“ไม่มีเพื่อนหรอถึงได้มากินข้าวคนเดียวแบบนี้”
“เวย์..” อีกฝ่ายยิ้มอ่อนส่งมาให้ผมเหมือนกับครั้งแรกที่เราเจอกัน
“ตามจริงแล้วดรีมควรเรียกเรา ว่าพี่เวย์แบบที่เรียกโชว์นะ” เวย์วางจานข้าวลงตรงข้ามกับผม พร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม
“ผมว่าทั้งพี่แล้วก็น้องพี่จะเข้ามาวุ่นวายกับผมมากเกินไปแล้วมั้ง” ผมหยุดกินข้าว วางช้อนลง เปลี่ยนมานั่งจ้องหน้าพี่เวย์ ที่เดาไม่ถูกว่าจะเข้ามาหาผมไม้ไหนกันแน่ ไว้ใจไม่ได้ทั้งพี่ทั้งน้อง
“พี่ยังไม่ได้เข้ามาวุ่นวายกับดรีมเลยนะ” พี่เวย์เปลี่ยนจากนั่งจ้องหน้ากับผม ไปให้ความสนใจกับข้าวในจาน แล้วลงมือกินโดยไม่ค่อยสนใจกับคำพูดผมมากนัก
“ที่มานั่งเสนอหน้าแบบนี้เรียกว่าไม่วุ่นวายงั้นดิ?”
“ก็เห็นโชว์ไม่ว่าง ก็เลยมานั่งเป็นเพื่อนไง”
“พี่ต้องการอะไรจากผม พูดมาตรงๆดีกว่าจะมานั่งเสียเวลา”
ถึงพี่เวย์จะเข้าหาผมไม่ต่างจากเดย์น้องชายของเขาเท่าไร แต่เชื่อเถอะว่าผู้ชายแบบพี่เวย์ไม่มีทางสนใจผมในเรื่องชู้สาวแน่นอน สายตาที่เขามองมาที่ผมมันบอกแบบนั้น เขามีอะไรที่ต้องการมากกว่าการมานั่งคุยกับผมให้เสียเวลาไปเปล่าๆ และค่าเสียเวลาที่เขาต้องการจากผมมันก็ต้องคุ้มค่ากับสิ่งที่เขาเดินมาหาผมถึงคณะแน่ๆ
“ทำไมมองพี่แง่ร้ายแบบนั้นละ?”
“ผมนับหนึ่งถึงสาม ถ้าพี่ไม่พูดสิ่งที่ตั้งใจมาพูด ผมคงต้องขอตัวก่อน” ผมเริ่มชูนิ้วชี้ขึ้นเป็นการนับหนึ่ง กำลังจะยกนิ้วกลางนับสอง พี่เวย์ก็ยอมจำนน สองมือยกชูขึ้นเหนือหัวเป็นการยอมแพ้
“พี่แค่อยากแวะมาถาม ว่าโชว์เป็นยังไงบ้าง” พี่เวย์เสสายตามองไปทางอื่นเมื่อพูดสิ่งที่เขาอยากรู้จบ การกระทำเขาไม่ต่างจากคนที่กำลังปกปิดความลับบางอย่างเอาไว้
“พี่มีเรื่องอะไรกับพี่โชว์ถึงไม่กล้าถามกับตัวพี่โชว์เอง วันก่อนที่ร้านเหล้าก็เจอกันไม่ใช่หรอ?”
“เรื่องมันยาว” พี่เวย์ตอบอย่างปัดๆให้มันผ่านไป แต่คนแบบผมไม่ชอบอะไรที่มันค้างคาด้วยดิ โดยเฉพาะกับอะไรที่มันมีลับลมคมในแบบนี้
จะเรียกว่าชอบเสือกก็ไม่ว่า…
“ไม่เป็นไรผมเป็นคนมีเวลาเยอะ” คำตอบของผมทำให้คนที่กำลังก้มกินข้าวต้องเงยหน้าขึ้นมามอง มันอาจจะกวนไปหน่อยกับคำตอบ แต่ผมพูดจริง
“เราอ่ะยังเด็ก อย่ารู้เลยดีกว่าดรีม”
“ผมไม่เด็-”
“มาทันเวลาเจอน้องดรีมทานข้าวพอดี” เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นก่อนที่ผมจะพูดจบประโยค แล้วมันก็ดันเป็นเสียงที่ทำให้ผมอยากจะไปให้พ้นจากตรงนี้
เดย์เดินมาหยุดอยู่ตรงที่ผมนั่ง แขนใหญ่พาดผ่านไหล่ผมพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ โดยที่เจ้าของโต๊ะอย่างผมไม่ได้เชิญ ผมขยับตัวจะลุกหนีทว่าก็ช้าไปกว่าคนที่ตัวโตกว่า เดย์ใช้แรงที่เขามีรั้งแขนผมไว้ จนผมอดไม่ได้ที่จะเซไปตามแรงนั่น หัวผมเอนไปชนกับอกของเดย์ได้แค่ไม่กี่วิ แขนผมก็ถูกกระชากให้ไปอีกฝั่ง
“โอ๊ย!”
