หลังจากที่เราทั้งคู่ยอมพักและสงบศึกกันชั่วคราว เพราะผมเองก็ไม่ได้มีเวลาว่างที่จะมาสอนให้ได้ทุกวัน ผมมีรายงานที่ต้องเคลียร์ก่อนจบปริญญาโทอีก บอกตามตรงว่ามันอาจจะเหนื่อยแต่ผมก็สนุกกับมัน อย่างน้อยๆ ชีวิตวัยรุ่นผมก็ทุ่มเทมันจนสุดตัว
ตอนนี้ผมกำลังรอคนตรงหน้าใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่ ยืนมองมาหลายนาทีจนผมผูกเสร็จส่วนเจ้าตัวเล็กมันยังไม่เสร็จหน้าตาดูหงุดหงิดใหญ่เลย ตอนเด็กๆ ไม่ยอมกินนมสินะโตมาแขนขามันเลยสั้นเเค่นี้เนี่ย ฮึๆ
“มานี่มาเดี๋ยวผูกให้”
“ไม่เป็นไร..”
“พูดกับผู้ใหญ่ให้มีหางเสียงหน่อย”
ผมว่าเสียงขรึม จนเหมือนเขาจะไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ แต่เรื่องมารยาทในการพูดกับผู้ใหญ่ผมเองก็ให้ความสำคัญเช่นกัน หน้าตาก็ไม่ใช่ว่าจะขี้ริ้วขี้เหร่อะไรหรอก แต่ถ้าพูดจาเพราะๆ มันจะดูดีขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
“ไม่เป็นไรครับ”
ผมกระตุกยิ้มมุมปากน้อยๆ ถึงแม้จะพูดกรอดไรฟันแต่ก็คงจะมีความพยายามอย่างมากที่จะพูดกับผมด้วยประโยคพวกนั้น อย่างว่าเเหละน้าทำดีร้อยครั้งก็ไม่เท่ากับทำชั่วเเค่ครั้งเดียว คนเราทำไมไม่มองผ้าสีขาวที่มีมากกว่าจุดสีดำบนผ้าล่ะ
ผมไม่ใช่คนดี ไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซนต์หรอกครับ
“มานี่เดี๋ยวผูกให้”
“ไม่ต้องไง..”
ผมไม่รอให้อั่งเปาเขาลังเลแล้วครับ ขืนชักช้ากว่านี้ไม่ต้องทำมาหากินกันพอดี ผมจัดการเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าก่อยจะเอื้อมมือไปผูกโบว์ผ้ากันเปื้อนให้ทางด้านหลัง
จมูกของผมเฉี่ยวซอกคอขาวๆ ไปแค่นิดเดียวและดูเหมือนว่าคนตรงหน้าคงไม่รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังคิดอะไรชั่วๆ อยู่ล่ะมั้งถึงไม่ยอมเอี่ยวตัวหลบ รอยยิ้มชั่วบนหน้าผมมันกระตุกขึ้นมาเองโดยไม่ได้นัดหมาย มือค่อยๆ ผูกช้าๆ เพราะผมเองยังอยากจะดมกลิ่นตัวหอมๆ แบบนี้สักพัก
“เสร็จยัง”
“เสร็จแล้วครับๆ”
“เอาแขนมา”
“หื้ม?”
