“ให้ก้าวอยู่เป็นเพื่อนไหม” ก้าวหน้าถาม หลังจากที่บิดาของฌาร์มขับรถไปส่งศิตา
“ไม่เป็นไร ขอโทษด้วยที่ทำให้ไม่สบายใจ” ฌาร์มบอก
“ฌาร์มต่างหากที่ไม่สบายใจ ไม่อยากได้น้าซีนเป็นแม่ใหม่หรือ”
“พ่อรัก ความสุขของพ่อ ลูกควรจะมีความสุขไปด้วยไม่ใช่หรือ”
“คนเป็นแฟนกัน เขาต้องบอกกันทุกเรื่องไม่ใช่หรือ” ก้าวหน้ายิ้ม
“มีแค่ร้านกาแฟ อยากเป็นแฟนด้วยจริงดิ” ฌาร์มยิ้มมองคนที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้อยู่
“เงินน่ะ หาเองได้ สิ่งที่อยากได้ คือ ความสบายใจ ถ้ามีแล้วทุกข์จะมีไปทำไม ว่าไหม” ก้าวหน้าบอก
“แล้วทุกข์ไหม เวลาเราเจอกัน” ฌาร์มถาม
“เอาจริงนะ ก้าวชอบฌาร์ม แล้วจู่ๆ ฌาร์มก็บอกพ่อว่าเราเป็นแฟน กัน ฌาร์มคิดว่าก้าวควรจะทำอย่างไรต่อ” ก้าวหน้าถาม ฌาร์
มนิ่งไปเมื่อได้ยินก้าวหน้าบอกว่าชอบ
“หรือเราควรลองคุยกันดู” ฌาร์มถาม
“ฌาร์มชอบก้าวบ้างหรือเปล่าล่ะ” ก้าวหน้าถามกลับ
“ชอบเวลาอยู่ด้วยกันนะ แต่ไม่รู้ว่าจะไปได้ถึงไหน” ฌาร์มถอนใจ
“เหมือนกันเลย แต่รู้สึกแปลกๆ เลยบอกไป ไม่ได้ฉวยโอกาสนะ แค่อยากให้รู้ว่า ก้าวรู้สึกอย่างไร” ก้าวหน้ารู้สึกสบายใจขึ้น ถึงแม้จะไม่ได้ตกลงปลงใจ แต่ฌาร์มได้รับรู้ แม้จะไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธด้วยเช่นกัน
“ก้าวน่ารักดีนะ บอกแบบซื่อๆ ตรงๆ ดี ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเหมือนผู้ใหญ่บางคน” ฌาร์มถอนใจ
“ระวังไว้นะ จะตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว แต่ถ้าไม่ใช่ฌาร์มบอกได้เลย เพราะเป็นสิทธิ์ที่แต่ละคนพึงมี ถ้าไม่ชอบเราเป็นเพื่อนกันได้
คนที่เราชอบถึงแม้ไม่ได้รัก แต่ก็อยากให้วนเวียนอยู่ในชีวิตอยู่ดี” ก้าวหน้ายิ้มและยักคิ้วล้อฌาร์มที่ถึงกับหัวเราะออกมา
“แมนมากค่ะ คุณขา” ฌาร์มโอบไหล่ก้าวหน้าและเดินไปส่งที่รถ
แสงวาววับที่พื้นหญ้าทำให้ฌาร์มเดินเข้าไปดู จึงเห็นว่าเป็นสร้อยข้อมือรูปปลาตะเพียนเส้นที่ตัวเองคืนให้ศิตาไป
“ถ้ารู้ว่าเป็นลูกสาวคุณชัชวาล อาจจะถูกเลือกก็ได้นะ” ฌาร์มคิดแล้วถอนใจ คิดหาเหตุผลว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่ได้เห็นศิตามาเป็นแขกพิเศษของบิดา แล้วทำไมถึงได้ยอมอยู่ใกล้ชิดกับตัวเธอมากมายขนาดที่ฌาร์มคิดจะพามาแนะนำให้บิดารู้จัก แต่เรื่องกลับตาลปัตรไปได้
หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ฌาร์มนิ่งเงียบเหมือนขบคิดอะไรอยู่ตลอดทำให้แป๋วแหววรู้สึกเป็นห่วง ถึงขนาดโทรศัพท์ไปรบกวนน้านุช เจ้าของร้านจะดูสดใสและยอมพูดคุยบ้างกับก้าวหน้าที่แวะมาบ้างในตอนเช้า แต่เห็นว่า