“อย่ามาโดนตัวน้องกู” พี่โชว์ดึงผมให้ไปยืนอยู่ด้านหลังเขา โดยมีตัวโตๆของเขาบังผมไว้จนมองไม่เห็นหน้าเดย์
“แตะนิดๆหน่อยๆทำเป็นหวง ที่พี่ทำกับพี่ผมมากกว่านี้ผมยังไม่ว่าเลย-“
“เดย์หยุด” ก่อนที่เดย์จะพูดอะไรออกมามากกว่านี้ เวย์ก็ห้ามไว้ซะก่อน ส่วนผมก็ได้แต่ยืนหลบอยู่ข้างหลัง ฟังพวกเขาคุยกัน
“เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ โตแล้วก็หัดใช้สมองไม่ใช่ใช้อย่างอื่น” เรื่องที่พี่โชว์ทำกับพี่เวย์ไว้คงจะจี้ใจดำพอดู เพราะถึงกับต้องข่มอารมณ์กัดฟันพูดกับเดย์จนผมยังฟังออกว่าน้ำเสียงนั่นมันโกรธมากขนาดไหน
“โอเคๆ ไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว งั้น…พูดถึงเรื่องของน้องดรีมดีมะ?”
“กูส่งไอ้แทนไปเตือนมึงแล้วนะเดย์ อย่าให้ต้องถึงมือกู กูไม่ได้ใจดีตลอดแบบที่มึงคิดนะเดย์” พี่โชว์ยกนิ้วชี้หน้าเดย์ พอเห็นว่าเดย์ไม่ตอบโต้อะไรกลับมาเขาก็จับแขนผมเดินออกมาจากตรงนั้น
“ถ้าผมหยุดแบบที่เพื่อนพี่เตือน ผมก็คงไม่รู้หรอกว่าแก้มน้องดรีมอ่ะหอมแล้วก็นุ่มขนาดไหน” เสียงเดย์ดังตามหลังเราสองคนมา มันดังพอจะทำให้พี่โชว์ปล่อยมือผมแล้ววิ่งเข้าใส่เดย์โดยไม่สนว่าเรากำลังมีเรื่องกันในโรงอาหาร ท่ามกลางผู้คนอีกหลายสิบชีวิต
“ไอ้เดย์!”
“อย่าพี่โชว์ นี้มันโรงอาหาร” ผมรีบวิ่งตามเข้าไปรั้งตัวพี่โชว์เอาไว้ ก่อนที่หมัดใหญ่ๆของพี่โชว์จะต่อยไปที่หน้าของเดย์
แทนที่เดย์จะกลัวกับอารมณ์โกรธโมโหร้ายของพี่โชว์ เขากลับทำทุกอย่างตรงกันข้าม ใบหน้าที่ดูดีของเดย์ยืนแสยะยิ้มเรียกความหัวร้อนของพี่โชว์ให้เพิ่มเป็นทวีคูณ
“…”
“เชื่อน้องเถอะโชว์”พี่เวย์พูดเสริมหลังจากที่ยืนดูสถานการณ์ตรงหน้ามาตั้งแต่เริ่ม
“เออ!” และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่พี่โชว์ยอมทำตามที่พี่เวย์ขอ
พี่โชว์คลายฝ่ามือที่กำหมัดออก เส้นผมสีเข้มถูกเสยไปด้านหลังด้วยความหงุดหงิด สายตาคู่คมเสมองไปทางอื่นแทนที่จะมองคนที่ยืนกวนอารมณ์ด้านหน้า
ในเมื่อพี่โชว์ทำกับคนไม่ได้ เขาเลยยกเท้าถีบเก้าอี้ที่วางอยู่ใกล้ๆเดย์แทน ก่อนจะจับคอเสื้อลากผมออกมา
ขาพี่โชว์มันยาวเลยก้าวเท้าได้ไกลกว่าผม ส่วนผมก็ต้องรีบซอยเท้าเดินตามให้ทัน ไม่งั้นก็หัวทิ่มเพราะโดนลากคอเสื้อนำหน้า
“พี่โชว์ปล่อยคอเสื้อผมก่อนไม่ได้รึไง มันรั้งคอเดินไม่ถนัดนะพี่” พี่โชว์ไม่พูดอะไร แค่ปล่อยมือจากคอเสื้อแล้วเปลี่ยนมาจับต้นแขนผมเดินต่อไปแบบไม่พูดไม่จา และไม่มองหน้าผมด้วย! เขาเอาแต่ลากผมอย่างเดียว ผมไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาอารมณ์เสียสักหน่อย!
