บทที่ 4 เป็นท่านเทพที่เมตตา

2143 คำ
สามแม่ลูกใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานนับสองเค่อ คุยกันไปก็ร้องไห้ไปทั้งเยว่ซินและบุตรชายคนเล็ก ส่วนเจ้าใหญ่ทำหน้าที่เช็ดน้ำตาให้น้องชายและท่านแม่ เมื่อเยว่ซินได้สติแล้วทุกคนที่รออยู่ด้านนอกก็เข้ามาเยี่ยมเยียนพร้อมของติดไม้ติดมือกลับมา แม้จะไม่มากแต่รวมกันหลายบ้านก็อิ่มได้อีกหลายมื้อ วางข้าวของไว้บนแคร่เสร็จก็ตามกันเข้ามาด้านใน นำโดยท่านหัวหน้าหมู่บ้านและผู้เป็นภรรยาที่พึ่งกลับมาจากในเมือง คนเจ็บมองคนคุ้นเคยมากมายจากความทรงจำ เด็กก็เติบโตขึ้นทุกวันส่วนผู้ใหญ่ก็แก่เฒ่าลงทุกวันเช่นกัน ท่านลุงฮั่วเป็นหัวหน้าหมู่บ้านที่ดีและดูแลลูกบ้านอย่างเท่าเทียมและเที่ยงตรง ตอนนางอีกจิตสูญเสียสามีไปก็เป็นท่านลุงท่านป้าเข้ามาช่วยจัดการและรวบรวมเงินจากคนในหมู่บ้านให้นางใช้เพราะตอนนั้นนางกำลังท้องกำลังไส้ คลอดออกมาก็ไม่ใช่ว่าจะทำงานได้เลย “เป็นเช่นไรบ้างอาซิน” ท่านลุงฮั่วเอ่ยถามส่วนภรรยากำลังมองสำรวจนางว่าบาดเจ็บที่ตรงไหนบ้างอย่างเป็นห่วง เขาพึ่งกลับจากในเมืองก็มีคนไปตะโกนเรียก บอกแก่เขาว่าเยว่ซินกลับมาแล้ว นางเดินป่ามาพลัดตกหน้าผาตอนนี้อยู่ที่บ้านท่านปู่ท่งเขาและภรรยาจึงรีบมาที่นี่ ได้เห็นว่านางไม่เป็นอันใดมากก็เบาใจ “ข้าดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะท่านลุง” ร่างบางเอ่ยตอบทุกคนด้วยรอยยิ้มโดยมีบุตรชายนั่งอยู่ข้างกาย พอมีชาวบ้านเข้ามาเด็ก ๆ ก็นำผ้าห่มคลุมร่างกายนางไว้จนถึงคอ อาจเพราะเป็นค่านิยมของคนสมัยก่อนกระมัง เห็นว่านางมีแรงพูดก็เบาใจลง เพราะชาวบ้านไม่รู้เรื่องการรักษา ไม่เคยร่ำเรียนไม่รู้อาการภายในของนาง แต่เห็นจากที่ใบหน้าอาซินหายซีดทั้งยังเอ่ยพูดได้บ้างก็โล่งใจ “เหตุใดจึงตกหน้าผาได้เล่า เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่” ท่านลุงฮั่วถามต่อ จบคำถามเยว่ซินก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่นานก็เอ่ยปากเล่าเรื่อง...ที่นางแต่งขึ้นผสมกับความจริงเล็กน้อย.... ให้ทุกคนฟัง “เมื่อสองปีก่อนข้าออกไปทำงานปกติอย่างที่ทุกคนรู้เจ้าค่ะ แต่ตอนกลับนั้นนั่งรถม้ามาด้วยกันหลายคน รถม้าเกิดอุบัติเหตุจนตกลงไปในแม่น้ำ ข้ามองเห็นว่าคนอื่น ๆ เกาะไม้เกาะรถม้าได้ทัน แต่ข้ากลับลอยไปตามน้ำไหลเชี่ยวเหมือนถูกทวยเทพสั่งให้พัดพาข้าไป ตื่นขึ้นมาก็รู้ว่าถูกท่านยายผู้หนึ่งช่วยเหลือเอาไว้เจ้าค่ะ แต่เพราะเจ็บปวดจึงต้องอยู่กับท่านยายก่อน รักษาตัวกว่าสองปีพอหายดีข้าจึงเดินทางกลับมาหาลูก เพราะไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนจึงพลัดตกหน้าผาเจ้าค่ะ” เยว่ซินเป็นนักธุรกิจมีทักษะด้านการพูด