งานยุ่งๆ อยู่ต้องเตรียมวางแผนงาน เพราะจะต้องเดินทางไปต่างประเทศ มือทาบทับไปที่ศีรษะของคนที่นั่งเหม่อลอยอยู่ไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่าเป็นน้านุชจู่ๆ น้ำตาของฌาร์มที่พยายามเก็บกักเอาไว้ก็ไหลรินออกมา
“ฌาร์มจะทำอย่างไรต่อไป” น้านุชได้ยินเรื่องทั้งหมดโดยละเอียดจากปากของหลานสาว
“ก็อยู่ในที่ของตัวเอง ก้าวยังอยากคุยกับฌาร์ม แต่ยังไม่ได้เล่าเรื่องคุณซีนให้ก้าวฟังเลยค่ะ” ฌาร์มบอกกับน้านุชที่ถึงกับส่าย
หน้า
“คุยกันน่ะได้ แต่ควรบอกหนูก้าวเขาเสียนะ มารู้ทีหลังจะไม่ดีเพราะเขาจะไม่พอใจน้าสาวตัวเองไปด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้” น้านุช
พูดเตือน
“ความรักฉันท์คนรัก มันไม่มีจริงใช่หรือเปล่าคะ น้านุช” ฌาร์มถามและเริ่มมีน้ำตาไหลรินออกมาอีกครั้ง
“มีสิ ความรักที่ฌาร์มมีไงลูก รอคนที่เหมาะสม ในเวลาที่เหมาะสม น้าเชื่อว่าทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง เราน่ะเข้าไปในชีวิตเขา
ทีหลังพ่อเขานะ อย่าลืมเรื่องนี้ด้วย” น้านุชพูดเตือนสติ ไม่อยากให้ตั้งแง่ไม่พอใจในตัวศิตา
“ถ้าเป็นน้านุชคงจะดี” ฌาร์มรำพึงออกมาเบาๆ แล้วเริ่มมีรอยยิ้ม
“แก่ปูนนี้แล้วจ้ะ น้าน่ะ” น้านุชหัวเราะเล็กๆ มองดูหลานสาวที่ดูดีขึ้นกว่าเมื่อตอนที่มาถึง
“ยังสวยอยู่เลยค่ะ” สองน้าหลานหัวเราะขึ้นพร้อมกัน
“โน่นมาได้จังหวะ จะได้เลิกฟุ้งซ่านเปลี่ยนเป็นปวดหัวแทน” น้านุชยิ้มๆ แต่ดีใจที่เห็นพันธุดาเปิดประตูเข้ามาในร้าน การได้พบปะผู้คนถือเป็นเรื่องดีสำหรับฌาร์มในช่วงเวลานี้ ถึงแม้จะมีก้าวหน้าคอยอยู่เคียงข้าง แต่คงอีกนานโขกว่าจะได้หัวใจของฌาร์ม เพราะผู้หญิงที่ชื่อศิตายังคงเป็นเงาอยู่ในหัวใจของฌาร์มและไม่รู้ด้วยว่าอีกเมื่อไหร่จะจางหายไป เงาของใครบางคนอาจจะอยู่กับคนๆ นั้นตลอดไปก็ได้ใครจะรู้
“พอแฟนเก่ามาทำหน้ายังกับตูด ตอนอยู่กับสาวใหญ่ยิ้มสวยเว่อร์” น้านุชยิ้ม เมื่อได้ยินเสียงอดีตคนรักของฌาร์มเอ่ยปาก
ทักทายก่อนจะพนมมือไหว้และยิ้มๆ กับน้านุช
“รู้เรื่องสาวคนนั้นด้วยหรือ” น้านุชถามพันธุดา
“ไม่รู้อะไรมากหรอกค่ะ บังเอิญไปเจอเข้า” พันธุดาทำคิ้วขมวดเมื่อได้ยินน้านุชถามเรื่องสาวของฌาร์ม
“อย่าไปฟังมากนักเลยค่ะ พูดไปเรื่อยแหละ” ฌาร์มบอกน้านุช
“ค่อยๆ คิด ค่อยๆ จัดการนะ เริ่มจากตัวเราเอง น้าขอตัวก่อน”
“มีอะไรหรือเปล่า พี่ฌาร์ม” พันธุดาถาม
“ไม่นี่”
“อยากได้กำลังเสริมไปช่วยป่วนบอกนะ ยินดีรับใช้ เออว่าแต่พี่ก้าวจะมาไหม” พันธุดาถาม
“โทรฯ ไปสิ ถ้าอยากเจอ”