การเดินของเราหยุดลงตอนที่เขาพาผมเดินมาไกลถึงแปลงเพาะกล้าปี2
“อธิบายมาว่าที่มันพูดหมายถึงอะไร”
“เรื่องอะไร ใครพูดอะไร?”
“ก็ที่ไอ้เดย์มันพูดไง แก้มนุ่มแก้มหอม เราไปยอมให้มันหอมตอนไหนดรีม บอกพี่มา”
“มันมะ-“ พี่โชว์ไม่เว้นจังหวะให้ผมได้อธิบายบ้างเลย พอจบประโยคนั้น พี่โชว์ก็เริ่มประโยคใหม่
“ทำมาเป็นให้พี่เป็นไม้กันหมา สุดท้ายเราก็ยอมให้มันถูกเนื้อต้องตัว ยังเป็นเด็กเป็นเล็กทำไมถึงทำตัวแบบนี้ ทำให้ถึงทำร้ายจิตใจพี่แบบนี้ ไม่น่ารักเลยรู้ตัวรึเปล่า” พี่โชว์ถอนหายใจหลังจากที่เขาพูดจบ ดวงตาสีเข้มที่มักจะมองมาที่ผมเสมอตอนนี้กำลังหลบมองไปทางอื่น
“คิดอะไรอยู่ถึงได้พูดออกมาแบบนี้ พี่ละเมออยู่หรอพี่โชว์ ไม่ฟังผมอธิบายไม่ว่านะ แต่อย่ามาใส่ความว่าผมยินยอมเขา”
“ไม่ยอมแล้วมันจะหอมได้ไง หรือว่ามันบังคับขืนใจดรีม” พี่โชว์ตอบมาโดยที่เขายังมองไปทางอื่นเหมือนเดิม
“ไม่คิดบ้างล่ะ ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”” ผมจะพูดออกไปก็ได้นะว่าเดย์ทำอะไรกับผมบ้างก่อนที่พี่โชว์จะเข้ามา แต่ถ้าผมบอกไปผู้ชายตรงหน้าต้องวิ่งกลับไปกระทืบเดย์จนกลายเป็นเรื่องแน่ๆ
“ดรีมนะดรีม พี่ควรทำไงกับเราดี?” ผมได้ยินเสียงพี่โชว์ถอนหายใจตามมาอีกหลายที “ไหน มันบอกว่าไรนะ แก้มนุ่มหรอ? นุ่มจริงหรือเปล่าขอทดสอบหน่อยดิ๊” การทดสอบที่ว่าคือการที่มือทั้งสองข้างของพี่โชว์ประกบเข้ากับแก้มผมทั้งสองจนมันลีบแบนซะปากผมจู๋จนน่าเกลียด
“อี่โอ! อ่าเอียด!” (พี่โชว์! น่าเกลียด!)
