“ถ้าเกลียดซีนนัก ก็ว่าต่อหน้าได้เลยนะ” ศิตาเดินตามฌาร์มมาในห้องเก็บของ ซึ่งเจ้าของร้านกำลังตรวจดูของเพื่อเตรียมสั่งสินค้าเพิ่ม
“แฟนพ่อ ความสุขของพ่อ ฌาร์มควรจะขอบคุณมากกว่า อีกอย่างคนที่ฌาร์มรัก คือ ซีนของฌาร์ม ไม่ใช่คุณซีนของพ่อค่ะ คนละคนกันนะ” ฌาร์มถอนใจ เมื่อหันมาพูดแล้วก็หันหลังกลับไปทำงานต่อ
“เนื้อหอมขนาดนี้ เดี๋ยวก็ลืม ซีน” ศิตาพูดขึ้นทำให้ฌาร์มหันกลับมาอีกครั้ง พร้อมด้วยรอยยิ้มแปลกๆ
“ที่พูดอยากได้อะไร ตัวก็ได้ไปแล้ว ใจก็ได้ไปแล้ว ฌาร์มไม่มีอะไรจะให้อีก อ้อความไว้เนื้อเชื่อใจ ขอคืนด้วยนะคะ ให้ไปก็เท่า
นั้น” ฌาร์มพูดต่อว่าทั้งๆ ที่พยายามเตือนตัวเองว่าไม่ให้พูดจาไม่ดีกับศิตา แต่ความรู้สึกที่เก็บกักเอาไว้ทำให้พูดออกไปโดยไม่ยั้งคิด ศิตาเริ่มมีน้ำตาไหลรินออกมา
“ถ้าอธิบาย จะฟังไหม” ศิตาบอกและค่อยๆ เช็ดน้ำตาที่กำลังไหลรินออกมา เพราะแววตาหม่นหมองของฌาร์มทำให้รู้สึกเจ็บ
ปวดไปด้วย
“ถ้าบอกก่อนหน้านี้ ฌาร์มคงฟัง แต่ตอนนี้มันสายไปแล้วล่ะค่ะ”
“ซีนไม่รู้ว่าฌาร์มเป็นลูกสาวของคุณชัช แล้วทั้งหมดที่บอกไปไม่ได้หลอกลวงอะไรด้วย แต่บอกตอนนี้ก็เหมือนแก้ตัว เพราะฌาร์มบอกเองว่ามันสายไป ซีนของฌาร์มยังอยู่ที่บ้านเหมือนเดิมนั่นแหละและ
จะเป็นซีนของ ฌาร์มตลอดไป ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่อดีตก็ตาม”
“ถ้ารู้ว่าเป็นลูกคุณชัช คุณจะบอกก่อนหรือหลอกลวงมากกว่าเดิมล่ะ ผู้ชายที่มีธุรกิจใหญ่โต มีหน้ามีตาเมื่อเทียบกับผู้หญิงที่มีเพียงร้านกาแฟ คุณจะบอกว่า คุณเลือกที่จะรักแค่เพียงไอ้คนที่มีแค่ร้านกาแฟ หลอกเด็กๆ ก็ไม่เชื่อหรอกค่ะ” ฌาร์มพูดต่อว่าเสียยืดยาว อยากให้คนที่ยืนอยู่โกรธและเดินออกจากห้องนี้ไปเสียที เหนื่อยที่จะต้องมาเก็บงำความเจ็บปวดเอาไว้และตอกกลับออกไปด้วยการเหน็บแหนมอยู่อย่างนี้ ฌาร์มถอนใจแต่เมื่อ ศิตาขยับเข้ามาและทาบทับริมฝีปากที่สั่นระริกค่อยเคลื่อนไหวเล็กน้อยได้ทำให้ฌาร์มนิ่งงันไปครู่หนึ่งก่อนจะผลักศิตาถอยห่างออกไป
“ใช้ไม่ได้ผลกับฌาร์มแล้วล่ะคะ ไปล่อลวงคนอื่นดีกว่า ความสวยกับเปลือกนอกของคุณคงไปลวงคนอื่นได้อีกเยอะ ฌาร์มเห็น