“เออจริงด้วย ลืมตัวไปว่าตัวเองเป็นคนลอยชายอยู่คนเดียว คนอื่นเขาทำงานทำการกัน” แป๋วแหววยิ้มๆ เมื่อได้ยินการพูดจา
ของสองคนที่เป็นอดีตคนรักกัน ถ้าทุกคู่เป็นเหมือนสองคนนี้คงจะดี โลกคงสดใสเพราะเรื่อง ราวที่ผ่านไปแล้วก็แล้วกันไป เลิกรากัน
เพียงแค่สถานะคนรัก แต่ตอนนี้สองสาวเป็นเพื่อนเป็นมิตรที่ดีต่อกัน แม้ว่าอดีตคนรักของฌาร์มออกจะกวนๆ อยู่สักหน่อย แต่ก็น่ารักดี
ในสายตาของแป๋วแหวว
“ยังไงกันล่ะ เนี่ย” พันธุดาจ้องมองหญิงสาวที่เดินเคียงข้างมากับชัชวาล จึงหันไปมองสบตากับแป๋วแหวว ซึ่งขมวดคิ้วจ้องมองอยู่เช่นกัน
“ตายแน่ พี่ชามข้าว” แป๋วแหววรำพึงออกมาเบาๆ ย่องๆ เข้าไปบอกเจ้าของร้านที่ถึงกับถอนใจ
“เดี๋ยวพี่รับแขกเอง” ฌาร์มบอก เมื่อชะเง้อมองเห็นพันธุดากำลังเข้าไปทักทายบิดาของเธอ
“แน่ใจนะ พี่ฌาร์ม” แป๋วแหววถาม ฌาร์มจึงพยักหน้าให้ แต่นึกขอบใจอดีตคนรักอยู่เงียบๆ ที่เลือกไปนั่งร่วมโต๊ะกับบิดาและได้
ยินเสียงพูดคุยกัน พันธุดาเป็นคนช่างพูดช่างคุย หลังจากชัชวาลถามทุกข์สุขเลยบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเอง และหันมามองทาง
ส่วนจัดเตรียมเครื่องดื่มบ้าง รู้สึกแปลกๆ เมื่อเห็นศิตามากับบิดาของฌาร์ม ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะครั้งแรกที่เจอกันดูยังไงก็คิดว่า
เป็นแฟนฌาร์ม แล้ววันนี้เหมือนเป็นคนของบิดา ศิตาไม่ค่อยมองสบตากับพันธุดานัก แต่เมื่อไม่ได้พูดถามเรื่องของตัวเองกับ ฌาร์มทำให้สบายใจขึ้นมาบ้าง หรือพันธุดารู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านแล้ว
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ” ฌาร์มเดินออกมาและเอามือวางที่ไหล่ของพันธุดาเป็นสัญญาณว่าให้นิ่งๆ ไม่ต้องถามอะไร ซึ่งพันธุดา
เข้าใจดี
“ดื่มอะไรดีคะ” ชัชวาลหันไปถามศิตา ซึ่งยิ้มจางๆ เงยหน้ามามองสบตากับฌาร์ม
“คุณชัชบอกว่า ฌาร์มชงชาเก่ง เป็นชาร้อนก็ได้ค่ะ” ศิตาถอนใจปฏิกิริยาที่เห็นทำเอาพันธุดานิ่งงันไป สถานการณ์ดูกระอัก
กระอ่วนชอบกล
“ได้ค่ะ มีชาจากญี่ปุ่น ได้ยินจากคนเอามาให้ว่า คัดสรรมาอย่างดีเดี๋ยวฌาร์มจะชงมาให้ลองดื่มนะคะ” ฌาร์มทำตัวให้เป็นปกติที่สุด
“แพทไปเป็นลูกมือให้นะ ยืนเป็นกำลังใจอะไรแบบนี้” พันธุดายิ้ม เมื่อเห็นศิตาหันมาจ้องมองทันที เมื่อได้ยินสิ่งที่พูดออกไป
“ไม่รู้จะสนุก หรือจะวอดวาย เมื่อมีคุณแพท” แป๋วแหววหัวเราะแต่จะว่าไป การมีพันธุดาอยู่ด้วยน่าจะดีกว่าในความคิดของแป๋ว
แหวว ซึ่งกำลังมองดูศิตาที่ไม่รู้ทำไมถึงได้ใจร้ายเสียเหลือเกิน