นางพูดกับลูกค้ามาตลอด การโกหกแค่นี้ย่อมไม่ยากเกินไปสำหรับนาง แต่สิ่งหนึ่งคือเรื่องที่นางเล่านั้นมีเรื่องจริงปะปนอยู่ นั่นคือเยว่ซินคนก่อนตายเพราะรถม้าเกิดอุบัติเหตุตกน้ำจริง ๆ ร่างของนางไหลไปกับน้ำแม้แต่ศพก็ไม่มีผู้ใดพบเจออาจเพราะถูกสัตว์อื่นกินไปแล้ว คิดถึงตรงนี้ก็อดหันมองบุตรชายไม่ได้ ถ้าดวงจิตของนางไม่หลอมรวมเข้าด้วยกัน เด็ก ๆ ก็จะไม่มีโอกาสได้เจอมารดาอีกเลยชั่วชีวิตใช่หรือไม่นะ ด้านชาวบ้านเมื่อฟังจบก็มีสีหน้าเห็นอกเห็นใจนางขึ้นมา ผู้ใดบ้างจะไม่รู้ว่านางเป็นบุตรสาวขุนนางไม่เคยทำงานทำการ เจ็บป่วยหลังจากตกน้ำย่อมไม่แปลกอันใด หากไม่มีท่านยายผู้นั้นช่วยเอาไว้นางคงตายไปแล้วกระมัง ยิ่งเห็นว่านางต้องเดินทางรอนแรมมาที่นี่หวังกลับมาหาบุตรชายทั้งสองคนก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกดีในหัวใจกับความรักที่มารดามีต่อบุตร “หมดทุกข์หมดโศกนะพวกเจ้าทั้งสามคน” “ขอบคุณท่านลุงท่านป้าที่เมตตาบุตรชายข้ามาตลอดนะเจ้าคะ” “บุตรชายเจ้าสองคนเป็นคนดี พวกข้าย่อมเมตตา อย่าถือเป็นบุญคุณเลยอาซิน” ท่านปู่ท่งเอ่ยบอกแทนทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ ทั้งชาวบ้านยังพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของท่านปู่ พวกเราย่อมไม่ต้องการการตอบแทนหรือเงินทอง เพียงให้เด็กสองคนไม่อดอยากต่อไปนับจากนี้ก็พอแล้ว ยิ่งเห็นว่าทุกคนดีเช่นนี้สามแม่ลูกยิ่งรู้สึกดีและขอบคุณจากหัวใจโดยเฉพาะเยว่ซิน หากในภายภาคหน้านางสามารถพาบุตรชายมั่งมีเงินทองมากกว่านี้นางย่อมไม่ลืมทุกคนอย่างแน่นอน “พักที่นี่สักคืนดีหรือไม่” สะใภ้ใหญ่เอ่ยถามเมื่อมีจังหวะ แม้พ่อสามีจะบอกว่านางไม่เป็นอันใดแต่คนตกหน้าผาจะไม่เป็นอันใดจริงหรือ ทว่าเยว่ซินกลับส่ายหน้า “ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ เหมือนไม่เจ็บเท่าตอนตกลงมาเลยเจ้าค่ะไม่รู้เพราะเหตุใด” เมื่อเยว่ซินเอ่ยเช่นนั้นทุกคนย่อมมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ภาพเลือดเต็มตัวท่านป้าวิ่งผ่านหน้าบ้านพวกเขายังติดตาอยู่เลยว่าเลือดมากมายเพียงใด นางจะไม่เป็นอันใดได้อย่างไร “ตอนข้าตรวจดูเจ้า แม้เลือดเต็มตัวแต่กลับเหมือนว่าร่างกายไม่เป็นอันใดมาก” ครานี้เป็นชายชราเอ่ยขึ้นบ้างหลังจากเงียบอยู่นาน ตนตรวจดูร่างกายของนางแล้วมีเพียงบาดแผลด้านนอกเท่านั้น ด้านในเหมือนไม่ได้รับความเสียหายเลย ไม่รู้ว่าเลือดพวกนั้นมาจากส่วนไหนของบาดแผลนาง นั่นยิ่งทำให้ชาวบ้านทำสีหน้าเหลือเชื่อ นางตกหน้าผาแต่กลับไม่เป็นอันใด