“อะไรนะ พูดจาภาษาต่างดาวพี่ฟังไม่รู้เรื่องหรอก” พี่โชว์ยิ้มขำกับใบหน้าที่บี๋แบนของผม ฝ่ามือทั้งสองข้างก็ยังคงขยับถูไถแก้มเนียนของผมไม่ปล่อย “จะว่าไปแก้มก็นิ่มจริงๆหนิน่า แต่ไม่รู้จะหอมรึเปล่า?” ผมตัดสินใจหลับตาทั้งสองข้างลง เมื่อถูกจับจ้องที่ใบหน้าจากดวงตาคู่สวยของพี่โชว์
“แหน่ะ อะไรของเรา หลับตาหนีพี่อีกแล้ว”
“อ่อยอื้อ!”(ปล่อยมือ)
“ขอเล่นแค่นี้ทำเป็นหวงนะ” ผมรีบขยับอ้าปากบริหารกรามให้หายจากความเมื่อย เมื่อถูกปล่อยให้พ้นมือหนา
“แก้มพี่ก็มีพี่ไม่เล่นเข้าไปละ?”
“แก้มพี่มันสาก จะไปสู้แก้มนุ่มนิ่มๆของดรีมได้ไง?” คนตัวสูงพูดพร้อมกับเอียงแก้มที่เรียบเนียนเข้ามาให้ผมดู
“งั้น..” จู่ๆในหัวผมมันก็ดันเกิดคิดอะไรบ้าๆขึ้นมา “ผมให้พี่เล่นก็ได้ แต่มีข้อแลกเปลี่ยน” ผมมองพี่โชว์ด้วยสายตาที่เป็นประกาย
“อะไรครับ?”
“ระหว่างพี่กับพี่เวย์เกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่ถึงได้โมโหขนาดนั้น?”
“อยากรู้จนถึงขั้นเอาแก้มเข้าแลกเลยหรอเนี่ย” พี่โชว์ทำท่าคิดหนักกับข้อเสนอที่ผมมอบให้ “พี่รู้แล้วว่าแก้มดรีมนิ่ม แต่ไม่รู้ว่าหอมรึเปล่า ถ้างั้น…” รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ของพี่โชว์ถูกแสดงออกมาจากริมฝีปากหยัก มันทำให้ผมเริ่มรู้สึกแล้วว่าไอ้สิ่งที่ผมเสนอไปมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรให้กับตัวผมเองเลย ออกจะเสียมากกว่าได้ด้วยซ้ำ
“อะ..อะไร”
“เปลี่ยนจากเล่นแก้ม เป็นหอมแก้มพิสูจน์ความหอมได้ปะ?” ผมส่ายหน้าปฏิเสธพี่โชว์ไปทันที ของแบบนี้จะมาขอกันง่ายๆได้ไง!
“ตกลงแล้วนะ หอมก่อนค่อยตอบ” พี่โชว์มันใช้ตรรกะอะไรคิดว่ะ ว่าส่ายหน้าของผมแปลว่าตกลง
ฟอดด!
!!!!
เปลือกตาทั้งสองข้างของผมปิดลงสนิทก่อนที่ปลายจมูกโด่งชันจะกดลงมาร่างกายผมหยุดนิ่งไปชั่วขณะเมื่อปลายจมูกโด่งกดลงมาที่ข้างแก้ม เสียงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ยังดังกึกก้องไปทั่วรูหู เสียงหัวใจเต้นสูบฉีดเลือดดังตึกตักไปทั่วทั้งแผ่นอก มันทำงานหนักเกินความจำเป็นซะจนผมกลัวว่ามันจะทะลุออกมานอกอก
มันอาจจะเด้งออกมาเต้นตึกตักอยู่บนพื้นจริงๆก็ได้ ถ้าหากผมโดนผู้ชายตรงหน้าหอมเข้าที่แก้มจริงๆ ไม่ใช่บนหลังมือของคนตัวโตที่เอามันมารองเอาไว้บนแก้มของผม
“ไว้ยอมเมื่อไรค่อยมาเอาคำตอบนะครับ” พี่โชว์กระซิบทิ้งท้ายไว้ ก่อนที่จะละมือไปจากแก้มแล้วเดินหนีผมไป ปล่อยให้ผมยืนเอ๋อกับการล่วงเกินเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วของพี่โชว์อยู่คนเดียว มีใครจะการันตีไหมว่าร่างกายผมจะปลอดภัยตลอดเวลาที่อยู่กับพี่โชว์