ชัชวาลกับศิตากำลังพูดคุยกันเรื่องงาน เพราะแฟ้มงานที่ศิตาถือมาจะว่าไปหากมองดูก็เหมือนคนทำงานด้วยกันเสียมากกว่า
แต่เท่าที่รู้มาคนที่ไปไหนมาไหนด้วยกับบิดาของฌาร์ม ส่วนใหญ่จะเป็นคู่ควงยิ่งพามาที่ร้านเหมือนอยากให้ลูกสาวรับรู้ด้วยว่า ท่านไป
ไหนมาไหนกับใครบ้าง
“ตกลงยายคนนั้นเป็นแฟนใหม่พ่อพี่ล่ะสิ” พันธุดาถามตรงๆ ทำเอา ฌาร์มนิ่งไป แต่เดินไปเตรียมชงชาให้กับบิดาและศิตา
“ใช่ แล้วไง” ฌาร์มถาม
“แล้วยายคนนั้นมาอะไรกับพี่ทำไม งง”
“ไม่มีอะไรต่อจากนี้ หายงงไหม” ฌาร์มบอก
“มันง่ายขนาดนั้นเลย พี่ฌาร์มเลิกกับแพทไปตั้งนาน เพิ่งมียายคนนี้ใช่ไหมล่ะ แล้วอะไรว๊ะเป็นแฟนพ่อแต่มายุ่งกับลูกสาว โคตรใจร้ายเลย”
“พี่ก็แค่ไม่ใช่คนที่เขาเลือก เหมือนตอนแพทเลือกคนอื่นนั่นแหละ” ฌาร์มพูด แต่รอยยิ้มจางลงเมื่อเห็นพันธุดาทำหน้าจ๋อยไป
“รู้ว่าทำไม่ดี ขอโทษไปเป็นพันครั้งแล้วนี่”
“โอ๋ๆ ไม่ได้ว่าสักหน่อย” ฌาร์มพูดปลอบ แต่เมื่อเห็นศิตาเดินผ่านคงจะไปห้องน้ำ ฌาร์มจึงดึงตัวพันธุดามากอดปลอบโยน โดย
ไม่ได้สนใจแววตาเรียบนิ่งที่จ้องเขม็งอยู่เลยสักนิด
“ว่าได้ เพราะแพททำไม่ดีจริงๆ แหมกอดแบบนี้เกิดยายคนนั้นมาเห็นเข้าดึงไปตบก็แย่สิ” พันธุดาพูดเสียงดัง โดยไม่รู้เลยว่า คนที่พูดว่าอยู่นั้นมาหยุดยืนมองอยู่ข้างหลัง
“พี่โสดอยู่นะ แพท เข้าใจตรงกันตามนี้” ฌาร์มพูดขึ้น แป๋วแหววรู้สึกสะใจอยู่เหมือนกันที่เห็นการโต้กลับ แต่จริงๆ แล้วในใจคง
เจ็บพิลึก
“พี่ฌาร์มเป็นคนดี รอคนที่คู่ควรต่อไป เชื่อเถอะแฟนของพี่คนต่อจากนี้รับรองได้ว่า ดีเลิศประเสริฐศรีแน่นอน” พันธุดาเห็นท่า
ทางแปลกๆ ของฌาร์ม เมื่อชำเลืองมองเห็นแป๋วแหววพยักพเยิด จึงเดินเข้าไปสวมกอดฌาร์มที่ยิ้มๆ อยู่เช่นกัน
“น้ำเน่าเสียจริงๆ” แป๋วแหววส่ายหน้า ก่อนหน้าไม่ค่อยชอบพันธุดาสักเท่าไร หลังจากทิ้งฌาร์มไปคบหากับคนอื่น จนทำให้เจ้า
นายของตัวเองเสียใจ แต่เมื่อเห็นการปกป้องที่พันธุดามีให้เลยกลับมาคิดว่า คนเราบางทีก็ต้องเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง ซึ่งฌาร์มแสดงให้เห็นว่า การไม่ถูกเลือกไม่จำเป็นต้องตีโพยตีพาย แม้ลึกๆ จะเจ็บปวดมากมายขนาดไหนก็ตาม
“ปล่อยได้แล้ว ไปแล้ว” ฌาร์มยิ้มน้อยๆ ให้
“เดี๋ยวก็ผ่านไปเนอะ เขามีสิทธิ์ที่จะเลือก แต่ก็ควรจะรู้สึกผิดบ้าง พี่ฌาร์มไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะฉะนั้นไม่ต้องหลบหน้า ไม่ต้อง
มาคอยหลบสายตาใคร พี่ไม่ได้ทำผิดอะไร เพราะไม่รู้เรื่องมาก่อน อย่าลืมนะ เรียกใช้แพทได้เสมอ หากอยากให้ช่วยอะไร แม้แต่ไป
