ อย่างต่ำสองร้อยอีแปะเชียวหรือ กระต่ายหนึ่งตัวซื้อข้าวและไข่คงอยู่ได้เป็นเดือน
มีคำผิดแจ้งได้น้า
นิยายไรท์สมบุกสมบันทุกเรื่องค่ะ ไม่มีหรอกเจอโสมร้อยปีพันปี 5555555555