ธาตุแท้ของคุณแล้วอย่าเสียเวลาเลย” คำดูถูกที่ได้ยินทำให้ศิตานิ่งงันไป ซึ่งจริงอย่างที่ถูกต่อว่า แต่ความรู้สึกที่แท้จริงไม่ได้หลอก
ลวงทั้งตัวเองและฌาร์ม
“ออกไปได้แล้วค่ะ อย่าให้ต้องไล่ออกไปไกลกว่านี้เลย” ฌาร์มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเย็นชา จนทำให้ศิตาไม่สามารถยืนอยู่ตรงนั้นได้อีก
ชัชวาลยิ้มจางๆ เมื่อเห็นศิตามีคราบน้ำตา หลังจากไปพูดคุยกับลูกสาวของตัวเอง ไม่ได้ถามไถ่อะไรเพียงแค่เอามือทาบทับไป
ที่มือของศิตาซึ่งวางอยู่ที่ตักเป็นการปลอบโยน ก่อนจะชำเลืองมองไปทางลูกสาวที่เพิ่งเดินออกมา โดยไม่มีความผิดปกติแต่อย่างไร
มีเพียงใบหน้าเรียบนิ่งไม่ได้มองมาทางคนที่ตาแดงๆ นั่งก้มหน้าเล็กน้อยเลยสักนิดเดียว ก้าวหน้ามองดูน้าสาวที ฌาร์มที แต่เมื่อเสียง
ของพันธุดาดังขึ้นทำให้เบนความสนใจมาที่หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ
“พี่ฌาร์มไปเที่ยวฝรั่งเศสกัน พี่ก้าวจะไปดูงาน” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ ศิตารู้ว่า ก้าวหน้ามาอยู่ที่นี่ด้วย
“สวัสดีค่ะ น้าซีน” ก้าวหน้าพูดทักทายเพียงศิตา เพราะก่อนหน้าได้เดินมาทักทายบิดาของฌาร์มแล้ว
“เสร็จจากนี่จะกลับบ้านเลยไหม ไปส่งน้าหน่อยสิ” ศิตาบอก
“ทำไมล่ะครับ เดี๋ยวผมไปส่งให้ก็ได้” ชัชวาลพูดขึ้น
“บ้านก้าวกับน้าซีนทางเดียวกันให้หนูไปส่งดีกว่าค่ะ ดูท่าน้าซีนคง อยากกลับแล้ว” ก้าวหน้าไม่เคยเห็นความอ่อนแอของน้า
สาวมาก่อน
“ก็ดีนะ เรื่องฌาร์มเดี๋ยวผมจะจัดการให้” ชัชวาลบอกแล้วถอนใจ
“ฌาร์มไม่ได้ทำอะไร อย่าไปว่าอะไรเลยค่ะ” ศิตารีบบอก
“ถ้าอย่างนั้น เราออกไปพร้อมกันดีกว่าไหมคะ สงสารฌาร์มด้วย” ก้าวหน้าพูดตามความคิดของตัวเอง
“ก็ดีเหมือนกันนะ” ก้าวหน้าเดินไปบอกกับฌาร์มและพันธุดาก่อนจะรีบเดินตามศิตากับชัชวาลออกไป
ก้าวหน้ามีคำถามมากมาย แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน ศิตาไม่เคยดูอ่อนแอแบบนี้มาก่อน ก้าวหน้ามักไปบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ของศิตาให้กับมารดาฟังเสมอ ซึ่งท่านยังบอกให้ยึดความขยันขันแข็งและเฉลี่ยวฉลาดเป็นแบบอย่าง แล้วอะไรกันล่ะถึงทำให้ผู้หญิงเก่งคนนี้อ่อนแอ
“ดื่มกันตามประสาน้าหลานหน่อยไหมคะ คลายเครียด” ก้าวหน้าพูดยิ้มๆ ชำเลืองมองคนที่หันมามองอย่างเชื่องช้า