ทวยเทพองค์ใดช่วยนางกัน “จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจเพราะท่านเทพช่วยเหลือ อาถงฝันว่าท่านเทพจะมอบของให้เขา คงเพราะท่านเทพจึงทำให้เจ้าไม่เจ็บหนัก” ทุกคนพยักหน้าเออออกันเมื่อมีผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอย่างที่ท่านป้าพูด คนตกหน้าผาไม่ตายก็เจ็บหนักแต่นางกลับไม่เป็นอันใดมาก “อาจเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ ตอนข้าเดินทางมาเหมือนกับว่ามีคนคอยชี้บอกทางตลอด ทั้งยังไม่พบเจอสัตว์ร้ายเลยสักตัวเจ้าค่ะ ข้าคิดว่าเป็นเพราะเทพเทวดาสงสารข้าเป็นแน่” เยว่ซินเอ่ยออกมายิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือแก่ชาวบ้านมากขึ้น บางคนถึงกับมีดวงตาเลื่อมใสศรัทธา ร่างบางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ ที่นางตกลงมาเกือบตายก็มิใช่เพราะบาทาของตาเฒ่านั่นหรอกหรือ “ตอนนี้ก็สายมากแล้ว กินข้าวกันที่นี่ดีหรือไม่ จะได้กินยา” ชายชราวกกลับเข้ามาเรื่องอาหาร ตอนนี้สายมากแล้ว หากเอ่ยเรื่องทวยเทพพูดกันทั้งวันคงไม่จบกระมัง ยามซื่อ (09:00-10:59) แล้วนางควรได้กินข้าวกินยา หากแต่มู่เฉินกลับส่ายหน้าปฏิเสธ “ข้าอยากกลับไปกินที่บ้านดีกว่าขอรับท่านปู่ ต้องจัดเตรียมที่นอนให้ท่านแม่ด้วยขอรับ” เด็กหนุ่มกล่าวตามจริง ที่บ้านนั้นแทบไม่ได้ปัดกวาดอย่างจริงจังเลย ไหนจะที่หลับที่นอนของท่านแม่อีกที่ยังไม่จัดเตรียม เสื้อผ้าเขาก็ไม่เคยนำออกมาซัก “ปู่ลืมไป เช่นนั้นเอาอาหารกลับไปกินที่บ้านเถิด ท่านน้าท่านป้าของเจ้าทำให้แล้ว วางอยู่ในกระบุง ปู่จัดเทียบยาให้แล้ว นั่นรถเข็น ท่านลุงกับท่านป้าจะไปส่งพวกเจ้า” ชายชราเอ่ยบอกทั้งสามคนด้วยรอยยิ้ม จัดแจงให้เสร็จสรรพไม่ต้องให้พวกเขาลำบากหาทางกันเอง เมื่อพูดคุยกันเข้าใจจางลี่และลู่ฟางก็ช่วยพยุงเยว่ซินไปนั่งบนรถเข็น ชาวบ้านเองก็ต้องกลับไปทำงานของพวกเขาเช่นกัน ทุกคนออกมายืนรอคนเจ็บด้านนอก เห็นเยว่ซินเดินได้แม้จะช้าแต่ไม่เหมือนคนตกหน้าผา เชื่อแล้วว่านางไม่เป็นอันใดอย่างที่บอกจริง ๆ ดีนักที่ท่านเทพช่วยเหลือนาง อ้ายเสินนำรถเข็นมารอ เป็นรถเข็นบ้านอื่นที่ยืมมาเพราะที่บ้านนั้นมีแต่เล็กกว่าตัวนางยิ่งนัก จับเอาไว้ให้ภรรยากับน้องสะใภ้พยุงนางขึ้นไปนั่ง พาคนเจ็บนั่งรถเข็นเสร็จจากนั้นก็นำกระบุงอาเฉินไปใส่ไว้ด้วย อาถงตัวเล็ก ๆ ก็ถูกอุ้มไปนั่งด้วยเช่นกัน มารดาจะได้ไม่เหงา “พวกข้ามีของเล็กๆ น้อยๆ ให้” ชาวบ้านยืนล้อมรถเข็นวางข้าวของใส่ไว้ในกระบุง คนละเล็กละน้อยรวมกันกลับได้ของเกือบเต็มกระบุง เยว่ซินก้มหัวขอบคุณทุกคนดวงตาแดงก่ำ มาที่นี่ยังไม่พ้นวันก็พบเจอกับคนใจดีมากมายจนนางกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เด็กน้อยสองคนกลับยิ้มแย้มเบิกบานอย่างเห็นได้ชัด “ขอบคุณท่านลุงท่านป้านะเจ้าคะที่เมตตาข้ากับเด็ก ๆ มาตลอด ท่านปู่ ขอบคุณเจ้าค่ะ บุญคุณของทุกคนข้าและบุตรชายจะไม่มีวันลืม” “เอาเถิด ๆ พวกข้าบอกแล้วว่าอย่าเกรงใจเลย พ่อสามีเจ้าก็เป็นสหายข้า เมื่อก่อนยามล่าสัตว์ได้เจ้าหน้าเหม็นนั่นชอบเอาใส่กระบุงให้สามีเจ้าเดินแจกเนื้อตากแห้งให้ทุกบ้าน” ท่านปู๋ท่งย้อนความหลังยามที่พวกเราได้รับของกินจากบ้านผิง พอห่าวอู๋เติบโตมาก็ยังทำเช่นบิดาอยู่บ่อย ๆ อาซินเองก็ไม่ห้ามสามีเลย มาวันนี้พวกเราจะช่วยเหลือเด็กน้อยทั้งสองคนก็ไม่แปลกเลย “ใช่ ๆ เมื่อก่อนบิดาพวกเจ้าเอาเนื้อตากแห้งใส่กระบุง มือถือไม้ยาว ๆ เดินเคาะบ้านคนอื่นเขาไปทั่ว” “คิกคิก หากพี่ใหญ่ล่าสัตว์ได้ข้าจะเอาไปแจกเช่นท่านพ่อเองขอรับ” “ฮ่าฮ่าฮ่า ปู่จะรอกินเล่า อย่าคิดมากเลยพวกเราคนกันเองทั้งนั้น เจ้าเองก็เหมือนบุตรสาวหลานสาวข้าผู้หนึ่ง เหมือนญาติของคนในหมู่บ้าน ปู่และทุกคนเต็มใจช่วยเหลือครอบครัวเจ้า อย่าลืมพักผ่อนและต้มยาให้มารดาเจ้ากินเล่าอาเฉิน” “ขอรับท่านปู่” มู่เฉินเอ่ยตอบพร้อมก้าวเดินตามท่านลุงเสินที่กำลังเข็นมารดาอยู่เบื้องหน้า ไม่รู้เหตุใดตนเองจึงหยุดชะงักไม่ก้าวเท้าเดินต่อ เขากลัวว่าภาพที่เห็นอยู่จะเป็นความฝัน เหตุใดวันนี้ชีวิตเขาและน้องชายจึงผกผันและมีความสุขเช่นนี้ มีความสุขเหมือนฝันไป เยว่ซินจับอาถงนั่งดี ๆ เสร็จก็มองหาอาเฉินเพราะไม่เห็นบุตรชายคนโตเดินตามมาจึงหันกลับไปมอง อาเฉินยืนเหม่อลอยอยู่กับที่ไม่ก้าวตามมาเลย “อาเฉิน กลับบ้านเรากันเถิดลูก” ร่างบางหันไปเรียกบุตรชายด้วยรอยยิ้ม มู่เฉินเหมือนพยายามเอาชนะความคิดลบของตนเองว่าเขาไม่ได้ฝันไป นี่คือเรื่องจริง ยิ่งได้ยินเสียงอ่อนหวานของท่านแม่เอ่ยเรียกยิ่งส่งให้ใบหน้าเรียบนิ่งเผยยิ้มออกมาเช่นเด็กผู้หนึ่ง “ขอรับ” “ท่านลุงท่านป้า ข้ากลับแล้วนะขอรับบ พี่ชาย ข้ากลับแล้วนะขอรับบ” อาถงตัวน้อยโบกไม้โบกมือลาทุกคนอยู่บนรถเข็นด้วยดวงตาสดใสอย่างที่เด็กน้อยชอบทำ เด็กคนนี้สดใสร่าเริงยิ่งนัก “ฮ่าฮ่าฮ่า นั่งดี ๆ เล่าอาถงตัวน้อยของลุง ระวังขาเล่า” ทุกคนโบกมือลาเด็กน้อยด้วยใบหน้าเบิกบานไม่แพ้กัน ดูสิ มารดากลับมาพวกเขาก็ยิ้มไม่หุบเลย อาเฉินที่ไม่ค่อยร่าเริงก็หลุดยิ้มบ่อยขึ้น วันนี้ช่างเป็นวันที่ดีของหมู่บ้านเรายิ่งนัก เด็ก ๆ ในหมู่บ้านมองสหายที่เคยเล่นด้วยกันบ่อย ๆ และอาถงด้วยรอยยิ้มไม่แพ้ผู้ใหญ่ วันหน้าพวกเขาคงได้เล่นกับสองคนนี้บ่อยขึ้นกระมัง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม