เสียงเพลงเบาๆ ช่วยให้ผ่อนคลายในวันที่เหนื่อยจากงาน ฌาร์มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะจิบเบียร์เย็นๆ คลอเคล้าเสียงเพลงของนักร้องสาวที่เสียงดีถึงขนาดที่ฌาร์มหมุนตัวหันไปตั้งใจฟัง แต่ความสุขเหมือนกำลังจะถูกรบกวน เพราะชายหนุ่มที่เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ ฌาร์มเลือกนั่งที่บาร์ ซึ่งมีเก้าอี้เป็นแถวเรียงยาว ในเมื่อมาคนเดียวและไม่อยากจะสนทนากับใครจึงเลือกที่จะมานั่งอยู่ห่างจากเวที ซึ่งนักร้องสาวยังคงขับกล่อมเพลงไพเราะให้ได้ยินได้ฟัง ชายหนุ่มถามโน่นนี่ฌาร์มตอบบ้างไม่ตอบบ้าง ส่วนใหญ่จะเพียงยิ้มน้อยๆ ให้ แสดงให้เห็นว่าไม่ค่อยอยากสนทนาด้วยเท่าไรนัก แต่ลูกตื้อที่ชายหนุ่มส่วนใหญ่มักคิดว่าใช้ได้กับผู้หญิงทุกคน โดยท่าทางที่ดูเชื่อ มั่นในความรูปหล่อกับเสื้อผ้าราคาแพงและกลิ่นน้ำหอมที่กระจายฟุ้งอยู่จนทำให้ฌาร์มรู้สึกปวดหัว
“รอนานไหม ขอโทษทีที่มาช้า” เสียงของหญิงสาวที่ดังขึ้นทำให้คนที่นั่งอยู่ก่อนรีบหันมา ชายหนุ่มยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวที่สวยสง่าดูน่าสนใจกว่าคนที่ตัวเองยืนเกี้ยวพาราสีอยู่เสียอีก เป้าหมายจึงเปลี่ยน ไป ฌาร์มยิ้มแล้วถอนใจกับชายหนุ่ม เมื่อเห็นหญิงสาวสวยที่มานั่งอยู่ข้างๆ ฌาร์ม ถึงกับย้ายที่ยืนไปด้านที่ศิตาเพิ่งนั่งลงเมื่อสักครู่ บทสนทนาเริ่มขึ้นอีกครั้งคล้ายกับบทสนทนาก่อนหน้า ฌาร์มยิ้มและสั่งเครื่องดื่มให้กับศิตา เมื่อยกขวดเบียร์ให้ดูสาวเจ้าพยักหน้าให้เล็กน้อย
“ขอบคุณค่ะ” ศิตาบอกฌาร์มไม่ได้บอกธรรมดาแถมด้วยการหอม แก้มทำเอาฌาร์มรีบหันไปมองสบตาด้วย แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มจ้องมองมาจึงเข้าใจว่า เหตุของการโดนหอมแก้มอาจเป็นหนทางหนึ่งที่จะไล่ชายหนุ่มออก ไปแต่โดยดีและได้ผล
“น่ารำคาญ” ศิตาบ่นพึมพำ เมื่อชายหนุ่มส่ายหน้ากลับไปที่โต๊ะซึ่งกลุ่มเพื่อนๆ หัวเราะและคงซุบซิบนินทากัน เมื่อเห็นศิตาหอม
แก้มฌาร์ม
“ใช้ฌาร์มเป็นตัวช่วยว่างั้น” ฌาร์มบอก โดยไม่ได้รู้ว่าตัวเองหน้าแดงมากขนาดไหน แม้แต่เจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลเครื่องดื่มให้ยังยิ้มออกมา ศิตายิ้มชำเลืองมองดูฌาร์มเล็กน้อย
“หรืออยากนั่งรำคาญอยู่ล่ะ นั่งให้เขาเกี้ยวอยู่ได้” น้ำเสียงแปร่งๆ ฟังคล้ายต่อว่า จนพนักงานที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ยิ้มอีกครั้ง
“น่าสงสารหนุ่มนะครับ” พนักงานที่มีหน้าที่จัดเครื่องดื่มบอก
“น่ารำคาญมากกว่านะคะ” ศิตาพูดยิ้มๆ
“ไม่ยักรู้ว่า คุณฌาร์มมีแฟนแล้ว” ศิตาได้ยินเข้าเลยแปลกใจไม่รู้ว่าพนักงานรู้จักกับฌาร์มด้วย
“ตายล่ะ” ศิตาอุทานออกมาและนำผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดที่แก้มของคนที่ยังคงนั่งนิ่งๆ ให้เช็ดลิปสติกออกแต่โดยดี แต่รอยยิ้ม
แปลกๆ ของคนที่ยัง คงผสมเครื่องดื่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นั่นคงคาดเดาไปต่างๆ นานาแล้ว
“ไม่ตายหรอกครับ เก็บเงียบเลยนะครับ” พนักงานยังพูดแหย่ฌาร์มที่นั่งยิ้มๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา
“คุณซีนก็เล่นจนได้เรื่อง คนอื่นเข้าใจผิดหมด”
“เข้าใจอะไรผิด” ศิตาพูดลอยๆ ฌาร์มหันไปมองสบตาด้วยแล้วยิ้ม
“ไม่มีอะไร” ฌาร์มบอกแล้วหันไปยิ้มให้กับพนักงาน ซึ่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และถอยออกไปอยู่ห่างมากกว่าเดิม เพราะก่อนหน้า
ฌาร์มนั่งคนเดียวจึงเข้ามาพูดคุยด้วย แต่ตอนนี้มีคนมานั่งอยู่ด้วยแล้ว จึงถอยห่างออกมา
“แฟนจะว่าเอาไหม” ศิตาถาม
“ไม่หรอกค่ะ ถ้าเป็นแฟนกันต้องเข้าใจกันสิ” ฌาร์มบอก
“มั่นมาก แล้วทำไมมานั่งอยู่คนเดียวให้หนุ่มเกี้ยวอยู่ได้”
“ปกติไม่มีนะคะ” ฌาร์มบอก
“สวยซะขนาดนี้ ใครจะเชื่อ” ศิตาพูดพึมพำ คนได้ยินยิ้มๆ
“สวยน้อยกว่าคุณซีนนะ ฌาร์มว่า ดูสิพอมาถึงหนุ่มแปรพักตร์ย้ายข้างไปเลย เสียใจจริงๆ” ฌาร์มหัวเราะเล็กๆ ไม่ค่อยกล้าหัน
ไปมองศิตาตรงๆ หลังจากโดนจูบเข้าที่แก้ม
“มาคนเดียวบ่อยล่ะสิ พนักงานถึงได้รู้จัก” ศิตาถาม เพราะตัวเองเคยมาที่นี่บ่อยอยู่เหมือนกัน
“ที่นี่ปลอดภัย เมาไม่ต้องกลับค่ะ เปิดห้องพักนอนได้เลยข้างบน” ฌาร์มพูดยิ้มๆ เพราะชั้นบนเป็นโรงแรมยักษ์ใหญ่ใจกลาง
เมืองที่มีห้องพักจำนวนมาก ฌาร์มทำอย่างที่บอกไปจริงๆ
“ถามจริง” ศิตาขมวดคิ้วสบตากับพนักงานที่ถึงจะไปยืนอยู่ห่างแต่ยังคงมองมายังสองสาว เผื่อต้องการอะไรเพิ่มเติมจะได้จัดการให้
“จริงค่ะ”
“ทำไมไม่เห็นเคยเจอ” ศิตาพูดขึ้น
“เจอแต่ไม่รู้จักมั้งคะ ว่าแต่คุณซีนทำไมมาคนเดียวได้”
“มีงานเลี้ยงข้างบน แต่เบื่อเลยแอบหนีลงมา เจอฌาร์มก็ดีแล้วจะได้มีเพื่อน ไม่ขึ้นไปข้างบนแล้ว เมาได้ใช่ไหม” ศิตาถามยิ้มๆ
“สูงพอๆ กัน น่าจะแบกไปนอนไหว” ฌาร์มหัวเราะ
“เด็กบ้า” ศิตายิ้มและยกขวดเบียร์ให้พนักงานเห็น ซึ่งพนักงานรีบนำมาเพิ่มให้ทันที
“ชอบดื่มตอนไหน ทุกข์ หรือสุข” ศิตาถาม
“เบื่อๆ ค่ะ ร้านคนแน่นเหนื่อยๆ เลยแวะหาอะไรดื่ม เดี๋ยวจะกลับแล้วล่ะ” ฌาร์มบอก หลังจากเห็นศิตาดื่มเบียร์ขวดแรกหมดไป
ในเวลาอัน รวดเร็วและขวดที่สองกำลังเริ่ม
“เห็นตอนแรกนึกว่าอกหัก” ศิตาแสร้งถาม
“อกหักคงต้องเข้มข้นกว่านี้มั้ง เจ้าของโรงแรมถึงกับต้องมาหามไปนอนอะไรแบบนี้” ฌาร์มหัวเราะ
“สองครั้งเท่านั้นเองครับ” พนักงานของร้านนำเบียร์ขวดใหม่มาเพิ่มให้กับฌาร์ม เหมือนรู้ใจกันไม่ต้องบอกอะไรก็จัดมาให้เรียบ
ร้อย
“อกหักสองครั้ง” ศิตาพูดขึ้นลอยๆ แต่ทำทีเหมือนเป็นการพูดคุยเรื่องทั่วๆ ไปไม่ได้แสดงท่าทางสนใจอะไรมากนัก
“กวน แต่ไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้นไหม ถึงจะสวยน้อยกว่าก็เถอะ” ฌาร์มหัวเราะเล็กๆ บางทีความสบายใจก็มาโดยไม่ได้ตั้งเนื้อตั้งตัว
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้ายังรู้สึกเนื่อยๆ เบื่อๆ อยู่แท้ๆ แต่เมื่อมีคนพูดจาดีบ้าง กวนบ้างชวนสนทนาทำให้ความเหนื่อย ความเบื่อ ค่อยๆ ทุเลาลง
หรือเป็นเพราะจูบเล็กๆ ที่ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น
“สวยจะตายไป” ศิตาพูดยิ้มๆ ฌาร์มเองยิ้มๆ เช่นกัน
“ถือว่าชมเนอะ” ฌาร์มบอก
“ชมอยู่ ไม่ได้กวนนะ จริงใจ” ศิตามองดูแก้มของฌาร์มที่ยังมีรอยลิปสติกจางๆ ติดอยู่
“อกหักครั้งหนึ่ง ตอนแม่เสียครั้งหนึ่ง ครั้งหลังแย่หน่อยค่ะ” ฌาร์ม ถอนใจที่พูดเรื่องมารดาออกไปกับคนที่ถือว่าเป็นคนแปลก
หน้า
“เสียใจด้วย ขอโทษที่ถาม”
“ไม่เป็นไรค่ะ นานแล้วเหมือนกัน ฌาร์มขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ ชักง่วง” ฌาร์มน้ำเสียงเปลี่ยนไป หลังจากพูดเรื่องของมารดา
“โกรธซีนหรือเปล่าที่เซ้าซี้ถามโน่นนี่” ศิตาถาม
“ฌาร์มเล่าเองนี่” ฌาร์มบอกแล้วยิ้มสวยๆ ให้กับศิตา ซึ่งคงทำให้คนที่หน้าจ๋อยไปครู่หนึ่งมีรอยยิ้มสดใสขึ้น
“หมดขวดนี้ก่อน ซีนกลับด้วย” ศิตาบอก สองสาวจึงหยิบขวดมาชนกันเบาๆ ก่อนจะยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดเหมือนกัน โดยไม่ได้
นัดหมาย
ฌาร์มกลับถึงบ้านได้พักใหญ่ ยืนลังเลอยู่ว่าควรจะโทรฯ หาศิตาดีหรือไม่ แต่คนที่มัวยืนมองโทรศัพท์อยู่ตัดสินใจช้ากว่าคนที่โทรศัพท์มา
“ถึงบ้านแล้ว เผื่อมีคนเป็นห่วง” ศิตาอมยิ้ม
“โตแล้ว คุณซีนดูแลตัวเองได้อยู่แล้วนี่ ใครเขาจะไปห่วง” ฌาร์มยิ้มเพราะคิดว่าปลายสายอาจจะอยากบีบคอเธออยู่แน่
“อ้าวเหรอ งั้นไม่กวนแล้ว ซีนถึงบ้านแล้วล่ะ” ศิตาพูดเสียงอ่อยๆ
“ฌาร์มถึงแล้วเหมือนกัน กำลังจะโทรฯ ไป คุณซีนโทรฯ มาก่อน” ฌาร์มบอก เพราะน้ำเสียงที่ได้ยินเมื่อสักครู่ทำให้ต้องรีบ
บอกออกไป
“ขอบคุณนะ ที่ไม่ไล่กลับตั้งแต่เปิดเบียร์ขวดแรก” ศิตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แทบจะไม่อยากเข้านอน เพราะเกรงว่าความสุขที่มีอยู่จะจางหายไปเมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่
“อยากดื่มอีกเมื่อไร บอกได้ค่ะ ยินดี เผื่อจะไปเมากันสักตั้ง ใครดื่มได้น้อยกว่าคนนั้นจ่าย” ฌาร์มหัวเราะคิกคักมองกระจกเงา
บานใหญ่แล้วยิ้มให้กับรอยลิปสติกที่ยังมีรอยจางๆ ติดอยู่ที่แก้ม
“มีมาท้าทาย คอแข็งนะจะบอกให้” ศิตาพูดขู่
“งั้นต่อให้ฌาร์มสักโหล ในฐานะที่อายุมากกว่า ดื่มมาก่อนถือว่าเชี่ยวชาญ” ฌาร์มหัวเราะ ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังชวนพูดคุย
ทั้งๆ ที่ปลายสายอาจจะอยากวางสายแล้ว
“เด็กบ้า ไม่ได้ขี้เมาขนาดนั้นนะ แต่ขอบคุณ ซีนมีความสุขนะที่ได้เจอฌาร์ม” ศิตาบอกความรู้สึก แต่ฌาร์มเงียบไป
“ขอบคุณค่ะ ที่ไม่รังเกียจเด็กบ้านะคะ ฝันดีค่ะ” ฌาร์มบอกหลังจากที่นิ่งไปครู่หนึ่งทำเอาปลายสายใจคอไม่ดี
“น่ารักซะขนาดนั้น ใครจะรังเกียจ ฝันดีจ้ะ” ศิตาเอ่ยชมแต่ตัวเองเป็นฝ่ายยิ้มอายๆ เอง แม้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ไม่อยากให้
ปลายสายจับน้ำ เสียงได้กับความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้น
“ฉิบหายแล้ว” แป๋วแหววรำพึงออกมาเบาๆ เมื่ออ่านข่าวในแวดวงคนดังซึ่งมีภาพชัชวาลบิดาของฌาร์มที่ควงหญิงสาวออกงานและถูกเขียนแซวว่าอาจจะเป็นว่าที่ภรรยาคนใหม่ แป๋วแหววยิ้มจางๆ กับหญิงสาวที่ยืนหน้านิ่งเคียงข้างบิดาของฌาร์ม
“ทำอะไรผิดมาล่ะสิ” เสียงของฌาร์มที่เข้ามาที่ร้านแต่เช้าเสมอทำให้แป๋วแหววรีบปิดหนังสือพิมพ์ในทันที
“หนูลืมสั่งขนมเพิ่มค่ะ เดี๋ยวโทรฯ สั่งเดี๋ยวนี้เลย แต่อาจจะได้สายหน่อย” แป๋วแหววไขว้นิ้วระหว่างที่รายงานกับเจ้าของร้าน
และกำลังค่อยๆ พับหนังสือพิมพ์ที่อ่านเมื่อสักครู่ เพื่อตอนถือออกไปเจ้าของร้านจะได้ไม่เห็นแต่หญิงสาวที่ยืนโบกมือไหวๆ อยู่หน้า
ร้านนั่นยิ่งทำให้แป๋วแหววรีบแจ้นเอาไปซ่อนก่อนจะทำลายทิ้ง
ฌาร์มยิ้มเดินไปเปิดประตูต้อนรับลูกค้ารายแรกที่มาก่อนเวลาเปิดร้าน แต่ได้ทำให้เช้านี้สดใสมากขึ้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนที่ผ่านมากว่าจะได้นอนดึกอยู่เหมือนกัน
“เพื่อนไปญี่ปุ่นมาเลยฝากซื้อชามาให้” ศิตาบอก ฌาร์มมองดูถุงที่ถูกยื่นมาให้ตรงหน้า
“เอาไว้ทานเองไม่ดีกว่าหรือคะ” ฌาร์มพูดขึ้น
“ไม่รับของจากคนแปลกหน้า หรือ” ศิตาถามและจับมือฌาร์มให้มาจับที่ถุง มือที่สัมผัสกันทำให้อบอุ่นใจ แต่กลับทำให้รอยยิ้ม
ของเจ้าของร้านกาแฟจางลง
“ถ้าอย่างนั้น ซีนกลับก่อนดีกว่า” ศิตาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือการถูกเนื้อต้องตัวดูไม่เหมาะสมนัก บางทีที่นี่เป็นที่โล่งแจ้ง
เพราะบางคนอาจไม่ชอบและตัวเองก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงได้แสดงท่าทีออกไปอย่างนั้น
“ลองชากันก่อนดีกว่า แล้วก็อาหารเช้าด้วย” ฌาร์มถอนใจเล็กน้อย เมื่อเห็นแววตาที่ดูหมองลงไป จึงคว้าข้อมือและพาเข้ามานั่งด้านในร้าน ซึ่งค่อนข้างลับตาคน ก่อนตัวเองจะไปจัดเตรียมอาหารเช้าพร้อมกับชาที่ศิตานำมาฝาก