“แวะเลย” ศิตาพูดขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ขึ้นรถมา ก้าวหน้าจึงเลี้ยวรถเข้าไปยังสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นทางเดียวกับบ้าน
ของน้าสาว
ก้าวหน้าไม่ได้พูดอะไร สองน้าหลานจึงนั่งกันอยู่เงียบๆ ศิตายิ้มน้อยๆ ให้กับหลานสาวบ้าง แต่เหล้าหนึ่งขวดกำลังจะหมดไป
โดยคนเป็นหลานเพิ่งจะดื่มไปนิดเดียวเท่านั้น
“ฌาร์มเป็นคนดี” ศิตาพูดงึมงำ ไม่ได้ถึงกับแสดงอาการเมามายมากนัก ก้าวหน้าถอนใจเพราะเหล้าขวดที่สองกำลังถูกนำมา
วางให้
“พอแล้วดีกว่าไหมคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หัวจะระเบิดเอานะคะ น้าซีน”
“ถ้าเบื่อก็กลับไปก่อนเลย” ศิตาพูดขึ้น
“งั้นอยากกลับเมื่อไหร่ก็บอก” ก้าวหน้าโทรศัพท์บอกกับมารดาว่าจะค้างกับศิตา เพราะมาดื่มกัน มารดาไม่ได้ว่าอะไรเพราะอยู่
กับน้าสาว
“ฌาร์มเป็นคนดีจริงๆ นะ เพราะฉะนั้นคงเหมาะกับคนที่ดีกว่าซีน” ก้าวหน้าได้ยินชัด ก่อนหน้าแอบคิดอยู่เหมือนกันว่าระหว่างน้า
สาวกับฌาร์มน่าจะมีอะไรบางอย่าง เมื่อได้ยินสิ่งที่ศิตาพูดออกมาทำให้มั่นใจว่า สองสาวน่าจะรู้สึกดีต่อกันเหมือนอย่างที่คิด ตั้งแต่ได้
พบกันที่บ้านของฌาร์มเมื่อวันก่อนและที่สำคัญเรื่องระหว่างชัชวาลกับศิตาก็ไม่เคยมีใครระแคะระคายมาก่อน ก้าวหน้าลองไปเรียบ
เคียงถามจากมารดาก็ไม่รู้เรื่องอะไรเหมือนกัน
“น้าซีนเป็นคนดีค่ะ เป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับก้าวมาตลอดเลยนะ” ก้าวหน้าบอก ศิตายิ้มๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และยกแก้ว
เหล้าขึ้นดื่มเหมือนน้ำเปล่าทำให้คนเป็นหลานถึงกับถอนใจ
“แค่เปลือกเท่านั้นแหละที่ก้าวเห็น” ศิตานึกถึงคำพูดของฌาร์มที่พูดว่าตัวเอง คำพูดของคนอื่นไม่ได้ทำให้คนเรารู้สึกอะไรมาก
นัก เพราะคำว่าคนอื่น แต่กับฌาร์มทำให้เจ็บปวดได้อย่างมากมาย ก้าวหน้าโทรศัพท์หาคนที่ศิตาบ่นพึมพำพูดถึงทันที
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ฌาร์มรีบถาม เพราะดูนาฬิกาล่วงเข้าวันใหม่แล้ว ได้ยินเสียงโทรศัพท์ทำให้ตกใจตื่น
“มีเรื่องให้ช่วย น้าซีนเมาไม่ยอมกลับบ้าน” ก้าวหน้าพูดเบาๆ เพราะเกรงว่าศิตาจะได้ยินเข้า