ผมเลิกคิ้วถามเพราะความสงสัย น้องเปาเองไม่ได้พูดอะไรกับผมต่อ เพียงแค่กระตุกแขนทั้งสองข้างของผมให้ยื่นไปด้านหน้า แล้วพอผมก้มมองถึงได้รู้ว่าตอนนี้ตัวเองลืมพับแขนเสื้อขึ้น
ผมนิ่งไปสักพักเพราะเอาแต่เหม่อมองคนตรงหน้าอยู่ไม่ได้ละสายตาไปไหนเลย คนตัวเล็กกว่าค่อยๆ พับแขนเสื้อผมขึ้นอย่างใจเย็นถึงแม้มันจะมีท่าทางที่ไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่ก็เถอะ แต่ผมกลับชอบมากกว่าที่เห็นคนใส่ใจรายละเอียดในตัวผม
ไอ้เด็กแสบนี่ ..ชักจะทำให้ผมสนใจซะแล้ว
“เสร็จแล้ว เป็นเชฟภาษาอะไรลืมพับแขนเสื้อ”
“คนเราก็ต้องมีลืมมั่งสิครับ ..อะนี่หมวกใส่เอาไว้จะได้เหมือนเชฟของจริง”
ก่อนที่จะลงมือสอนผมเลยจัดการเอาหมวกเชฟครอบใส่หัวเล็กๆ นี่ซะเลย ดูท่าทางเหมือนจะเป็นเชฟของจริงนะ แต่เมื่อวันก่อนให้ทำแค่คุ้กกี้ธรรมดาแป้งยังแฉะแหยะๆ เหมือนพึ่งไปลุยน้ำมา
อีกวันให้ทำตามเดิมเเป้งเเข็งเหมือนกรวดฟันผมเเทบหัก กลืนลงกระเดือกแสนจะลำบากจะคลายออกต่อหน้าเขาผมว่าลำบากใจกว่าเดิมอีก วันนี้เลยเปลี่ยนให้ทำอย่างอื่นก่อนเลยเถอะ ผมไม่สามารถกินของเเบบนั้นได้ แต่ผมไม่กล้าพูดออกไปแรงขนาดนี้เดี๋ยวเด็กมันหมดกำลังใจ
ผมจะปั้นไอ้แสบมันเอง แล้วสักวันมันจะต้องขอบคุณผมอย่างแน่นอน
“เราลืมล้างมือกันหรือเปล่า..”
“ผมล้างเรียบร้อย อ่า..เป็นเชฟได้ไงกัน ไปล้างสิ” เขาไล่ผมอย่างหัวเสีย ไอ้ปากเล็กๆ นั่นที่พูดอยู่มันน่าจับจูบให้สงบปากสงบคำหน่อยไหมล่ะ
คิดอะไรอยู่วะไอ้เคน!
คราวนี้ผมจะเอาจริงละนะ ไม่เอาไอ้เคนคนที่เกรียนแตกแบบที่มหาวิทยาลัยแล้วนะครับจะบอกให้ หลังจากที่เสียเวลามามากพอแล้วตอนนี้ผมจะให้อั่งเปาทำชีสเค้กสไตล์ญี่ปุ่นเลย เพราะที่นี่ลูกค้าที่สั่งเยอะมาก ถ้าเก่งแล้วผมอาจจะเอาตัวมาช่วยที่ร้านนี่ซะด้วยเลย จะได้ถือว่าเป็นประสบการณ์ก็แล้วกัน
ผมทำขนาดนี้เขาก็ไม่มีทางมองผมเป็นคนดีหรอก เชื่อดิ อคติกับผมจะตายไอ้แสบเนี่ย
คนที่ได้รับคำสั่งจากผมว่าให้จัดเตรียมอุปกรณ์และตวงปริมาณให้เรียบร้อยตอนนี้ของทุกอย่างที่จำเป็นอยู่ตรงหน้าเราสองคน คนตัวเล็กจัดแจงวางทุกอย่างอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งต่างจากวันแรกที่มามาก ครัวร้านผมแทบพัง ผมชอบนะเรียนรู้ไวแบบนี้ จะได้พัฒนาไม่ยาก
“ผสมครีมชีสนมและเนยเข้าด้วยกัน ..รู้ใช่ไหมว่าอย่างละเท่าไหร่”
“ครับ ตวงเรียบร้อยแล้ว”
“ดี งั้นผสมเลย.. พี่จะยืนบอกเราว่าต้องทำยังไงแล้วจะให้เราทำเอง”
“ครับเชฟ”
คนตัวเล็กตอบรับกลับมาอย่างฉะฉานแววตาฉายความมุ่งมั่นออกมาจนผมรู้สึกได้ เอาล่ะนับจากนี้ผมจะเข้าสู่โหมดติวลับอย่างเคร่งครัด ผมไม่เคยเอาใครมาฝึกที่นี่หรอกถ้าจะมีผมก็ไม่ลงมาสอนเอง เพราะมันเสียเวลาทำอย่างอื่นของผม ที่นี่มีเชฟเยอะแต่ผมอยากสอนให้เด็กนี่เองมากกว่า
“ครีมชีสเท่าไหร่ที่ใส่ลงไป” ผมถาม
“250 กรัมครับ.. นม 100 มิลลิลิตร แลวก็เนยจืด 50 กรัม..”