“ซีนมาเกะกะหรือเปล่า ร้านยังไม่เปิดด้วย แต่อยากแวะมาเพราะมีงานแต่เช้า” ศิตาบอก
“เกะกะมากค่ะ รู้ตัวด้วย” ฌาร์มพูดยิ้มๆ
“แล้วจะกลับทำไมไม่ให้กลับ” ศิตาถาม
“มีเพื่อนทานอาหารเช้าดีออก เบื่อแป๋วแหววจะแย่ค่ะ” อาหารเช้าง่ายๆ ไข่ดาวกับไส้กรอก พร้อมชากลิ่นหอมสดชื่น ซึ่งศิตาคัด
สรรมาอย่างดีเพราะคิดว่าฌาร์มน่าจะชอบดื่มชา
“ถึงซีนจะโตกว่า แต่ถ้าอึดอัดก็ไม่ต้องเกรงใจ ไม่สะดวกก็บอกได้ เลยนะ ฌาร์ม” ศิตาจ้องมองคนที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาด้วย
พร้อมด้วยรอยยิ้ม
“รู้แล้วล่ะว่า แก่ ย้ำจัง” ฌาร์มหัวเราะ
“เดี๋ยวเถอะนะ ใครแก่ แค่โตกว่าเท่านั้นเอง” ศิตาเริ่มมีรอยยิ้มสดใสให้เห็น ฌาร์มมีรอยยิ้มน้อยๆ แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุด คือ แววตา
ซึ่งมีความกังวลใจปะปนอยู่บ้างในบางครั้ง เด็กคนนี้คิดอะไรอยู่หรือรู้สึกอะไรอยู่นะและที่คิดที่รู้สึกจะเหมือนกับที่ศิตารู้สึกและคิดอยู่หรือไม่
“ทานอาหารเช้าให้หมดเถอะค่ะ เห็นว่ามีงานเช้า เดี๋ยวจะหิวแย่” ฌาร์มมองดูอาหารของตัวเองที่หมดเกลี้ยงก่อน จึงเดินหายไป
ทางด้านหลังก่อนจะกลับมาพร้อมแก้วสเตนเลสที่มีฝาปิดสนิท
“ถ้ามาทุกเช้า แล้วมีให้ทานทุกเช้าก็ดีสิ” ศิตารำพึงแล้วยิ้มอายๆ รับแก้วมาถือไว้
“ต้องลองมาดูค่ะ ไม่เจอฌาร์ม แป๋วแหววจัดเตรียมให้ได้”
“แล้วถ้าอยากเจอทุกวัน ต้องทำไง” ศิตาถาม แววตาใสๆ ที่จ้องมองทำเอาฌาร์มแอบถอนใจและขยับออกห่างเล็กน้อย
“คุณซีนมีเวลาว่างขนาดนั้นเลยหรือ” ฌาร์มถาม
“ทำให้อึดอัดอีกละสิ ถ้างั้นเอาเป็นว่า ซีนรอฌาร์ม ถ้าอยากเจอส่งข้อความหานะ ไม่อยากให้อึดอัด ตกลงตามนี้ ขอบคุณสำหรับ
อาหารเช้าแล้วก็ชาหอมๆ แต่แก้มของคนชงชาหอมกว่านะ” ศิตากระซิบบอกหลังจากชำเลืองมองไปทางแป๋วแหววที่ยิ้มๆ แล้วหัน
หลังไปทำงานของตัวเอง ฌาร์ม มองตามพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องหยอดก็ใจละลายอยู่แล้ว ผู้ใหญ่นี่ร้ายกาจเสียจริ๊ง” ฌาร์มยิ้ม แต่เมื่อเดินกลับเข้ามาในร้านหลังจากเดินไปส่งศิตาก็เห็น
แป๋วแหววทำท่าทะเล้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้อยู่
“ยังไง ยังไง แก้มเกิ้มหอมแก้ม คือ อะไรคะ พี่ชามข้าว” แป๋วแหววพูดจบรีบหายวับเข้าหลังร้านไปทันที เพราะแค่อยากแหย่
แต่ไม่ได้อยากได้คำตอบหรือคำอธิบายอะไร ในเมื่อดูเหมือนว่า ความชัดเจนค่อยๆ เผยตัวออกมา แล้วก้าวหน้าคนน่ารักเมื่อวันก่อนล่ะ
ยังไงล่ะ ยังไง แป๋วแหววส่ายหน้ากับความคิดของตัวเองที่ออกจะไปวุ่นวายเรื่องของเจ้านายมากเกินไป