“เดี๋ยวฌาร์มไปบอกพ่อให้นะ” ฌาร์มบอก เพราะคิดว่าสิ่งที่ตัวเองช่วยได้คือการไปบอกบิดาให้ไปรับ
“เป็นคนทำน้าซีนเสียใจ ฌาร์มนั่นแหละต้องมารับผิดชอบ ก้าวมีคำถามเยอะมากด้วย ไม่คิดจะให้คนอื่นช่วยเหลือกันบ้างหรือไง ไอ้เรื่องความรักซับซ้อนที่เกิดขึ้นน่ะ” ก้าวหน้าพูดต่อว่าเสียงดังไปหน่อย ศิตาหันมามองแต่ไม่ได้ว่าอะไร
“มันจะไม่ซับซ้อน ถ้าจริงใจต่อกัน” ฌาร์มพูดขึ้น
“เอาอะไรมาวัดความจริงใจ ไม่รู้แหละ มาเดี๋ยวนี้เลย ยังไงก็แบกกลับคนเดียวไม่ไหว ถ้าไม่รักก็ไม่ต้องมา” ก้าวหน้าถอนใจไม่รู้
ทำไมถึงพูดคล้ายต่อว่าฌาร์มแทนน้าสาวของตัวเองออกไป ประโยคสุดท้ายทำให้ฌาร์มตัดสินใจมาที่ร้าน ซึ่งคนที่เมามายแทบจะไม่รู้
เลยว่า ฌาร์มมาและช่วยพากลับมาส่งที่บ้าน
ก้าวหน้ามองดูน้าสาวที่นอนหลับอยู่ที่เก้าอี้รับแขก สองสาวที่ช่วยพาเข้ามายืนหอบทั้งคู่ เพราะศิตางอแงไม่ยอมกลับท่าเดียว
ฌาร์มยิ้มจางๆ ไม่คิดว่าศิตาจะเมามายขนาดนี้ นั่นทำให้รู้สึกผิดไม่รู้เป็นเพราะตัวเองพูดจาไม่ดีหรือเปล่าที่ทำให้ดื่มมากขนาดนี้
“ก้าวกลับบ้านนอนก่อนนะ” ก้าวหน้าพูดขึ้น
“อ้าวไหงงั้นล่ะ ฌาร์มแค่ช่วยพามาส่งเท่านั้นนะ” ฌาร์มบอกแต่คน ที่เดินออกไปหันมายิ้มๆ ให้
“ก็ปล่อยให้นอนคนเดียวนั่นแหละ ฌาร์มไม่ห่วงก็ไม่ต้องอยู่ไปล่ะ” ก้าวหน้าถอนใจ แต่เรื่องของคนสองคน คนอื่นอย่างตัวเอง
คงช่วยอะไรได้ไม่มากนักทำเท่าที่ทำได้ ถึงแม้ว่าคนที่ตัวเองชอบอยู่จะไปตกหลุมรักน้าสาวเข้าตัวเธอเองก็ไม่มีสิทธิ์อะไร เพราะฌาร์ม
เพียงแค่ให้โอกาสในการได้พูด คุยแต่หัวใจคงยอมสิโรราบให้กับน้าสาวของเธอไปแล้ว
“เดี๋ยวสิ ไม่ช่วยเช็ดตัวให้ก่อนหรือ” ก้าวหน้าเดินไปที่รถและขับออก ไปทันที โดยไม่สนใจเสียงทัดทานของฌาร์มเลยสักนิด
“ใช่เรื่องไหมล่ะ ต้องมาดูแลคนเมาน่ะ” ฌาร์มบ่นพึมพำ แต่เมื่อมองดูคนที่เริ่มบ่นพึมพำเรียกชื่อของตัวเอง จึงเดินไปหาผ้าชุบ
น้ำมาช่วยเช็ดตัวให้ หลังจากนั้นคงต้องปล่อยให้อยู่คนเดียว
ฌาร์มคุกเข่านั่งลงนำผ้าชุบน้ำเช็ดที่ใบหน้า ไล่เรื่อยมาที่ลำคอและแขนหวังว่าคนที่หลับอยู่จะรู้สึกสบายตัวขึ้น ดวงหน้าของคน
หลับไร้รอยยิ้มไม่เหมือนครั้งก่อนที่ได้คลอเคลียอยู่ด้วยกัน ฌาร์มเอามือทาบทับไปที่แก้มของศิตาอย่างอ่อนโยนและแผ่วเบา แต่ต้อง