"อืมพูดครับเเล้วน่ารักขึ้นเยอะเลยนะเรา"
"หนิเชฟ! ไม่ตลก อย่ามาล้อเล่น..เดี๋ยวพ่อฟาดด้วยเตาอบ"คนตรงหน้าขลึงตาใส่ ผมถึงกับหลุดขำออกมาเบาๆ เเค่ชมว่าน่ารักเเค่นี้เขินงานใหญ่นะเราเนี่ย
“ดี ต้มน้ำในหม้อด้วยล่ะ.. ตีให้เนียนจนกลายเป็นเนื้อเดียวกันเลย รู้ใช่ไหม”
“อื้มเชฟ”
ผมจ้องมองอั่งเปาไม่ละสายตาไปไหน ผมจ้องมองทุกท้วงท่าในการขยับเขยื้อนเพื่อจะดูความทะมัดทะแมงในการผสมวัตถุดิบต่างๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งมันเป็นภาพที่ดูดีไม่น้อยเลยผมว่า
คนที่ทำอาหารทุกคนผมรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ดีนะจริงๆ และที่ผมเป็นเชฟเพราะผมรักในการทำอาหารและถ้าเกิดผมพร้อมจะหยุดที่ใครสักคนจริงๆ เขาคนนั้นคงได้เชฟสุดหล่อที่พร้อมจะทำอาหารเช้าให้กินทุกวันแน่นอนครับ
“แยกไข่ขาวกับไข่แดง”
“ครับเชฟ รู้แล้วครับ สั่งเอาๆ”
ผมกลั้นหัวเราะเพราะแค่อยากจะแกล้งคนตัวเล็กที่กำลังมุ่งมั่นในการแยกไข่ขาวกับไข่แดงซะเหลือเกิน ก็ทำออกมาดีอยู่นะ ถ้าเปลือกไข่ไม่ลงไปเกือบจะทั้งลูกขนาดนั้นน่ะ
การแยกไข่ขาว ไข่แดง ไม่ผ่านซะแล้ว! X
“ร่อนแป้งสิครับ”
“เปลือกไข่มันตกลงไปอีกแล้ว ..โอ๊ะ”
“อั่งเปา”
ผมสะดุ้งเล็กน้อยขณะที่เขากำลังจะร่อนแป้งแล้วก็จัดการเอาเปลือกไข่ออกไปด้วย เล่นร้องออกมาซะเสียงดังแบบนี้ผมจะไม่วิ่งเข้าไปดูก็กระไรอยู่
“อย่าเอามือแตะสิมันเลอะไข่อยู่.."
ผมดุน้อยๆ แป้งเค้กมันเลอะและดูเหมือนจะเข้าตาด้วย แต่ไอ้มือที่กำลังเลอะไข่ขาวจะเอามาแตะหน้าเดี๋ยวก็เลอะเทอะกันหมดพอดี
ผมควรจะตีก้นเด็กคนนี้ดีไหมเนี่ย หะ!
“เชฟๆ ๆ แป้งเลอะแว่น”
“ก็กำลังจะทำให้หายเลอะอยู่นี่ไงครับ” ผมหันไปหยิบทิชชู่ก่อนจะเอามันมาเช็ดเบาๆ ที่รอบกรอบแว่นตาของคนตรงหน้า
ทั้งสองมือของคนตัวเล็กกางออกบ่งบอกว่ากำลังเกร็งสุดความสามารถ เพราะตอนนี้หน้าเราสองคนมันก็ใกล้กันมากจนเราสองคนหายใจลดใส่กันไปมา เด็กน้อยโตช้า คนอะไรสูงแค่หน้าอกผม ฮึๆ
ผมนิ่งเงียบไปชั่วครู่เพราะเอาเเต่เหม่อมองริมฝีปากเล็กของคนตรงหน้า กว่าจะรู้ตัวอีกทีความห่างก็ไม่ถึงเซนซะเเล้ว
"เชฟจะทำอะไร.. มันมองไม่เห็น"
“ถอดแว่นก่อนก็แล้วกัน” เสียงเล็กๆ ทำให้ผมหลุดจากภวังค์เเละถอยหน้ากลับมา
“ถอดผมจะมองไม่ชัด”
“สายตาแย่ขนาดนั้นเลยหรือไง”
ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจเสียงของเขาเลย ผมแค่อยากเห็นใบหน้าของอั่งเปาตอนไม่มีแว่นต่างหาก ผมถอดแว่นออกมาเช็ดให้พลางๆ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนตรงหน้าลืมตาขึ้นมามองผม
ดวงตากลมโตเปล่งประกายเหมือนลูกแมวเปอร์เซียที่ผมเคยเลี้ยงตอนเด็กๆ เลยแหะ ไม่มีแว่นแล้วดูดีกว่าตอนใส่ตั้งเยอะ แต่ดูเหมือนว่าสายตาจะแย่มากเลยนะนั่น พอถอดออกแล้วจากตาโตกลับหรี่มองผมใหญ่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสั้นกี่ร้อยเนี่ย
“เสร็จยัง มองไม่ชัด”
“ยัง อีกนิดนึง”
มือเล็กพยายามคำหาตัวผม ผมเลยแกล้งเดินถอยหลังเล็กๆ แล้วก็ทำความสะอาดแว่นจนแป้งที่เกาะอยู่หายเกลี้ยง ผมก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้าก่อนจะเอาแว่นสวมกลับคืนคนตัวเล็กตรงหน้า
“เห็นพี่แล้วใช่มั๊ย”
“อ้ะ!”
ดวงตากลมเบิกโพลงตอนนี้เราสองคนยืนใกล้กันมากกว่าเดิม มันเลยทำให้คนตรงหน้าผมเซถอยหลังจนเกือบเสียหลักล้มลงไป โชคดีที่ผมคว้าหลังเอาไว้ไม่ทัน แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าผมตอนนี้จะหน้าแดงเอาเรื่องเลยนะ
เก็บอาการหน่อยสิ เด็กบ๊องเอ้ย!
“พี่เคนคะ..”
“น้องแพร..”
อั่งเปาผลักผมออกสุดแรงทันทีที่เสียงของผู้มาเยือน ผมหันไปมองเธอแล้วยิ้มๆ ให้ไม่คิดว่าจะบุกเข้ามาถึงในห้องครัวเลยนะเนี่ย ปกติถ้าจะมาหาก็ควรจะไลน์มาก่อนสิปะเดี๋ยวรถไฟชนกันไอ้เคนจะแย่เอา
ผมจัดการถอดหมวกและเสื้อคลุมออกแล้วแขวนมันไว้ที่เดิม ก่อนจะเดินตามเธอออกไปแต่ยังไม่วายหันมากำชับคนด้านในอีกว่า
“เดี๋ยวพี่มานะ ลองทำเองดูก่อน”
“อืมเชฟ”
[SPEAK PART :: OUNGPAO]
1 ชั่วโมงผ่านไป
ผมนั่งรอพี่เคนเข้าในห้องครัวพร้อมกับเจ้าชีสเค้กก้อนเเรกของวันนี้ หน้าตาอาจจะไม่น่ากินเท่าไหร่เเต่ผมว่ามันดีกว่าคุ้กกี้เมื่อสองวันก่อนเยอะเลยเเหละ ไม่ใช่อะไรหรอกผมเเค่อยากตั้งใจทำมันออกมาให้ดี เพราะที่ผ่านมาผมเห็นหน้าพี่เขาชิมเเล้วเเหยะอย่างบอกไม่ถูกเเต่เขาก็ไม่ได้ตำหนิหรือว่าอะไรเเรงมากนักทั้งๆ ที่รสชาติโคตรห่วยบรม
เเล้วนี่ผมก็นั่งรอเจ้าตัวมาจะเกือบสองชั่วโมง ก่อนที่เขาจะออกไปกลับผู้หญิงหน้าตาสวยๆ ไม่พ้นเด็กๆ ในสต็อกล่ะสิท่า ผมไม่ได้อยากจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของใคร เเต่ถ้าผมจับได้ว่าเขากำลังจะหลอกฟันเพื่อนผมล่ะก็ผมคงปล่อยไปไม่ได้
'เห็นพี่เเล้วใช่มั๊ย'
"ฮึ้ย~..ขนลุกชะมัด"เเค่คิดถึงคำพูดเเปลกที่ชวนผมคิดลึกเเล้วการกระทำของเขายังเเปลกคนอีกต่างหาก
เรื่องเมื่อตอนเช้าที่มหาวิทยาลัยถูกเเชร์ไปทั่วเลยเเละเขาก็คงจะดังกระฉ่อนไม่น้อยเลยล่ะผมว่า เเละไอ้การที่ผมขอโทาเขาไปเเบบนั้นมันถูกเเล้วเเหละ ช็อคโกเเลตนั่นเป็นของเขาผมพึ่งได้รู้จากเพื่อนของเขาเอง เขาเป็นคนเข้ามาถามผมเองว่าได้รับช็อคโกเเลตจากพี่เคนหรือยัง ผมถึงกับเงิบเเละนึกย้อนไปว่าทำไมพี่เคนต้องโกรธขนาดถึงเอาไปทิ้ง
ถึงบางอ้อก็ตอนนั้นเเหละครับ = =
'คืนนี้ก็นอนค้างที่ห้องพี่สักคืนสิครับ เเล้วเดี๋ยวจะบอกว่าอยากได้ ..อะไร'
"จะบ้าตาย"
ยิ่งคำพูดเมื่อเย็นของคนหื่นนั่นยิ่งทำให้ผมหัวร้อนไม่น้อย อย่าหวังว่าจะได้ในสิ่งที่เขาหวังเลยเหอะ เเค่มองตาก็รู้นิสัยเขาเเล้วว่ากำลังคิดอะไรชั่วๆ อยู่
ถ้าผมเป็นนายพราน ผมจะใช้ธนูยิงเสือเเบบเขาให้ตายคาที่ไปเลย หึ!