ตามราวียายคนนั้นก็เถอะจะรีบแจ้นไปทำให้เลย” พันธุดาหัวเราะและรู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของฌาร์มที่เอามือทาบทับมาที่ศีรษะอย่างเอ็นดู
“ขอบใจ ไปโทรฯ คุยกับพี่ก้าวได้แล้ว เจ้านายอยู่ที่นี่ พี่ก้าวคงว่างคุยกับแพทนะ” สิ่งที่ฌาร์มบอกยิ่งทำให้พันธุดาขมวดคิ้วอีก
ครั้ง
“เจ้านายพี่ก้าว”
“น้าสาวด้วย” ฌาร์มบอกก่อนจะเดินไปยกชา เพื่อนำไปให้บิดากับคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ
“เป็นใครก็ช่างเถอะ พี่ฌาร์มดูแลหัวใจตัวเองดีๆ นะ แฟนเก่าเป็นกำลังใจให้” พันธุดาหัวเราะ ยักไหล่ให้เล็กน้อย เมื่อเห็นศิตา
เดินออกมาจากห้องน้ำ
ความรักครั้งก่อนระหว่างฌาร์มกับพันธุดาทำให้รู้สึกเสียใจมากอยู่เหมือนกัน แต่ช่วงเวลาได้เยี่ยวยาแผลใจ จนกระทั่งมาเจอ
เหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นอีกครั้ง บางครั้งหัวใจอ่อนแอ บางครั้งเข้มแข็ง ตั้งแต่วันที่ได้รู้ว่าคนที่ตัวเองตกหลุมรักเป็นแฟนใหม่ของบิดา ซึ่งดูมีความสุขถึงกับพามาแนะนำให้รู้จัก ถึงแม้จะไม่ได้บอกตรงๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นจะมาเป็นว่าที่ภรรยา แต่การพามาแนะนำให้ฌาร์มรู้จักถึงบ้าน คนเป็นลูกสาวรู้เลยว่า ผู้หญิงคนนี้นี่แหละที่กำลังจะมาเป็นแม่เลี้ยงของตัวเอง
“ไม่ใช่คนของเราคงต้องทำใจ” การไม่ได้พบเจอและติดต่อกันเลยตลอดหลายวันทำให้ฌาร์มคิดว่า ควรจะยอมรับกับการเลือก
เส้นทางของผู้หญิงคนที่กำลังนั่งเคียงข้างบิดาของเธอ
“ใครไปญี่ปุ่นมา ชาหอมดีแท้” บิดาบอกทำเอาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้สึกอึดอัดขึ้นมากกว่าเดิม เพราะบ่ายเบี่ยงกับการมาที่ร้านกาแฟของฌาร์ม แต่ชัชวาลหว่านล้อมและอยากให้ศิตาสนิทชิดเชื้อกับฌาร์มให้มากขึ้น อยากให้ได้พบเจอกันบ่อยขึ้น ศิตาจึงไม่สามารถปฏิเสธได้
“คนรู้จักน่ะค่ะ รู้ว่าฌาร์มชอบชาเลยหามาฝาก” ฌาร์มพูดคำว่าคนรู้จักระหว่างที่พูดมองสบตากับศิตาเล็กน้อยพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“หอมดีนะครับ ลองชิมดู” ชัชวาลหันไปบอกศิตาที่ยิ้มน้อยๆ ให้
“ชอบไหมคะ” ฌาร์มถามด้วยน้ำเสียงแปร่งๆ ศิตาถอนใจเล็กน้อย
“ชอบค่ะ” ศิตายิ้มเหยียดๆ จ้องมองฌาร์มเขม็ง
“แต่ชาของพ่อ อร่อยกว่าค่ะ แพงกว่ามากด้วย” ศิตารู้ว่าเป็นการพูดต่อว่า แต่ตัวเองก็สมควรจะโดน เพราะหากยับยั้งชั่งใจคงไม่
ต้องเจ็บปวดกับคำพูดรวมถึงแววตาที่ดูแข็งๆ แต่บางครั้งก็เห็นถึงความปวดร้าวบ้างในบางขณะ ฌาร์มพูดขอตัวและเดินเข้าไปในห้อง
ด้านหลัง ศิตามองตามและกระซิบบอกอะไรบางอย่างกับชัชวาลที่พยักหน้าให้