ตกใจเมื่อถูกจับมือเอาไว้ ฌาร์มนั่งนิ่งไม่ไหวติงเรียกว่า ถึงกับกลั้นลมหายใจเอาไว้เพราะเกรงว่าศิตาจะตื่นขึ้นมาและตัวเองจะใจอ่อน
เหมือนทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน ศิตานำมือของ ฌาร์มไปทาบทับไว้ที่หน้าอกและนำมือทั้งสองข้างของตัวเองกุมไว้
“ขึ้นมานอนข้างๆ ซีนได้ไหม” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ฌาร์มรีบจ้องมองดูเพราะคิดว่า ศิตาอาจจะรู้สึกตัวจากมืออุ่นๆ ของตัวเอง แต่
ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเป็นเพียงอาการละเมอพูดออกมาเท่านั้น ฌาร์มถอนใจและขยับขึ้นไปนอนเคียงข้างกับศิตาและค่อยๆ เบียดตัวให้
แนบชิด ใบหน้าของฌาร์มอยู่ใกล้ชิดกับแก้มของศิตา ริมฝีปากสัมผัสไปที่แก้มเล็กน้อย ฌาร์มยิ้มจางๆ ยังคงมองดูดวงหน้าของคนที่
เคยทำให้หัวใจเบ่งบาน ถึงแม้จะเพียงช่วงสั้นๆ แต่ความสุขนั้นยังคงอยู่ในหัวใจ
“ซีนรักฌาร์มนะ” ฌาร์มมีน้ำตาไหลรินออกมาเมื่อได้ยิน ถึงแม้ศิตาจะยังไม่รู้สึกตัว แต่คำพูดนั้นทำให้รู้สึกสุขใจขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เมื่อรับรู้ว่าศิตาเป็นคนรักใหม่ของบิดา
ศิตาตื่นขึ้นรู้สึกตาพร่ามัวและมีอาการปวดศรีษะตามมา แต่เมื่อพยายามปรับสภาพสายตาจนเห็นชัดเจนขึ้น จึงเริ่มคิดปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน สิ่งที่จำได้ คือ แวะดื่มกับก้าวหน้าแต่หลังจากนั้นความทรงจำได้จางหายไป จนกระทั่งแสงด้านนอกส่องผ่านผ้าม่านเข้ามา
ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ศิตาไม่รู้ได้ แต่เหมือนมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากคนที่เคยคลอเคลียอบอวลอยู่ข้างกาย ศิ
ตายิ้มจางๆ เพราะรู้ดีว่า หากไม่ได้คิดไปเองก็คงเป็นเพียงความฝันที่ตัวเองจินตนาการขึ้นมา
“หลอกตัวเองสินะ เรา” ศิตายิ้มจางๆ แล้วลุกขึ้นนั่ง อาการปวดหัวทวีขึ้นทันที จึงรีบคว้ายามารับประทาน
“ขอบใจนะ ยายก้าว” ศิตาคิดว่าคนที่มาส่งและเตรียมน้ำพร้อมกับวางขวดยาไว้ให้คงเป็นก้าวหน้า หากพี่สาวรู้เข้าว่าตัวเองเมา
จนต้องให้หลานพากลับบ้านมามีหวังได้โดนบ่นแน่ แต่สายสร้อยที่ตกอยู่ทำให้ศิตาก้มลงไปหยิบขึ้นมาดู