"คุณคะเดี๋ยวร้านจะปิดเเล้วนะคะ.. เชฟเคนไปไหนเนี่ย"
"ครับ เเล้วเชฟเคนไปไหน? "ผมเลิกคิ้วถามพนักงานเสิร์ฟผู้หญิงเธอเดินเข้ามาบอกผม ตอนนี้ผมอยู่เเต่ในครัวเลยไม่ได้ออกไปดูว่าด้านนอกตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง เเต่ปกติพี่เคนเขาจะอยู่สอนผมจนกว่าเขาจะบอกเลิกคลาสนะ ทำไมวันนี้หายหัวหายตัวไปไหนของเขาวะ
"ร้านจะปิดเเล้วค่ะ เชฟเคนออกไปข้างนอก ไม่รู้ไปไหน ..ยังไงอีกสิบห้านาทีจะปิดเเล้วนะคะ"
"ครับ ผมจะรีบเก็บของให้"
ผมตอบกลับก่อนจะรีบเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ไปล้างทำความสะอาดเเล้ววางมันเก็บเข้าที่เดิม หรือว่าพี่เเกจะหนีไม่ยอมมาชิมชีสเค้กที่ผมทำให้ มันไม่ใช่อ้วกหมานะว้อย กินได้ไม่ตายหรอก!
หลังจากที่ผมเก็บข้าวของ กว่าจะล้างเสร็จปาไปเกือบจะครึ่งชั่วโมง เเม่ครัวที่นี่กลับไปตั้งนานเเล้วเเหละผมเลยต้องมายืนล้างเองทั้งหมด สงสารตัวเองเหลือเกินตอนนี้ - -
ผมเดินออกมายืนหน้าร้านพร้อมกับมองชีสเค้กในถุงที่ตัวเองเป็นคนทำสายตาละห้อย ผมชิมเเล้วมันก็ไม่ได้ประหลาดเกินไป เเต่ผมอยากให้เชฟเคนมาลองชิมมากกว่า ไม่รู้ป่านนี้พี่เเกไปเเทรกเเผ่นดินอยู่ส่วนไหนของโลกก็ไม่รู้ เบอร์ติดต่อก็ไม่มี เเล้วเเบบนี้ผมกลับบ้านได้เลยมั๊ยเนี่ย เพราะเขาเป็นคนบอกเองว่าจะกลับมา ต้องกลับมาสิวะ! ผมถือเรื่องนี้สำคัญเลยนะลั่นวาจาออกมาเเล้วก็ต้องรับผิดชอบเนี่ย
ถึงจะปากหมาเเต่ผมก็รู้จักว่ามารยาทเเละบุญคุณที่เขามีต่อผมหรอกน่า เพียงเเค่หมันไส้เวลาเจอเขาเท่านั้นเอง
"ฝนตกอะไรตอนนี้วะเนี่ย"
ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะยื่นมือออกไปรองน้ำฝนที่กำลังตกลงมาปอยๆ เมื่อวานพกร่มมาล่ะไม่ตก พอวันนี้ลืมเอาร่มมาเทกระจาดเลยนะครัล เเหม่ = =
"โวย เมื่อไหร่จะมาวะเนี่ย ..รออยู่นะว้อยยย! อย่าให้หงิด"
ผมนั่งลงยองๆ พร้อมกับก้มหน้าซุกเข่าตัวเอง เสียงฝนยังดังกระทบพื้นต่อเนื่องเเล้วก็กระเซนมาโดนผมซะด้วยสิ ถ้าผมเกิดเป็นปอดบวมตายขึ้นมา พ่อจะมาเป็นผีบีบคอเขาให้ตายตามด้วยเลยคอยดู
15 นาทีผ่านไป
"ฝนจ๋าหยุดที พี่อยากกลับบ้าน"
25 นาทีผ่านไป
"ไอ้พี่เวร! เวลาสะกดไม่เป็นหรือไงวะ เวลาในภาษาอังกฤษ TIME ที ไอ เอ็ม อี โว้ย! Fuck!!! "