“พี่แทน พี่โชว์เขาไปไหน?” หลังเลิกเรียนผมก็ตามมาอยู่กับกลุ่มพี่โชว์เช่นทุกที แต่วันนี้รีบร้อนหน่อย เพราะพ่อสุดที่รักดันโทรมาหาผมแล้วก็เร่งให้เอาโทรศัพท์มาให้พี่โชว์คุยกับท่าน ไม่รู้ทำไมไม่โทรหาเครื่องพี่โชว์ให้มันแล้วๆไป ต้องลำบากผมทุกที
“ใจเย็นๆดรีม นั่งพักก่อนก็ได้นะ ไอ้โชว์มันไปห้องน้ำ” ด้วยสภาพที่เหงื่อท่วมหน้าท่วมตัว พี่แทนเลยสงสาร จัดแจงขยับพื้นที่ให้ผมได้นั่งรอ แต่เรื่องของพ่อผมรอไม่ได้ไง เดี๋ยวท่านเกิดโมโหที่ผมปล่อยให้รอนานหักค่าขนมผมขึ้นมาทำไง
“ไม่เป็นไรพี่ ห้องน้ำทางนู้นใช่ปะ?” พอเห็นพี่แทนพยักหน้าว่าใช่ ผมก็รีบวิ่งทันที
“พี่โชว์! พี่โชว์!! พี่โชว์อยู่ไหมเนี่ย” ผมตะโกนเรียกหาพี่โชว์ตั้งแต่ยังไม่ถึงประตูทางเข้าห้องน้ำด้วยซ้ำ เขาจะได้รู้ว่าผมรีบร้อนมากขนาดไหน
“พี่โชว์”
“อยู่นี่ครับๆ ตะโกนซะส้วมจะแตกแล้ว” เสียงทุ้มดังตอบโต้กลับมาพร้อมกับใบหน้าหล่อที่ส่งยิ้มมาให้
“เฮ้ย! ไอ้พี่โชว์ พี่รูดซิปกางเกงให้มันดีก่อนออกมาไม่ได้รึไง” ผมเกือบจะยกมือปิดตาไม่ทัน ก็พี่โชว์ดันเล่นเดินสวนออกมาโดยที่ยังไม่ได้รูดซิปกางเกง หรือใส่เข็มขัดให้เข้าที่เลยด้วยซ้ำ
“ก็ดรีมเรียกพี่ซะลั่นไปทั่ว พี่ก็รีบสิครับ ของมันใหญ่เก็บยากก็ต้องเดินไปเก็บไปยังงี้แหล่ะ” พี่โชว์พูดไปด้วยจัดการกับกางเกงไปด้วย ถึงตาจะไม่ได้มองแต่เสียงเข็มขัดกระทบกันก็ดังขึ้นเป็นระยะ จบท้ายด้วยเสียงรูดซิปกางเกง
“เก็บของอะไรของพี่?”
“นี่ไง ของในกางเกงมันใหญ่พี่เลยเก็บยาก” พี่โชว์แอ่นเป้ากางเกงมาให้ผมดู ด้วยท่าทีและรอยยิ้มที่ภูมิใจกับของที่พ่อให้มา
“ถ้ามันเก็บยากก็ตัดทิ้งไปเหอะ เอ้า! เอาไปพ่อรอคุยด้วยอยู่” ผมส่งโทรศัพท์ให้พี่โชว์
“พ่อใครอะ?”
“พ่อพี่มั้ง ท่านคิดถึงพี่เลยโทรมาเบอร์ผม” ผมตอบกลับไปแบบประชดประชัน
“จะพ่อใครก็เหมือนๆกันแหล่ะ ยังไงก็พ่อ”
“เหมือนกันยังไงพี่โชว์?”
“ชู่ววว ผู้ใหญ่จะคุยโทรศัพท์ครับ” พี่โชว์ยกมือขึ้นจุ๊ๆปากให้ผมเงียบ แล้วหันไปสนใจคุยกับพ่อผมในโทรศัพท์
พี่โชว์ยืนคุยกับพ่อผมนานพอสมควร นานจนผมจากที่ยืนๆต้องขยับมานั่งรอที่เคาน์เตอร์ล้างหน้าในห้องน้ำ เพราะเมื่อยขาเกินไป
“ไป พี่คุยเสร็จแล้ว” พี่โชว์เดินกลับเข้ามาคืนโทรศัพท์ให้ผม
“พ่อโทรมาว่าไงบ้างพี่โชว์”
“ก็ไม่มีอะไรแค่ถามเรื่องดรีมนั้นแหล่ะ แล้วก็บอกว่าจะส่งเหล้าตัวใหม่มาให้ชิม”
“จริงดิ ทำไมพ่อไม่เห็นบอกผมบ้าง ส่งมาเมื่อไรอะพี่โชว์ผมอยากชิมบ้าง”
“โอ๊ย!” ผมพูดยังไม่ทันจะจบ ปลายนิ้วชี้ก็ถูกดีดมาจรดที่หน้าผากนูนของผม มันน่าจะขึ้นรอยสีแดงในอีกไม่นาน
“เป็นเด็กเป็นเล็ก ถ้าพ่ออนุญาตให้ดรีมชิมได้คงบอกดรีมไปแล้ว จะโทรมาคุยส่วนตัวกับพี่ทำไมครับ เพราะงั้นห้ามครับ”
“แต่..”