“ฌาร์ม” ศิตารำพึงออกมาเบาๆ แล้วรีบลุกขึ้นเดินดูไปรอบๆ บ้านรวมถึงขึ้นไปสำรวจดูชั้นบน แต่ไม่พบใคร เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ที่ดังมาจากกระเป๋าถือทำให้ศิตารีบวิ่งลงมารับ แต่เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏขึ้น ซึ่งไม่ใช่คนที่ตัวเองตามหาอยู่ถึงกับถอนใจ
“เป็นอย่างไรบ้างคะ น้าซีน” ก้าวหน้าถาม เมื่อปลายสายกดรับ
“ปวดหัวนิดหน่อย ขอบใจนะที่พาน้ามาส่ง” ศิตายิ้มจางๆ รู้สึกผิดที่ทำให้ก้าวหน้าลำบากไปด้วย
“ไม่ต้องมาทำงานก็ได้นะคะ ถ้ามีอะไรก้าวโทรฯ หาเอง” ก้าวหน้าบอกและยิ้มจางๆ ไม่รู้ว่าศิตาอยู่กับฌาร์มด้วยหรือไม่ แต่เดา
จากน้ำเสียงที่ได้ยินคงไม่ได้อยู่ด้วยกัน
“ขอบใจนะที่หยิบขวดยามาวางไว้ให้ แต่น่าจะไปทำงานได้ ช่วงเช้าก้าวดูแลแทนไปก่อนนะ” ศิตาพูดงึมงำ แต่เมื่อเหลือบไป
เห็นสร้อยข้อมือรูปปลาตะเพียนเข้าทำให้มาคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอีกครั้ง
“ทั้งวันก็ได้ค่ะ เมื่อคืนน้าซีนน่ะ เหมือนโดดลงไปในขวดเหล้าเลย” ก้าวหน้าพูดยิ้มๆ
“ฟ้องแม่ไปหรือยังล่ะ” ศิตาถาม
“เปล่าค่ะ เรื่องแค่นี้เอง ก้าวไม่ได้ขี้ฟ้องสักหน่อย ถ้าจะดื่มอีกน้าซีนสัญญากับก้าวได้ไหมว่าจะไปเฉพาะกับก้าว ห้ามไปกับคน
อื่นหรือไปคนเดียวก็ไม่ได้นะคะ” ก้าวหน้าบอกด้วยความเป็นห่วง
“คงไม่แล้วล่ะ ปวดหัวจะระเบิดแล้วเนี่ย อายหลานด้วย”
“น้าซีนเคยสอนเองว่า ทุกปัญหาแก้ไขได้ แก้แล้วให้ยอมรับกับผลที่ตามมา หลังจากนั้นดำเนินชีวิตของเราต่อไป สู้ๆ นะคะ น้าซีน” ศิตาฟังสิ่งที่หลานสาวบอกแล้วรู้สึกแปลกๆ
“เดี๋ยว น้าพูดอะไรไปบ้างเมื่อคืน” ศิตาถามเสียงเรียบ
“อะไรที่อยู่ในใจ ก็อันนั้นแหละค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ ต้องรีบออกจากบ้านแล้วล่ะค่ะเดี๋ยวสาย จะแวะไปหาเจ้าของร้านกาแฟก่อน
ไปทำงานด้วย” ก้าวหน้าลองเรียบเคียงถาม แต่เชื่อว่า ฌาร์มคงไม่ได้อยู่กับน้าสาวของเธอ
“ขอบใจมากนะ ก้าว เอออีกนิดหนึ่ง เมื่อคืน” ศิตาไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะถึงมาส่งจริง ก็คงแค่แบกมานอนแล้วกลับออกไปพร้อมกับหลานสาวซึ่งทำให้ไอ้เจ้าสร้อยที่เคยให้ไว้ตกอยู่