45 นาทีผ่านไป
"จะให้โอกาส จะนับหนึ่งถึงพัน ถ้ายังไม่มา.. ตายซะ!!! "
1 ชั่วโมงผ่านไป
"โว้ย! ไอ้บ้าเอ้ย ให้มานั่งรอเป็นชั่วโมงหายหัวไปไหนวะเห้ย! ย้ากกกกก!!! "
พอกันทีผมอดทนรอเขามามากพอละ ไม่รอเเม่งละโว้ย! เจ้าตัวหายไปไหนของเขาวะ ป่านนี้รถเมล์ผมหมดเเล้วมั้งมัวเเต่ไปทำอะไรอยู่ อย่างน้อยๆ บอกคนที่ร้านไว้ก็ดีคนจะได้ไม่คอย ผมเกลียดการรอคอยมากที่สุดเลย เหมือนผมปล่อยเวลาที่มีค่าของผมให้กับคนที่ไม่เห็นค่าเเบบเขา!
เคนตะ รุ่นพี่ปริญญาโท คณะคหกรรม เขาต้องรับผิดชอบ!
"อย่าให้เจอตัวนะโว้ย บอกก่อนเลย"
"อั่งเปา.."
"พี่เคน"
ผมเบิกตาโพลงเล็กน้อยในมือเผลอปล่อยถุงชีสเค้กร่วงลงพื้น ก่อนจะวิ่งเข้าไปรับร่างของคนตัวสูงท่ามกลางฝนที่ตกกระหน่ำลงมา พี่เคนคุกเข่าลงไปกับพื้นเสียงดังเปาะเลย ผมอดไม่ได้ที่จะฟาดมือลงไปที่เเขนเขาเเรงๆ ริมฝีปากซีดเซียว เเถมยังเหนื่อยหอบใส่ผมอีกต่างหาก ทำอย่างกับวิ่งมาราธอนมางั้นน่ะ
"ขอโทษที พอดีรถพี่มันเสีย.. เรารอนานไหม"
"อะ เอ่อ.. คือ"
ผมกระอึกกระอักเพราะไม่รู้จะพูดกับเขาว่ายังไงดี สีหน้าเเละเเววตาที่ดูเป็นห่วงผมเเต่ไม่ห่วงตัวเองกำลังมองมา สายตาเเบบนั้นทำเอาใจผมสั่นเเปลกๆ
รถเสียเเล้ววิ่งมางั้นเหรอ? วิ่งมาไกลเเค่ไหนวะเนี่ย ฝนก็ตก โคตรบ้าระห่ำ!
"ผมว่าพี่เข้าไปข้างในก่อนเถอะ ..เนื้อตัวเปียกขนาดนี้ไม่สบายกันพอดี"
"อืม"
"เเล้ววิ่งมาไกลปะเนี่ย เป็นบ้าไปเเล้วหรือไง! "
"พี่กลัวเราคอย เพราะพี่บอกเองว่าจะกลับมา.."
"เเล้วถ้าตายขึ้นมา ผมจะรู้สึกผิดนะ! "
"ชอบพี่เเล้วหรอครับ ถึงห่วงขนาดนี้.."
ผมหรี่สายตามองคนตรงหน้าอย่างพิจารณาอีกรอบ หน้าเขาดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่หรอกนะ เเต่ผมจะช่วยเขาในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกันก็เเล้วกัน
"ไร้สาระ! มาฮะเดี๋ยวช่วย.. ไหวใช่ไหม"ผมถามเเละคนตรงหน้าก็พยักหน้าตอบกลับผมมา
ฟุ่บ
ผมตั้งท่าจะลุกพร้อมกับพยุงคนตัวโตกว่าไปด้วย เเต่จู่ๆ เเข้งขาของเขามันดูเหมือนจะไร้เรี่ยวเเรงเเละกดเเรงโน้มถ่วงมาทางผมเเทน พอเงยหน้ามองถึงได้รู้ว่าพี่เคนเขาหมดสติไปเเล้ว ตัวเย็นเฉียบเลยเนี่ย เเล้วผมไม่ได้เรียนหมอไม่รู้วิธีปฐมพยายามว้อย! พี่เเกไม่ได้ตายใช่มั๊ยวะเนี่ย!
ทำยังไงดี
"พี่เคน ได้ยินเปาไหม! .. เห้ยตัวหนักอย่างกับกระสอบข้าวจะมาเป็นภาระคนอื่นไม่ได้นะโว้ย! "
"....."
"กุญเเจร้านอยู่ไหน โว้ย! ตื่นมาบอกก่อนเดี๋ยวก็ตายทั้งคู่หรอก"
"เเค่กๆ .. พี่ขอโทษนะที่มา .."
เหมือนว่าเขาพยายามจะสื่อสารกับผมเเต่ลมหายใจที่ผ่อนปรนออกมาเหมือนจะหมดเเรงก็เงียบไป มีเพียงเเค่เสียงฝนที่สาดลงมาเเละร่างของเราสองคนที่ยืนตากฝนเปียกปอนอยู่เเบบนี้ ผมควานหาโทรศัพท์ของเขาที่มันดังต่อเนื่องก่อนจะค่อยๆ เเบกทั้งสังขารตัวเองเเละเขาเข้ามาหลบฝนหน้าร้านก่อน
'ไอ้หมอก'
"ฮัลโหล.."พอรู้ว่าเป็นชื่อของเพื่อนเขาผมก้รีบกดรับทันทีอย่างไม่รีรอ ช่วยมาเเบกร่างเพื่อนตัวเองกลับไปซะทีเถอะ
(ซี๊ด.. อ๊ะๆ หมอกคะ..เเรงๆ หน่อยสิ เสียว อื้อ..)
"พี่หมอกหรือเปล่า! "
(เอาโทรศัพท์มาให้พี่ก่อนสิครับ ..อื้มม)
"ฮัลโหลโว้ย โทรมาเเล้วไม่พูดเป็นใบ้หรือไงวะ เป็นบ้าอะไรร้องซี๊ด กินเผ็ดมาเลอะ! ปัญญาอ่อน! "จะโทรมาป่วนอะไรกันตอนนี้วะเนี่ย
(เดี๋ยวๆ ๆ ไอ้เคนนั่นมึงปะวะ ..มาห้องกูดิมีสาวๆ เพียบเลย น้องฟ้าที่มึงจองมาด้วยนะเว้ย มาป่าวสัส)
"ทำไมมีอะไรฟ้าไหนครับ พูดมาเร็วๆ หรือจะปล่อยให้เพื่อนตัวเองนอนซีดตายหะ! ถามก็ตอบสิฟร่ะ! "
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไรทำไมผมต้องตวาดเเว้ดไปเเบบนั้น
เเต่พอได้ยินเขาพูดว่าที่ห้องมีสาวเเละจะชวนพี่เคนเองไปฟีทเจอริ่งเองด้วยผมยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ เพราะถ้าพี่เเกไปขึ้นมาเเล้วไอ้พลูมันล่ะ สวมเขาให้เพื่อนผมงั้นหรอ ตลกตาย!
โว้ย! โมโหว้อย!
(น้องเปา! ไปอยู่กับเพื่อนพี่ได้ไงเนี่ย ..เบาก่อนที่รักขอคุยธุระก่อน)
ผมยกโทรศัพท์ออกห่างหูเพราะมันมีเสียงที่น่ารำราญรบกวนใจ ผมมองโทรศัพท์มือถือสลับกับหน้าของพี่เคนบนตักที่มันซีดลงเรื่อยๆ
ปล่อยให้ตายดีมั๊ยวะเนี่ย ฉลาดเเท้หนอวิ่งมาหาผม หงุดหงิดเป็นบ้าเลย!
"มาที่ร้านของพี่เคนด่วน ถ้ายังไม่อยากให้เพื่อนตัวเองเป็นศพ! "
(เห้ยไอ้เคนเป็นอะไร!)
"รีบมาเหอะน่าพี่จะสงสัยอะไรนักหนา รีบมา! เพราะบางทีผมอาจจะเป็นคนฆ่าเขาเอง! "