“ไม่มีแต่นะครับ” ผมต้องยอมเงียบปากลงเพราะเถียงอะไรหรือต่อรองอะไรไม่ได้ นอกซะจากการเอาตัวเข้าแลกแบบตอนนั้น ที่ทำให้ใจผมเต้นโครมครามแทบบ้า
“พวกมึง ศุกร์หน้าเจอกันพ่อดรีมจะส่งเหล้าใหม่มาให้ลอง” พอถึงโต๊ะพี่โชว์ก็จัดการนัดแนะวันเวลา ทุกคนให้ความสนใจและร่วมมือกับพี่โชว์เป็นอย่างดีกับการทดลองชิมผลผลิตใหม่ของธุรกิจบ้านผม
“โชว์มึงไปทำอะไรน้องดรีมรึเปล่าวะ น้องถึงได้ยืนคลำหัวไม่หยุด” เมื่อมีคนทักขึ้นมาทุกคนก็หันมามองผมเป็นตาเดียวกัน โดยเฉพาะพี่โชว์ที่ลุกเดินมาถึงตัวผมแล้ว
“พี่ดีดเจ็บขนาดนั้นเลยหรอ?” พี่โชว์พยายามจะดูรอยที่เขาดีด แต่ผมก็เอามือมาปิดไว้ไม่ให้เขาดู ขนาดไม่เห็นผมก็รู้แล้วว่ามันน่าจะแดงมาก เพราะยังเจ็บไม่หายเลย
“แหน่ะ พี่เนียนแต๊ะอั๋งผมอีกแล้วนะ” ผมพูดแซวพี่โชว์พี่กำลังจับมือผมแงะออกจากหน้าผาก
“เมื่อกลางวันก็แตะมากกว่านี้อีก” พี่โชว์พูดถึงเรื่องที่เขา ‘หอม’ มือตัวเองที่วางไว้บนแก้มผมเมื่อตอนกลางวัน พอนึกถึงความรู้สึกที่ปลายจมูกแตะลงมาใกล้ชิดกับผิวแก้ม หูผมมันก็เริ่มรู้สึกร้อนๆ
“ผะ..ผม.”
“แดงเยอะเลย เจ็บไหมเนี่ย?” ผมไม่รู้ว่าตัวเองอ่อนแรงปล่อยมือลงจากหน้าผากไปตอนไหน ตั้งตัวได้อีกทีก็ตอนที่ปลายนิ้วเรียวแตะลงที่บริเวณเหนือคิ้วที่เขาเป็นคนดีดนิ้วลงมานั่นแหล่ะ
“มะ..ไม่ค่อยเจ็บแล้ว..” ผมตอบกลับไปเสียงอ่อย
“ยังไงพี่ก็ขอโทษนะที่ดีดแรงมากไป มาเดี๋ยวพี่เป่าให้”
“เป่าอะไรเนี่ย!?” ผมที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวให้ดีถูกดึงต้นคอซะเสียหลักทรงตัว หัวทิ่มไปที่อกแกร่งของคนตรงหน้า และถูกกดรั้งเอาไว้ด้วยแรงจากข้อมือใหญ่เพียงข้างเดียวไม่ให้ผมหนีเขาไปไหน การกระทำของพี่โชว์กับผมเรียกเสียงโห่แซวจากเพื่อนในกลุ่มเขาได้ไม่น้อย
“เป่าหน้าผากให้ไง”
“แค่ลมปากเป่าแล้วจะหายรึไงล่ะพี่โชว์”
“ลมปากพี่มันพิเศษ เหมือนกับตัวพี่นี่แหล่ะที่เด็ดรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น” เออเด็ดผมเชื่อ!